Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

11 กันยายน 2557 เลขาธิการ กสทช.ฐากร ได้ลงนามในหนังสือคำสั่งทางปกครองไปยังผู้ให้บริการโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิลกว่า 400 ราย เพื่อสั่งให้ยุติการเผยแพร่การออกอากาศของช่อง 3 บนโครงข่ายของตนเองภายใน 15 วัน

ประเด็นหลัก



นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช.กล่าวว่า วันนี้ได้ลงนามในหนังสือคำสั่งทางปกครองไปยังผู้ให้บริการโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิลกว่า 400 ราย เพื่อสั่งให้ยุติการเผยแพร่การออกอากาศของช่อง 3 บนโครงข่ายของตนเองภายใน 15 วัน หลังจากได้รับหนังสือคำสั่งดังกล่าว หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวจะโทษปรับวันละ 20,000 บาท หรือพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต และหากไม่พอใจให้ยื่นฟ้องร้องไปยังศาลปกครองได้

“ผมลงนามในคำสั่งเมื่อ 16.00 น.แล้ว เชื่อว่าช่วงเช้าของวันที่ 11 ก.ย. ทางสำนักงาน กสทช.จะจัดส่งคำสั่งไปทางไปรษณีย์แบบลงทะเบียน เมื่อบริษัทลงนามรับหนังสือแล้ว ก็จะเริ่มนับ 1 ไปจนครบ 15 วัน ซึ่งคาดว่าจะครบกำหนดในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ก.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม หากมีการจอดำบนโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิล แต่ผู้บริโภคยังคงรับชมช่อง 3 อนาล็อก ผ่านเสาก้างปลาและหนวดกุ้ง ไปจนกว่าจะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานปี 2563 หรือจะเปลี่ยนไปอย่างอื่นๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของช่อง 3” นายฐากรกล่าว พร้อมระบุอีกว่าหากทางผู้ให้บริการโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิล ต้องการให้มีการทบทวนมติของ กสทช.ในคำสั่งดังกล่าว ก็สามารถยืนอุทธรณ์มายัง กสทช.ได้ เพื่อจะได้นำหารือในที่ประชุมบอร์ด กสทช.ชุดใหญ่ที่มี พล.อ.ธเรศ ปุณศรี เป็นประธาน พิจารณาอีกครั้ง เพื่อความรอบคอบและช่วยกันในการหาทางออกร่วมกัน

______________________________




กสทช.ตวัดดาบ ฟันวิก3-จอดำ!

เซ็นคำสั่งแจ้งถึง เคเบิล-ดาวเทียม

กสทช.ลงนามแล้วคำสั่งให้เคเบิลและโครงข่ายดาวเทียมยุติเผยแพร่ออกอากาศรายการช่อง 3 อนาล็อก พร้อมจัดส่งหนังสือทางไปรษณีย์ทันที คาดเห็นผลจอดำชัดเจนปลายเดือนนี้ พร้อมคาดโทษแรง หากฝ่าฝืนเจอปรับวันละ 2 หมื่นบาท หรือถึงขั้นพัก/ เพิกถอนใบอนุญาต ส่วนการถ่ายทอดสดการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ยังไม่สะเด็ดน้ำกับช่อง 3 อนาล็อก เตรียมถกในที่ประชุมบอร์ด กสท.อีกครั้ง

ความคืบหน้าการแก้ปัญหาช่อง 3 อนาล็อก จะเกิดภาวะจอดำในการรับชมผ่านระบบเคเบิลและโครงข่ายสัญญาณดาวเทียม หลังคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) มีมติให้ผู้ประกอบทั้งสองประเภทบล็อกรายการของช่อง 3 อนาล็อก ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อช่วงเย็นวันที่ 10 ก.ย. พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) กล่าวว่า ได้รับทราบข้อเสนอแนะของบริษัท บางกอกเอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เจ้าของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีช่อง 3 แล้ว แต่ได้มอบหมายให้สำนักงาน กสทช.ไปวิเคราะห์รายละเอียดก่อน นำเสนอที่ประชุบอร์ด กสท.ในสัปดาห์หน้า ขณะนี้ยังไม่สามารถให้ความเห็นใดๆ ได้ อย่างไรก็ตาม การดำเนินการใดต้องยึดกฎหมายเป็นหลัก

ด้าน น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ กสทช. กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นข้อเสนอแนะ แต่หากมีการเสนอให้ กสท.นำเอาเนื้อหารายการของช่อง 3 ไปออกอากาศช่องใดก็ได้ขึ้นอยู่กับ กสท.นั้น คงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะผิดกฎหมาย

“กสท.ไม่มีอำนาจที่จะดำเนินการ แต่หากมีใครกล้าที่จะดำเนินการ ก็ให้ดำเนินการไป แต่ดิฉันไม่ทำ เพราะผิดกฎหมาย แต่ขอถามว่าเหตุใดต้องเสนอแนะแบบนี้ หากจะนำไปออกช่องสาธารณะก็ทำไม่ได้ เพราะช่องสาธารณะ ไม่มีโฆษณา แต่เงื่อนไขของช่อง 3 ห้ามเปลี่ยนแปลงเนื้อหาใดๆ แต่หากจะนำไปไว้ช่อง 37 บนกล่องดิจิตอล ก็ยังทำไม่ได้ เพราะช่อง 3 ไม่ได้ประมูลคลื่น ประมูลช่องมา ฉะนั้นทางเลือกทางเดียวกันคือการนำเนื้อหารายการมาออกคู่ขนานบนช่องดิจิตอล 28 และ 33 น่าจะเป็นทางออกที่ดี แต่ไม่เข้าใจช่อง 3 เช่นกันว่าทำไมถึงไม่ยินยอมที่จะออกอากาศคู่ขนาน” น.ส.สุภิญญากล่าว

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช.กล่าวว่า วันนี้ได้ลงนามในหนังสือคำสั่งทางปกครองไปยังผู้ให้บริการโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิลกว่า 400 ราย เพื่อสั่งให้ยุติการเผยแพร่การออกอากาศของช่อง 3 บนโครงข่ายของตนเองภายใน 15 วัน หลังจากได้รับหนังสือคำสั่งดังกล่าว หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวจะโทษปรับวันละ 20,000 บาท หรือพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต และหากไม่พอใจให้ยื่นฟ้องร้องไปยังศาลปกครองได้

“ผมลงนามในคำสั่งเมื่อ 16.00 น.แล้ว เชื่อว่าช่วงเช้าของวันที่ 11 ก.ย. ทางสำนักงาน กสทช.จะจัดส่งคำสั่งไปทางไปรษณีย์แบบลงทะเบียน เมื่อบริษัทลงนามรับหนังสือแล้ว ก็จะเริ่มนับ 1 ไปจนครบ 15 วัน ซึ่งคาดว่าจะครบกำหนดในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ก.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม หากมีการจอดำบนโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิล แต่ผู้บริโภคยังคงรับชมช่อง 3 อนาล็อก ผ่านเสาก้างปลาและหนวดกุ้ง ไปจนกว่าจะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานปี 2563 หรือจะเปลี่ยนไปอย่างอื่นๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของช่อง 3” นายฐากรกล่าว พร้อมระบุอีกว่าหากทางผู้ให้บริการโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิล ต้องการให้มีการทบทวนมติของ กสทช.ในคำสั่งดังกล่าว ก็สามารถยืนอุทธรณ์มายัง กสทช.ได้ เพื่อจะได้นำหารือในที่ประชุมบอร์ด กสทช.ชุดใหญ่ที่มี พล.อ.ธเรศ ปุณศรี เป็นประธาน พิจารณาอีกครั้ง เพื่อความรอบคอบและช่วยกันในการหาทางออกร่วมกัน

ส่วนการหารือกรณีถ่ายทอดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 17 นั้น วันเดียวกัน นายสมบัติ ลีลาพตะ รักษาการรองเลขาธิการ กสทช. เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด กสท.วาระพิเศษเมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา มีมติรับทราบการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 17 จากเมืองอินชอน สาธารณรัฐเกาหลี วันที่ 19 ก.ย.-4 ต.ค. 57 โดยถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 5, 7, 9, 11 และให้ถ่ายทอดทุกรายการแข่งขันที่มีนักกีฬาไทยเข้าร่วมแข่งขันทุกรายการด้วย นอกเหนือจากที่ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) ไปเจรจาซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด ส่วนการขออนุญาตให้ช่อง 3 อนาล็อก ถ่ายทอดสดการออกอากาศร่วมนั้น ให้นำเรื่องดังกล่าวเสนอที่ประชุมบอร์ด กสท.ในวันที่ 15 ก.ย.57 เพื่อพิจารณาอีกครั้ง เนื่องจากมีหลายประเด็นต้องพิจารณาให้ละเอียดและรอบคอบและยังมีเวลาในการพิจารณา โดยช่อง 3 อนาล็อกจะถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาในวันที่ 18 ก.ย.57

นายสมบัติกล่าวด้วยว่า ส่วนการอนุญาตออกอากาศผ่านโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิลของบริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด ซึ่งเป็นแบบบอกรับสมาชิกนั้น ที่ประชุมได้อนุมัติให้ทรูวิชั่นส์ นำไปออกอากาศได้ เนื่องจากเป็นการเจรจาซื้อลิขสิทธิ์เนื้อหารายการไปออกอากาศบนโครงข่ายแบบบอกรับสมาชิก แต่ให้สำนักงาน กสทช.ทำหนังสือตักเตือนไปยังทรูวิชั่นส์ว่า หากต้องการดำเนินการดังกล่าวหรือขอยกเว้นการปฏิบัติตามประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป พ.ศ.2555 ให้แจ้งมายัง กสท.ล่วงหน้า มิใช่กระทำการอย่างเร่งด่วนเช่นกรณีการถ่ายทอดเอเชียนเกมส์ครั้งนี้

ด้าน พล.ท.สบโชค ศรีสาคร เลขานุการบริการโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) หรือทีวีพูล กล่าวว่า ในการหารือร่วมกับ กสท.ช่อง 3 ทรูวิชั่นส์ และผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล 24 ช่อง เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่า การเจรจาซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งนี้ถือว่ามีต้นทุนที่สูง เพราะมีคู่แข่งจากประเทศไทยไปร่วมแข่งขันด้วย ฉะนั้นขอเสนอว่าในการแข่งขันโอลิมปิกครั้งหน้า ผู้ประกอบการทีวีในประเทศไทย ควรจะลงขันไปประมูลในนามประเทศไทยเพียงรายเดียว เพื่อให้ราคาซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดถูกลง ทั้งนี้วัตถุประสงค์ของทีวีพูลต้องการให้คนไทยทุกครัว เรือนได้รับชมการแข่งขันกีฬาทุกประเภท โดยเฉพาะกีฬาที่มีคนไทยเข้าร่วมแข่งขัน แต่หากต้องซื้อลิขสิทธิ์ในราคาที่สูง ก็ไม่ได้เป็นผลดีต่อประเทศไทย เพราะเพียงแค่รายการถ่ายทอดสดกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งนี้ ยังขาดทุน 40-50 ล้านบาทแล้ว และโฆษณาก็มีน้อย

ส่วนประเด็นการถ่ายทอดสดผ่านช่อง 3 อนาล็อกและนำไปออกคู่ขนานในช่องดิจิตอล 33 นั้น เป็นลักษณะที่ทีวีพูลไปเจรจาซื้อช่วงเวลาของช่อง 33HD เพื่อให้คนไทยได้รับชมการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์อย่างทั่วถึง ซึ่งเป็นการเจรจาทางธุรกิจ เช่นเดียวกันกับทีวีดิจิตอลช่องอื่นๆ ที่ต้องการถ่ายทอดสดร่วมก็ต้องมาซื้อลิขสิทธิ์จากทีวีพูล เหมือนกับการซื้อภาพการแข่งขันกีฬาไปออกอากาศ แต่ราคาอาจจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับการเจรจาทางธุรกิจ

“ผมได้แจ้งที่ประชุมว่าในช่วงการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งนี้ ขออย่าเพิ่งให้ช่อง 3 อนาล็อกจอดำเลย ถ้าจะจอดำก็ให้เสร็จสิ้นการแข่งขันก่อน” เลขาฯ ทรท. กล่าว

ขณะเดียวกัน มีความคิดเห็นจากผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลต่อกรณีข้อเสนอของช่อง 3 อนาล็อก โดยนายพัชระ สารพิมพา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสำนักข่าวสปริงนิวส์ เปิดเผยว่า ข้อเสนอของช่อง 3 ที่ส่งมอบรายการให้แก่ กสท.นั้น ตนไม่ขอพูดพาดพิงว่าควรหรือไม่ควร เพราะการตัดสินใจของช่อง 3 ในการนำรายการไปออกหรือไม่ออกทางไหน เป็นวิธีคิดและการทำธุรกิจของเขา ต้องขึ้นอยู่กับ กสท.ว่าจะตัดสินอย่างไร เป็นหน้าที่ของ กสท.ที่จะต้องกำกับ ดูแล รับผิดชอบ จะผิดหรือถูกอย่างไรก็ต้องตัดสินใจ เพราะสังคมกำลังจับตาอยู่

“แต่ถ้าจะถามผม ในฐานะผู้ประมูลช่องทีวีดิจิตอลธุรกิจ 24 ช่อง ผมก็ต้องบอกว่าช่องธุรกิจมี 24 ช่อง หากจะมีเพิ่มก็คงรับไม่ได้ แต่การที่ช่อง 3 ไม่ออกอากาศคู่ขนาน (Simulcast) ในช่องดิจิตอลที่ประมูลมาได้ 3 ช่อง แต่ให้ กสท. ไปหาทางเอาช่อง 3 อนาล็อก ไปออกอากาศบนกล่องดิจิตอลเองนั้น ผมไม่ขอกล่าวพาดพิง แต่จะจับตาดูว่า กสท.จะคงความถูกต้องไว้ได้หรือไม่ เดินหน้าสู่เป้าหมายได้หรือไม่ ในเรื่องของการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งก่อนหน้าจะตัดสินใจประมูล เราได้รับการยืนยันแผนงานอย่างดิบดี ซึ่งจนถึงขณะนี้ หลายอย่างพลาดเป้า” นายพัชระ กล่าวและว่า ช่อง 3 อนาล็อกมีสิทธิ์เสนออะไรก็ได้ เพราะคงต้องพยายามรักษาส่วนได้ส่วนเสียเอาไว้ให้ดีที่สุด เป็นเงินของเขา ธุรกิจของเขา อยู่ที่ กสท.จะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร ให้คำว่าถูกต้องและยุติธรรมเกิดขึ้นให้ได้

ด้าน นายทรงศักดิ์ เปรมสุข กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท วอยซ์ ทีวี จำกัด กล่าวว่า ขอยืนยันช่องทีวีดิจิตอลธุรกิจระดับชาติมีเพียง 24 ช่องเท่านั้น หากมีช่องอื่นเพิ่มขึ้นมาก็คงรับไม่ได้เช่นกัน การตัดสินใจของ กสท.ในกรณีนี้ต้องเป็นไปตามกฎหมายและรักษาผลประโยชน์ของทุกฝ่ายให้ถูกต้องและเท่าเทียม กสท.ต้องกำกับดูแลช่องทีวีทั้งดิจิตอลและอนาล็อกให้ดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้อง ภายใต้กฎหมาย และในฐานะช่องดิจิตอล ก็ต้องวิงวอนให้สนับสนุนช่องดิจิตอล ซึ่งมีศักดิ์ศรีเป็นช่องทีวีระดับชาติ ให้ได้เติบโตอย่างแข็งแรง เพราะทุกรายใช้เงินประมูลรวมกันมากกว่า 50,000 ล้านบาท

http://www.thairath.co.th/content/449401

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.