22 ธันวาคม 2557 Starcom Thailand.อติพล ระบุ ทิศทางแนวโน้มสื่อที่จะมาแรงและมีอัตราการเติบโตสูงในปีหน้า ได้แก่ สื่อโทรทัศน์ และสื่อออนไลน์ (โดยเฉพาะออนไลน์ เพราะอินเตอร์เน็ตครอบคลุ่มพื้นที่เพิ่มมากขึ้น)
ประเด็นหลัก
นายอติพล อิทธิวัฒนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์คอม ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ทิศทางแนวโน้มสื่อที่จะมาแรงและมีอัตราการเติบโตสูงในปีหน้า ได้แก่ สื่อโทรทัศน์ และสื่อออนไลน์ เนื่องจากมีอัตราการเติบโตที่ดีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีนี้ ประกอบกับเริ่มมีสินค้าแบรนด์ใหญ่จำนวนมากเริ่มแบ่งงบประมาณมาใช้สื่อประเภทนี้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ที่ในปัจจุบันไม่ได้เป็นเพียงแค่สื่อเฉพาะกลุ่มแล้วเท่านั้น แต่เป็นสื่อสามารถเข้าถึงกลุ่มคนจำนวนมากได้
แม้ว่าในปัจจุบันสื่อออนไลน์ ผู้ใช้บริการเป็นกลุ่มคนในเมืองมากกว่า 70% แต่หลังจากต้นปีหน้าเป็นต้นไปจะเริ่มเห็นสัดส่วนจำนวนผู้ใช้ที่อยู่ในต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้นเริ่ม โดยเฉพาะอินเตอร์เน็ตเนื่องจาก ผู้ให้บริการด้านโครงข่ายโทรคมนาคมจะเริ่มกระจายสัญญาณอินเตอร์เน็ตไปยังพื้นที่ต่างๆให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ประกอบกับเทรนด์ของผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการศึกษาข้อมูลผ่านออนไลน์ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อสินค้า เนื่องจากให้ความสำคัญในเรื่องของการซื้อสินค้าด้วยคุณภาพและเปรียบเทียบราคาก่อนการตัดสินใจ ซึ่งสินค้าที่ได้รับความนิยมจากการรีวิวข้อมูล ได้แก่ โทรศัพท์ และรถยนต์ เป็นต้น
______________________________
ทีวีดิจิตอล-ออนไลน์ดาวรุ่ง เอเยนซีฟันธงอุตฯโฆษณาปีหน้าโต7%
เม็ดเงินสื่อโฆษณา 11 เดือน วูบ9.82% "นีลเส็น" เผย 7 สื่อหลักติดลบทั้งแผง มี 2 สื่อเป็นพระเอก "ทรานสิต-อินเตอร์เน็ต" ยังเติบโตสวนกระแสตลาดได้ 2 เอเยนซียักษ์ใหญ่ ฟันธงปีหน้าทีวีดิจิตอล-ออนไลน์ 2 สื่อมาแรง คาดการณ์ปี 2558 ทิศทางอุตสาหกรรมโฆษณาเติบโตไม่น้อยกว่า 4-7% altข้อมูลล่าสุดจากบริษัท เอจีบี นีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดเผยถึงเม็ดเงินสื่อโฆษณาในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา ว่ามีอัตราการเติบโตติดลบ 9.82% หรือมีมูลค่า 9.38 หมื่นล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีมูลค่า 1.04 แสนล้านบาท โดยพบว่า 7 สื่อมีอัตราการเติบโตที่ลดลง ได้แก่ สื่อโทรทัศน์มีการใช้งบประมาณลดลง 7.97% สื่อวิทยุใช้งบประมาณลดลง 11.32% หนังสือพิมพ์ใช้งบประมาณลดลง 14.15% นิตยสารใช้งบประมาณลดลง 17.33% โรงภาพยนตร์ใช้งบประมาณลดลง 20.32% สื่อนอกบ้าน ใช้งบประมาณลดลง 4.14% และสื่ออินสโตร์ใช้งบประมาณลดลง 28.50% ซึ่งปีนี้มีเพียงสื่อ 2 ประเภทเท่านั้นที่มีอัตราการเติบโต คือสื่อทรานสิต เติบโต 6.15% และสื่ออินเตอร์เน็ตมีการเติบโต 6.79%
นายอติพล อิทธิวัฒนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์คอม ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ทิศทางแนวโน้มสื่อที่จะมาแรงและมีอัตราการเติบโตสูงในปีหน้า ได้แก่ สื่อโทรทัศน์ และสื่อออนไลน์ เนื่องจากมีอัตราการเติบโตที่ดีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีนี้ ประกอบกับเริ่มมีสินค้าแบรนด์ใหญ่จำนวนมากเริ่มแบ่งงบประมาณมาใช้สื่อประเภทนี้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ที่ในปัจจุบันไม่ได้เป็นเพียงแค่สื่อเฉพาะกลุ่มแล้วเท่านั้น แต่เป็นสื่อสามารถเข้าถึงกลุ่มคนจำนวนมากได้
แม้ว่าในปัจจุบันสื่อออนไลน์ ผู้ใช้บริการเป็นกลุ่มคนในเมืองมากกว่า 70% แต่หลังจากต้นปีหน้าเป็นต้นไปจะเริ่มเห็นสัดส่วนจำนวนผู้ใช้ที่อยู่ในต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้นเริ่ม โดยเฉพาะอินเตอร์เน็ตเนื่องจาก ผู้ให้บริการด้านโครงข่ายโทรคมนาคมจะเริ่มกระจายสัญญาณอินเตอร์เน็ตไปยังพื้นที่ต่างๆให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ประกอบกับเทรนด์ของผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการศึกษาข้อมูลผ่านออนไลน์ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อสินค้า เนื่องจากให้ความสำคัญในเรื่องของการซื้อสินค้าด้วยคุณภาพและเปรียบเทียบราคาก่อนการตัดสินใจ ซึ่งสินค้าที่ได้รับความนิยมจากการรีวิวข้อมูล ได้แก่ โทรศัพท์ และรถยนต์ เป็นต้น
นอกจากนี้ แผนธุรกิจปีหน้าบริษัทจะเน้นให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษาข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคกับการใช้สื่อแต่ละช่วงเวลาให้ละเอียดและชัดเจนมากขึ้น ซึ่งหากผลสำรวจออกมาในรูปแบบที่ชัดเจนก็จะช่วยส่งผลให้บริษัทสามารถวางแผนการใช้สื่อแต่ละประเภทกับแบรนด์สินค้าต่างๆไปยังผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันการทำผลสำรวจครั้งนี้บริษัทได้วางงบเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาท ขณะที่ด้านรายได้ปีนี้มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 15% โดยส่วนใหญ่มาจากรายได้ออนไลน์ และการสร้างแบรนดิ้ง ขณะที่ปีหน้าบริษัทได้ตั้งเป้าหมายรายได้อยู่ที่ประมาณ 20%
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ทั้งกลุ่มของบริษัท แบ่งเป็น ธุรกิจเมนสตรีม (สื่อหลัก) สัดส่วน 60% ออนไลน์ สัดส่วน 30% และที่เหลืออีก 10% มาจากธุรกิจการสร้างแบรนด์ ซึ่งในปีหน้าบริษัทจะให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีปัจจัยบวกหลายด้าน อาทิ ทีวีดิจิตอล เออีซี เสริมเข้ามา
"ภาพรวมสื่อโฆษณาในปีนี้มีอัตราการเติบโตติดลบอยู่ที่ประมาณ 8-9% เนื่องจากปัญหาด้านการเมืองและเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นมาในช่วงครึ่งปีแรก แต่หลังจากนี้เป็นต้นไปบริษัทคาดว่าสถานการณ์ต่างๆในประเทศไทยน่าจะกลับเข้าสู่สภาวะดีขึ้น ทั้งในเรื่องการเมือง และเศรษฐกิจ อีกทั้งในด้านของตัวเลขจีดีพีปีหน้าก็มีการคาดการณ์ว่าจะเติบโตอยู่ที่ประมาณ 2-4% ซึ่งหากตัวเลขเป็นไปตามที่คาดการณ์จริงก็จะช่วยส่งผลให้อุตสาหกรรมสื่อโฆษณาเป็นไปในทิศทางที่ดีและมีมูลค่าเม็ดเงินเพิ่มขึ้นจากปีนี้"
ด้านนางสาวปัทมวรรณ สถาพร กรรมการผู้จัดการบริษัท มายด์แชร์ ประเทศไทย จำกัด มีเดียเอเยนซีในเครือ WPP กล่าวว่า ทิศทางแนวโน้มของภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาในปีหน้าจะเติบโตอยู่ที่ประมาณ 4-7% ซึ่งแพลตฟอร์มที่มีบทบาทเด่นชัดยังคงเป็นมือถือสมาร์ทโฟน และทีวี (ฟรีทีวี เคเบิล แซตเทลไลต์และทีวีดิจิตอล) ส่วนแพลตฟอร์มทีวีดิจิตอลบริษัทคาดว่าจะสามารถโตได้ถึง 20% จากสัดส่วนการรับชมทีวีทั้งหมด โดยไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคจะทำให้เข้าสู่ยุคของมัลติสกรีนที่ชัดเจนขึ้น แบรนด์ต้องพัฒนา แคมเปญ ผ่านทุกช่องทางโดยที่ไม่ยึดติดกับโทรทัศน์เป็นช่องทางหลัก และแบรนด์ยังต้องใส่ใจกับความต้องการรับชม และการดึงความสนใจเมื่อความต้องการรับชมถูกแย่งไปสู่ช่องทางอื่น
ทั้งนี้ความสำคัญในการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ เพื่อเปลี่ยนข้อมูลให้สามารถทราบถึง พฤติกรรมของผู้บริโภค กลุ่มเป้าหมายเป็นสิ่งที่สำคัญ และการใช้ข้อมูลที่ชาญฉลาดรวมถึงเครื่องมือที่มีศักยภาพในการคาดการณ์ ผลลัพธ์ทางการตลาดและเพิ่มสัดส่วนผลตอบแทนต่อการลงทุนให้สูงมากขึ้นกลายเป็นวัตถุประสงค์ที่สำคัญ
นอกจากนี้ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อเทรนด์พฤติกรรมของผู้บริโภคในปีหน้า ยังคงเกิดขึ้นจากเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเร็ว ความหลากหลาย และความซับซ้อนขึ้น เราจะได้เห็นทั้งความต้องการแบบเดี๋ยวนี้เป็นเรื่องปกติ และในทางกลับกันสำหรับผู้บริโภคกลุ่มนี้จะตั้งใจเลือกในการเสพสื่อและข้อมูล
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=258110:--7&catid=106:-marketing&Itemid=456#.VJY4WCBAc
นายอติพล อิทธิวัฒนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์คอม ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ทิศทางแนวโน้มสื่อที่จะมาแรงและมีอัตราการเติบโตสูงในปีหน้า ได้แก่ สื่อโทรทัศน์ และสื่อออนไลน์ เนื่องจากมีอัตราการเติบโตที่ดีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีนี้ ประกอบกับเริ่มมีสินค้าแบรนด์ใหญ่จำนวนมากเริ่มแบ่งงบประมาณมาใช้สื่อประเภทนี้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ที่ในปัจจุบันไม่ได้เป็นเพียงแค่สื่อเฉพาะกลุ่มแล้วเท่านั้น แต่เป็นสื่อสามารถเข้าถึงกลุ่มคนจำนวนมากได้
แม้ว่าในปัจจุบันสื่อออนไลน์ ผู้ใช้บริการเป็นกลุ่มคนในเมืองมากกว่า 70% แต่หลังจากต้นปีหน้าเป็นต้นไปจะเริ่มเห็นสัดส่วนจำนวนผู้ใช้ที่อยู่ในต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้นเริ่ม โดยเฉพาะอินเตอร์เน็ตเนื่องจาก ผู้ให้บริการด้านโครงข่ายโทรคมนาคมจะเริ่มกระจายสัญญาณอินเตอร์เน็ตไปยังพื้นที่ต่างๆให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ประกอบกับเทรนด์ของผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการศึกษาข้อมูลผ่านออนไลน์ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อสินค้า เนื่องจากให้ความสำคัญในเรื่องของการซื้อสินค้าด้วยคุณภาพและเปรียบเทียบราคาก่อนการตัดสินใจ ซึ่งสินค้าที่ได้รับความนิยมจากการรีวิวข้อมูล ได้แก่ โทรศัพท์ และรถยนต์ เป็นต้น
______________________________
ทีวีดิจิตอล-ออนไลน์ดาวรุ่ง เอเยนซีฟันธงอุตฯโฆษณาปีหน้าโต7%
เม็ดเงินสื่อโฆษณา 11 เดือน วูบ9.82% "นีลเส็น" เผย 7 สื่อหลักติดลบทั้งแผง มี 2 สื่อเป็นพระเอก "ทรานสิต-อินเตอร์เน็ต" ยังเติบโตสวนกระแสตลาดได้ 2 เอเยนซียักษ์ใหญ่ ฟันธงปีหน้าทีวีดิจิตอล-ออนไลน์ 2 สื่อมาแรง คาดการณ์ปี 2558 ทิศทางอุตสาหกรรมโฆษณาเติบโตไม่น้อยกว่า 4-7% altข้อมูลล่าสุดจากบริษัท เอจีบี นีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดเผยถึงเม็ดเงินสื่อโฆษณาในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา ว่ามีอัตราการเติบโตติดลบ 9.82% หรือมีมูลค่า 9.38 หมื่นล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีมูลค่า 1.04 แสนล้านบาท โดยพบว่า 7 สื่อมีอัตราการเติบโตที่ลดลง ได้แก่ สื่อโทรทัศน์มีการใช้งบประมาณลดลง 7.97% สื่อวิทยุใช้งบประมาณลดลง 11.32% หนังสือพิมพ์ใช้งบประมาณลดลง 14.15% นิตยสารใช้งบประมาณลดลง 17.33% โรงภาพยนตร์ใช้งบประมาณลดลง 20.32% สื่อนอกบ้าน ใช้งบประมาณลดลง 4.14% และสื่ออินสโตร์ใช้งบประมาณลดลง 28.50% ซึ่งปีนี้มีเพียงสื่อ 2 ประเภทเท่านั้นที่มีอัตราการเติบโต คือสื่อทรานสิต เติบโต 6.15% และสื่ออินเตอร์เน็ตมีการเติบโต 6.79%
นายอติพล อิทธิวัฒนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์คอม ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ทิศทางแนวโน้มสื่อที่จะมาแรงและมีอัตราการเติบโตสูงในปีหน้า ได้แก่ สื่อโทรทัศน์ และสื่อออนไลน์ เนื่องจากมีอัตราการเติบโตที่ดีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีนี้ ประกอบกับเริ่มมีสินค้าแบรนด์ใหญ่จำนวนมากเริ่มแบ่งงบประมาณมาใช้สื่อประเภทนี้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ที่ในปัจจุบันไม่ได้เป็นเพียงแค่สื่อเฉพาะกลุ่มแล้วเท่านั้น แต่เป็นสื่อสามารถเข้าถึงกลุ่มคนจำนวนมากได้
แม้ว่าในปัจจุบันสื่อออนไลน์ ผู้ใช้บริการเป็นกลุ่มคนในเมืองมากกว่า 70% แต่หลังจากต้นปีหน้าเป็นต้นไปจะเริ่มเห็นสัดส่วนจำนวนผู้ใช้ที่อยู่ในต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้นเริ่ม โดยเฉพาะอินเตอร์เน็ตเนื่องจาก ผู้ให้บริการด้านโครงข่ายโทรคมนาคมจะเริ่มกระจายสัญญาณอินเตอร์เน็ตไปยังพื้นที่ต่างๆให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ประกอบกับเทรนด์ของผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการศึกษาข้อมูลผ่านออนไลน์ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อสินค้า เนื่องจากให้ความสำคัญในเรื่องของการซื้อสินค้าด้วยคุณภาพและเปรียบเทียบราคาก่อนการตัดสินใจ ซึ่งสินค้าที่ได้รับความนิยมจากการรีวิวข้อมูล ได้แก่ โทรศัพท์ และรถยนต์ เป็นต้น
นอกจากนี้ แผนธุรกิจปีหน้าบริษัทจะเน้นให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษาข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคกับการใช้สื่อแต่ละช่วงเวลาให้ละเอียดและชัดเจนมากขึ้น ซึ่งหากผลสำรวจออกมาในรูปแบบที่ชัดเจนก็จะช่วยส่งผลให้บริษัทสามารถวางแผนการใช้สื่อแต่ละประเภทกับแบรนด์สินค้าต่างๆไปยังผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันการทำผลสำรวจครั้งนี้บริษัทได้วางงบเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาท ขณะที่ด้านรายได้ปีนี้มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 15% โดยส่วนใหญ่มาจากรายได้ออนไลน์ และการสร้างแบรนดิ้ง ขณะที่ปีหน้าบริษัทได้ตั้งเป้าหมายรายได้อยู่ที่ประมาณ 20%
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ทั้งกลุ่มของบริษัท แบ่งเป็น ธุรกิจเมนสตรีม (สื่อหลัก) สัดส่วน 60% ออนไลน์ สัดส่วน 30% และที่เหลืออีก 10% มาจากธุรกิจการสร้างแบรนด์ ซึ่งในปีหน้าบริษัทจะให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีปัจจัยบวกหลายด้าน อาทิ ทีวีดิจิตอล เออีซี เสริมเข้ามา
"ภาพรวมสื่อโฆษณาในปีนี้มีอัตราการเติบโตติดลบอยู่ที่ประมาณ 8-9% เนื่องจากปัญหาด้านการเมืองและเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นมาในช่วงครึ่งปีแรก แต่หลังจากนี้เป็นต้นไปบริษัทคาดว่าสถานการณ์ต่างๆในประเทศไทยน่าจะกลับเข้าสู่สภาวะดีขึ้น ทั้งในเรื่องการเมือง และเศรษฐกิจ อีกทั้งในด้านของตัวเลขจีดีพีปีหน้าก็มีการคาดการณ์ว่าจะเติบโตอยู่ที่ประมาณ 2-4% ซึ่งหากตัวเลขเป็นไปตามที่คาดการณ์จริงก็จะช่วยส่งผลให้อุตสาหกรรมสื่อโฆษณาเป็นไปในทิศทางที่ดีและมีมูลค่าเม็ดเงินเพิ่มขึ้นจากปีนี้"
ด้านนางสาวปัทมวรรณ สถาพร กรรมการผู้จัดการบริษัท มายด์แชร์ ประเทศไทย จำกัด มีเดียเอเยนซีในเครือ WPP กล่าวว่า ทิศทางแนวโน้มของภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาในปีหน้าจะเติบโตอยู่ที่ประมาณ 4-7% ซึ่งแพลตฟอร์มที่มีบทบาทเด่นชัดยังคงเป็นมือถือสมาร์ทโฟน และทีวี (ฟรีทีวี เคเบิล แซตเทลไลต์และทีวีดิจิตอล) ส่วนแพลตฟอร์มทีวีดิจิตอลบริษัทคาดว่าจะสามารถโตได้ถึง 20% จากสัดส่วนการรับชมทีวีทั้งหมด โดยไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคจะทำให้เข้าสู่ยุคของมัลติสกรีนที่ชัดเจนขึ้น แบรนด์ต้องพัฒนา แคมเปญ ผ่านทุกช่องทางโดยที่ไม่ยึดติดกับโทรทัศน์เป็นช่องทางหลัก และแบรนด์ยังต้องใส่ใจกับความต้องการรับชม และการดึงความสนใจเมื่อความต้องการรับชมถูกแย่งไปสู่ช่องทางอื่น
ทั้งนี้ความสำคัญในการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ เพื่อเปลี่ยนข้อมูลให้สามารถทราบถึง พฤติกรรมของผู้บริโภค กลุ่มเป้าหมายเป็นสิ่งที่สำคัญ และการใช้ข้อมูลที่ชาญฉลาดรวมถึงเครื่องมือที่มีศักยภาพในการคาดการณ์ ผลลัพธ์ทางการตลาดและเพิ่มสัดส่วนผลตอบแทนต่อการลงทุนให้สูงมากขึ้นกลายเป็นวัตถุประสงค์ที่สำคัญ
นอกจากนี้ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อเทรนด์พฤติกรรมของผู้บริโภคในปีหน้า ยังคงเกิดขึ้นจากเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเร็ว ความหลากหลาย และความซับซ้อนขึ้น เราจะได้เห็นทั้งความต้องการแบบเดี๋ยวนี้เป็นเรื่องปกติ และในทางกลับกันสำหรับผู้บริโภคกลุ่มนี้จะตั้งใจเลือกในการเสพสื่อและข้อมูล
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=258110:--7&catid=106:-marketing&Itemid=456#.VJY4WCBAc
ไม่มีความคิดเห็น: