Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

18 กันยายน 2557 TOSHIBA.ถกล ระบุ พฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันนิยมใช้อินเตอร์เน็ตมากขึ้น โดยปัจจุบันสมาร์ททีวีมีสัดส่วนในตลาดราว 20% จากมูลค่าตลาดรวมทีวีคิดเป็นยูนิตทั้งสิ้น 2.5 ล้านเครื่อง หรือเป็นมูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท

ประเด็นหลัก


นายถกล นิยมไทย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ "โตชิบา"  เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า แนวโน้มตลาดทีวีในกลุ่มสมาร์ททีวีกำลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเป็นอย่างสูง เนื่องจากความคมชัดของภาพ ฟังก์ชันที่หลากหลายที่เป็นผลมาจากการเข้ามาของทีวีดิจิตอล ประกอบกับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันนิยมใช้อินเตอร์เน็ตมากขึ้น ส่งผลให้สมาร์ททีวีได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยปัจจุบันสมาร์ททีวีมีสัดส่วนในตลาดราว 20% จากมูลค่าตลาดรวมทีวีคิดเป็นยูนิตทั้งสิ้น 2.5 ล้านเครื่อง หรือเป็นมูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท

    ทั้งนี้เพื่อเป็นการกระตุ้นตลาดอีกทั้งยังเป็นการรองรับความต้องการในตลาดช่วงไตรมาส 4 ซึ่งถือเป็นไฮซีซันของธุรกิจ  บริษัทได้เตรียมลอนช์ทีวีรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดทั้งสิ้น ใน 2 ซีรีส์ 7 โมเดล ในชื่อดิจิตอล แอนดรอยด์ ซีรีส์ 5450 ในขนาดหน้าจอ 32 40 47 และ 55 นิ้ว , และในรุ่น ดิจิตอล แอนดรอยด์ 4K ซีรีส์ 9450 ขนาด 50, 65 และ85นิ้ว ออกมารองรับความต้องการของตลาดในช่วงดังกล่าว ซึ่งได้เตรียมวางจำหน่ายตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4 เป็นต้นไป โดยมองว่าจะสามารถสร้างการเติบโตเฉพาะในไตรมาส 4 นี้ได้ที่ 15% ใกล้เคียงกับภาพรวมตลาดทีวีไตรมาส 4 ที่คาดว่าจะมีการเติบโตที่ 15%


______________________________




สมาร์ททีวีชิงเม็ดเงินQ4 3บิ๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าส่งรุ่นใหม่ประชัน



 มั่นใจกำลังซื้อไตรมาส 4 ฟื้น  กลุ่มทุนเครื่องใช้ไฟฟ้ากางแผนชิงเม็ดเงิน  จับตาสมาร์ททีวีแข่งดุ   "โตชิบา" เตรียมเปิดตัวทีวีดิจิตอล 2 ซีรีส์ใหม่ใน 7 รุ่นบุกตลาดปั้นยอดรับไฮซีซัน ขณะที่ "แอลจี" ไม่น้อยหน้าอัดงบไตรมาสทั้งจัดแคมเปญ เปิดตัวทีวีใหม่ระบบทีวีปฏิบัติการอัจฉริยะ webOS ฟาก "ชาร์ป"  คลอด "ชาร์ป อควอส ควอทรอน โปร" ออกสู้ศึก ปลุกตลาดทีวี 3 หมื่นล้านบาทระอุ





  alt  นายถกล นิยมไทย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ "โตชิบา"  เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า แนวโน้มตลาดทีวีในกลุ่มสมาร์ททีวีกำลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเป็นอย่างสูง เนื่องจากความคมชัดของภาพ ฟังก์ชันที่หลากหลายที่เป็นผลมาจากการเข้ามาของทีวีดิจิตอล ประกอบกับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันนิยมใช้อินเตอร์เน็ตมากขึ้น ส่งผลให้สมาร์ททีวีได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยปัจจุบันสมาร์ททีวีมีสัดส่วนในตลาดราว 20% จากมูลค่าตลาดรวมทีวีคิดเป็นยูนิตทั้งสิ้น 2.5 ล้านเครื่อง หรือเป็นมูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท

    ทั้งนี้เพื่อเป็นการกระตุ้นตลาดอีกทั้งยังเป็นการรองรับความต้องการในตลาดช่วงไตรมาส 4 ซึ่งถือเป็นไฮซีซันของธุรกิจ  บริษัทได้เตรียมลอนช์ทีวีรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดทั้งสิ้น ใน 2 ซีรีส์ 7 โมเดล ในชื่อดิจิตอล แอนดรอยด์ ซีรีส์ 5450 ในขนาดหน้าจอ 32 40 47 และ 55 นิ้ว , และในรุ่น ดิจิตอล แอนดรอยด์ 4K ซีรีส์ 9450 ขนาด 50, 65 และ85นิ้ว ออกมารองรับความต้องการของตลาดในช่วงดังกล่าว ซึ่งได้เตรียมวางจำหน่ายตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4 เป็นต้นไป โดยมองว่าจะสามารถสร้างการเติบโตเฉพาะในไตรมาส 4 นี้ได้ที่ 15% ใกล้เคียงกับภาพรวมตลาดทีวีไตรมาส 4 ที่คาดว่าจะมีการเติบโตที่ 15%
    "ไตรมาส 4 ถือเป็นเวลาแห่งการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองของผู้บริโภค โดยเฉพาะในช่องทางรีเทลที่มีอัตราการจับจ่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าสูง ทำให้บริษัทให้ความสำคัญกับการทำตลาดในช่วงนี้มากขึ้น โดยจะมีทั้งการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย การเปิดตัวทีวีรุ่นใหม่ออกสู่ตลาด เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงโค้งท้าย "
    นอกจากนี้ยังมีการเตรียมจัดแคมเปญโปรโมชัน และกิจกรรมโรด โชว์ และการจัดกิจกรรมเวิร์กช็อปให้แก่ผู้บริโภคทั่วประเทศ หลังจากที่ประสบความสำเร็จ ควบคู่กับการจัดแคมเปญโปรโมชันเพื่อเป็นการฉลอง 45 ปี โตชิบาทั่วประเทศเพื่อเป็นการสร้างการรับรู้แบรนด์ อีกทั้งยังเป็นการสร้างความรู้ ความเข้าในระบบของทีวีในระบบแอนดรอยด์ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหม่ เพื่อเป็นการขยายฐานกลุ่มผู้บริโภคในต่างจังหวัดอีกด้วย
    ขณะที่ภาพรวมตลอดทั้งปีในตลาดทีวีของบริษัทคาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างการเติบโตที่ 5%ในปีนี้ และมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 9-10% จากมูลค่าตลาดรวมทั้งสิ้นราว 2.5 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นจำนวน 2.5 ล้านเครื่องในปัจจุบัน โดยแนวโน้มจอภาพแบบแอลอีดีนับเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งคาดการณ์ว่าปีนี้ตลาดแอลอีดีจะมีการเติบโตที่ 15% ขณะที่ภาพรวมของทีวีทั่วประเทศคาดว่าจะมีจำนวนลดลงที่ 5-10% เนื่องจากการหายไปของจอภาพแบบแอลซีดี เนื่องจากเทคโนโลยีที่ล้าสมัยส่งผลให้ความนิยมที่ลดลง ประกอบเทคโนโลยีการผลิตที่ไม่คุ้ม เมื่อเทียบกับจอภาพในแบบแอลอีดีที่มีเทคโนโลยีที่ดีกว่า โดยปัจจุบันสัดส่วนจอภาพแบบแอลซีดีมีอยู่ในตลาดทั้งสิ้น  10% จากปีที่ผ่านมาที่มีสัดส่วน 60% และมีสัดส่วนของแอลอีดีทีวีที่ 80-90% เพิ่มจากปีที่ผ่านมาที่แอลอีดีมีสัดส่วนเพียง 40%
    ด้านนายอลงกรณ์ ชูจิตร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเล็คทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ "แอลจี"  กล่าวว่า แผนการตลาดในช่วงไตรมาส 4 ของบริษัทนับจากนี้ จะใช้งบประมาณที่เหลือทางการตลาด 30% จากงบการตลาดตลอดทั้งปีที่ 1.8 พันล้านบาทในการจัดแคมเปญและโปรโมชันส่งเสริมการขาย โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มสินค้าสมาร์ททีวี ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมและมีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
    ในช่วงที่ผ่านมาแนวโน้มการเติบโตของตลาดสมาร์ททีวีมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยจะเห็นได้ชัดจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีสัดส่วนการขายจากสมาร์ททีวีเพิ่มขึ้นจาก 28% ในปีก่อน เป็น 35% ในปีนี้ ทั้งนี้ความนิยมในกลุ่มสมาร์ททีวีเป็นผลมาจากการที่ประชากรชาวไทยสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้มากขึ้นกว่าที่ผ่านมา โดยปัจจุบันมีจำนวนกลุ่มผู้ที่ใช้อินเตอร์เน็ตในการเข้าถึงสมาร์ททีวีทั้งสิ้น 10 ล้านครัวเรือน จากจำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในประเทศไทยทั้งสิ้น 23 ล้านครัวเรือน
    ล่าสุดเพื่อเป็นการรองรับการเข้าถึงดังกล่าวอีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นยอดขายในช่วงไตรมาส 4 ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวทีวีระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ webOS ที่เน้นสร้างความสะดวกสบายในการใช้งานในกลุ่มสมาร์ททีวี โดยที่ผ่านมามียอดขายทีวีระบบปฏิบัติการดังกล่าวไปแล้วกว่า 6 หมื่นเครื่อง ขณะเดียวกันได้เพิ่มสัดส่วนสินค้าในกลุ่มสมาร์ททีวีถึง 19 ซีรีส์ 45 รุ่น อาทิกลุ่มจอภาพโอเลต จาก 2 รุ่น เป็น 5 รุ่น และระบบอัลตร้า เอชดี จาก 5 รุ่น เป็น 16 รุ่น ซึ่งจะทยอยทำตลาดในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันที่วางจำหน่ายทั้งหมด 17 ซีรีส์ 43 รุ่น ขนาดตั้งแต่ 32 นิ้ว จนถึง 84 นิ้ว ราคาเริ่มต้นที่ 1.59 -5.99 หมื่นบาท
    "ภาพรวมตลาดทีวีช่วงเดือนเมษายน-กรกฎาคมที่ผ่านมามีการเติบโตที่ 4% ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีของการเติบโตในตลาดทีวี หลังจากที่ช่วงไตรมาสแรกตลาดทีวีมีการติดลบที่ 4% จากปัจจัยลบต่างๆ โดยหวังว่าช่วงปลายปีจะเป็นอีกช่วงที่ตลาดมีความคึกคัก"
    อย่างไรก็ตามสำหรับเป้าหมายยอดขายในกลุ่มทีวีของบริษัทปีนี้คาดการณ์ว่าจะมีการเติบโต 10% และในกลุ่มสมาร์ททีวีมองว่าจะมีอัตราการเติบโตสูงถึง 30% ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่มีสินค้าที่หลากหลายปัจจุบันมีสินค้ากว่า 50 รุ่น โดย 45 รุ่นเป็นกลุ่มสมาร์ททีวี  ขณะที่ช่วง 7-8 เดือนที่ผ่านมาในกลุ่มสมาร์ททีวีของแอลจีมีการเติบโตประมาณ 30% มาจากการมีเทคโนโลยีและคอนเทนต์ที่หลากหลาย และคาดว่ายอดขายทีวีแอลจีทุกรุ่นสิ้นปีนี้ จะอยู่ที่ 6.5 แสนเครื่องโดยมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มจาก 23% ในปัจจุบันเป็น 25% ในสิ้นปีนี้ จากมูลค่าตลาดรวมทีวีที่ 3 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นจำนวน 3 ล้านเครื่อง โดย 19% คิดเป็นสัดส่วนของสมาร์ททีวี และมีอัตราการเติบโตในภาพรวมตลาดที่ 20%ในปีนี้ ขณะที่การเติบโตด้านภาพรวมในตลาดทีวีปีนี้จะอยู่ที่ 5% ในเชิงมูลค่า และ 3%ในเชิงยูนิต หรือคิดเป็น
    สำหรับผลประกอบการโดยรวมของบริษัทในสิ้นปีนี้ คาดว่าจะมียอดขาย 2.2 หมื่นล้านบาท เติบโตราว 10%  ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ปรับใหม่จากเดิมที่ตั้งเป้าโต 15% ส่วนในปีหน้าบริษัทยังตั้งเป้าหมายที่จะเติบโต 15%
    ขณะที่นายมาซามิ โออุเอะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์ป ไทย จำกัด ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ "ชาร์ป"  กล่าวว่า บริษัทเตรียมเปิดตัวทีวีรุ่นใหม่ทั้งสิ้น 25 รุ่นในช่วงปลายปี 2557 ถึงต้นปี 2558 เพื่อรุกตลาดทีวีที่กำลังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องหลังจากสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจของไทยเริ่มมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น โดยล่าสุดได้เปิดตัวมทีวีรุ่นใหม่ "ชาร์ป อควอส ควอทรอน โปร" เป็นเทคโนโลยี 4 แม่สีบนจอภาพแอลอีดีทีวี ความละเอียดสูงฟูลเอชดี
     นอกจากนี้บริษัทจะทำตลาดทีวีขนาดเล็กควบคู่ตามไปด้วย ซึ่งจะเน้นขนาดตั้งแต่ 40 นิ้วลงมา ซึ่งขนาดดังกล่าวถือเป็นตลาดใหญ่กว่า 70% ของตลาดทีวีทั้งหมด ซึ่งถือว่ายังมีความต้องการของตลาดอยู่ ขณะเดียวกันยังมองว่าภาพรวมตลาดทีวีปีนี้น่าจะมีอัตราการเติบโตที่ 24% หรือประมาณ 2.7 ล้านเครื่อง โดยชาร์ปตั้งเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดเป็น 10%ภายในปี 2558 จากปัจจุบันที่บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 6% อยู่ในลำดับที่ 6 ของตลาด
    "สัญญาณที่ดีในตลาดเมืองไทยเริ่มกลับมาอีกครั้ง หลังจากปัญหาทางการเมืองสงบลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ ทำให้ในช่วงสิ้นปีนี้บริษัทเดินหน้ารุกตลาดอย่างเต็มที่ โดยที่บริษัทแม่ยังคงมองศักยภาพของประเทศไทยเป็น 1 ในเป้าหมายสำคัญของภูมิภาคอาเซียน"
    สำหรับรายได้ของบริษัทในปีนี้ (เมษายน 2557 - มีนาคม 2558) คาดว่าจะปิดตัวเลขที่  6 พันล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 10%  จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 15% ก่อนเกิดปัญหาทางการเมือง ขณะที่ในปีหน้า บริษัทตั้งเป้ามีรายได้ 6.5 พันล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 20% โดยสัดส่วนรายได้มาจากกลุ่มโทรทัศน์ 35% กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก 50% โซลาร์เซลล์ และเครื่องถ่ายเอกสาร  15%
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=246289:q4-3&catid=106:-marketing&Itemid=456#.VBqotEtAeuw

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.