Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

24 ธันวาคม 2557 LG THAILAND.อลงกรณ์ ระบุ ถือว่าปีนี้ตลาดติดลบในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา จากผลกระทบการเมืองและเศรษฐกิจ แต่คาดว่าในปีหน้าจะกลับมาโตได้ 10% โดยที่ในช่วงไตรมาสแรกอาจยังไม่เห็นความชัดเจน

ประเด็นหลัก

นายอลงกรณ์ ชูจิตร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ถือว่าปีนี้ตลาดติดลบในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา จากผลกระทบการเมืองและเศรษฐกิจ แต่คาดว่าในปีหน้าจะกลับมาโตได้ 10% โดยที่ในช่วงไตรมาสแรกอาจยังไม่เห็นความชัดเจน เนื่องจากนโยบายต่าง ๆ เพิ่งเริ่มต้น ต้องใช้เวลา 2-3 เดือนจึงจะเข้าที่ และหลังจากไตรมาส 2 จะเห็นความชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ในส่วนของแอลจีปีนี้น่าจะปิดรายได้ที่ 20,000 ล้านบาท จากเป้าเติบโตที่วางไว้ 15% แต่ทำได้ 7% ถือเป็นที่น่าพอใจ เมื่อเทียบกับตลาดรวมที่ติดลบ ส่วนในปีหน้าเชื่อว่าจะกลับมาเติบโตได้ 15% โดยจะเน้นสินค้าในกลุ่มกลางถึงบนเป็นหลัก เนื่องจากพบว่าเป็นกลุ่มที่สร้างยอดขายได้ต่อเนื่อง ขณะที่สินค้าระดับล่างจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจมากกว่า

"เราจะนำสินค้าที่มีนวัตกรรมเข้ามากระตุ้นและสร้างสีสันให้ตลาดเดินหน้าต่อ นำร่องที่ทีวี 105 นิ้ว ซึ่งจะทำพรีเซลลด 20% จากราคา 2.9 ล้านบาท แม้ว่าตลาดจะไม่ดีแต่บางกลุ่มสินค้าและบางกลุ่มลูกค้าในตลาดบนยังไปได้ดี" นายอลงกรณ์กล่าว|







_____________________________________________________


















"ยักษ์"เครื่องใช้ไฟฟ้าบุกตลาดบน โฟกัส"กรุงเทพ-หัวเมือง"ฟื้นยอดขาย2.2แสนล้าน


เครื่องใช้ไฟฟ้าจัดทัพธุรกิจรอบใหม่ ปรับพอร์ตสินค้า-ปรับสูตรธุรกิจ เดินหน้าลุยตลาดบน หลังกำลังซื้อ-ดีมานด์สินค้ายังแรงดีไม่มีตกสวนทางตลาดแมส ชี้ปีหน้า "สินค้าไฮเอนด์" ดันตลาดกลับมาเป็นบวก หลังปีนี้ตลาดร่วง ติดลบยกแผงทุกกลุ่มสินค้า

กลายเป็นอีก 1 ธุรกิจที่ไม่อาจรอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ติดหล่มตลอดทั้งปี เมื่อสรุปตัวเลข 11 เดือนล่าสุด "เครื่องใช้ไฟฟ้า" ติดลบยกแผง 8% ในทุกกลุ่ม เป็นตัวเลขที่การเติบโตของตลาดไม่ดีในรอบ 5 ปี โดยมูลค่าตลาดเหลือเพียง 2.2 แสนล้านบาท เทียบกับปีที่ผ่านมาตลาดรวมมีมูลค่า 2.4 แสนล้านบาท

ความเคลื่อนไหวล่าสุด กลุ่มยักษ์ใหญ่เครื่องใช้ไฟฟ้ามีข้อสรุปตรงกันจะปรับสูตรธุรกิจ ปรับตัวสินค้า ให้ความสำคัญกับบุกตลาดไฮเอนด์ที่มีกำลังซื้อสูงและมีความต่อเนื่องมากกว่า



พานาฯชู "เมด อิน เจแปน"

นายโทชิฮิโร มาจิมะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พานาโซนิค เอ.พี.เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีแผนรุกตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าระดับบนมากขึ้น เนื่องจากมองเห็นความต้องการสินค้าจากผู้บริโภคระดับบนทั้งในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดหัวเมืองอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ความต้องการลูกค้ากลุ่มต่างจังหวัดลดลง จึงเริ่มทดลองตลาดด้วยการนำสินค้ารุ่นที่ผลิตในญี่ปุ่นเข้ามาทำตลาดตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา จำนวน 2 รุ่น คือ ตู้เย็นแบบ 6 ประตู รุ่น NR-F510GT และเครื่องซักและอบผ้าฝาหน้า รุ่น NA-VX93GL ในระดับราคาประมาณ 6 หมื่น และ 7 หมื่นบาทตามลำดับ

ด้วยจุดขายของสินค้าทั้งฟังก์ชั่นการทำงานและเทคโนโลยี รวมถึงดีไซน์ที่เน้นความสะดวกในการใช้งานมากขึ้น พร้อมกับเพิ่มบริการหลังการขายเป็นพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้ากลุ่มนี้

"ที่เลือกสินค้า 2 ตัวนี้เข้ามานำร่องก่อน เนื่องจากมองว่าเป็นสินค้าที่คนไทยยอมลงทุนมากกว่าสินค้าอื่น รวมถึงเป็นสินค้าที่มีขนาดใหญ่ น่าจะสามารถจูงใจให้ผู้บริโภคยอมรับราคาที่สูงขึ้นได้ง่ายกว่าสินค้าชิ้นเล็ก ซึ่งบริษัทจะทดลองทำตลาดสินค้าทั้ง 2 ตัวเป็นเวลา 1 ปี ก่อนที่จะนำสินค้าตัวอื่นเข้ามา"

นอกจากนี้ ผู้บริโภคกลุ่มระดับบนไม่ค่อยอ่อนไหวต่อสภาพเศรษฐกิจ จึงน่าจะสามารถต่อยอดในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่ากลุ่มแมส โดยสินค้าที่ผลิตนอกประเทศญี่ปุ่นจะถูกปรับคอนเซ็ปต์ใหม่ จัดเป็นกลุ่ม "Japan Quality" ชูจุดขายเรื่องคุณภาพการผลิตในระดับเดียวกับสินค้าที่ผลิตในญี่ปุ่น ควบคู่กับการจัดดิสเพลย์หน้าร้านเน้นภาพลักษณ์ความเป็นแบรนด์ญี่ปุ่น โดยสินค้ากลุ่ม "Made in Japan" จะมีสัดส่วนประมาณ 30% ของช่องทางขายทั้งหมด

"ติดลบ" ยกแผง

นายจักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล ผู้อำนวยการอาวุโส บริหารสินค้า พาวเวอร์มอลล์ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่าจากภาพรวมสถานการณ์ต่าง ๆ ในประเทศ โดยเฉพาะการเมืองยอมรับว่ามีส่วนทำให้ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าติดลบ โดย 11 เดือน ตลาดติดลบ 8% หรือมูลค่าทั้งปีจะเหลือประมาณ 2.2 แสนล้านบาท

จากปีที่ผ่านมาตลาดมีมูลค่าอยู่ที่ 2.4 แสนล้านบาท เป็นการติดลบแบบยกแผงในทุกกลุ่มสินค้า อาทิ ตลาดทีวีติดลบ 5% แต่ในกลุ่มสมาร์ททีวียังขยายตัวเป็นบวก, เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านติดลบ 10%, สินค้ากลุ่มไอทีติดลบ 25% แต่สมาร์ทโฟนโตได้ดี และกล้องดิจิทัลทั้งตลาดติดลบ 30% ซึ่งเซ็กเมนต์กล้องดิจิทัลคอมแพกต์ เป็นตัวฉุดตลาดมากที่สุด

เลิกหว่าน "โฟกัส" เฉพาะกลุ่ม

อย่างไรก็ตาม หัวเรือใหญ่เพาเวอร์มอลล์ ประเมินว่า ปีหน้าเครื่องใช้ไฟฟ้าจะเห็นความชัดเจนของการเติบโตได้ชัดในไตรมาสที่ 2 เช่นเดียวกับกลุ่มสินค้าทีวี จะมีการเติบโตโดยเฉพาะระบบ 4 K ขนาดใหญ่ตั้งแต่ 50-100 นิ้วขึ้นไปจะเป็นตัวเข้ามาเปลี่ยนตลาดและทำให้สินค้าเดินหน้าต่อไปได้ เช่นเดียวกับกลุ่มเครื่องใช้ภายในบ้านที่เป็นเทรนด์ใหม่ ไลฟ์ไตล์ใหม่ ๆ ยังโตได้ดี

"แนวทางการทำตลาดของแต่ละค่ายผู้ผลิตสินค้าก็จะเปลี่ยน เราก็ต้องปรับ เพราะกลุ่มตลาดกลางและบนยังมีกำลังซื้อสูงและต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับแมส แต่ยังไงก็คงไม่ทิ้งตลาดแมส เพียงแต่เป็นการปรับสูตรการขาย ปรับไลน์สินค้าและธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์"

ในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปีได้ผนึกกับ 200 แบรนด์ซัพพลายเออร์ จัดงาน "พาวเวอร์ มอลล์ อิเล็กทรอนิก้า" ปลุกกำลังซื้อใน 4 สาขา ครอบคลุมทุกมุมเมือง คือ สยามพารากอน, เดอะมอลล์ บางกะปิ, งามวงศ์วาน และบางแค โดยทุ่ม 100 ล้านบาท ส่งสินค้านวัตกรรมรุ่นใหม่เทรนด์ ปี 2558 และสินค้าราคาพิเศษเพื่อปลุกตลาดโค้งท้าย ยิงยาวถึง 5 มกราคมปีหน้า

"การทำตลาดของเครื่องใช้ไฟฟ้าในปีหน้าคงไม่ยากไปกว่าปีนี้แล้ว แต่จะต้องทำตลาดแบบ 360 องศาในทุก ๆ วัน เพราะปีหน้าจะไม่มีอีเวนต์ใหญ่ (ฟุตบอลโลก) มากระตุ้นตลาด เจ้าของแบรนด์และร้านค้าปลีกจะต้องสร้างการรับรู้ นำเสนอเทคโนโลยีดีไซน์ และอีโมชันนอลใหม่ ๆ เพื่อผลักดันให้ตลาดมีการเติบโต"

ไตรมาส 2 ปีหน้าตลาดฟื้น

นายอลงกรณ์ ชูจิตร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ถือว่าปีนี้ตลาดติดลบในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา จากผลกระทบการเมืองและเศรษฐกิจ แต่คาดว่าในปีหน้าจะกลับมาโตได้ 10% โดยที่ในช่วงไตรมาสแรกอาจยังไม่เห็นความชัดเจน เนื่องจากนโยบายต่าง ๆ เพิ่งเริ่มต้น ต้องใช้เวลา 2-3 เดือนจึงจะเข้าที่ และหลังจากไตรมาส 2 จะเห็นความชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ในส่วนของแอลจีปีนี้น่าจะปิดรายได้ที่ 20,000 ล้านบาท จากเป้าเติบโตที่วางไว้ 15% แต่ทำได้ 7% ถือเป็นที่น่าพอใจ เมื่อเทียบกับตลาดรวมที่ติดลบ ส่วนในปีหน้าเชื่อว่าจะกลับมาเติบโตได้ 15% โดยจะเน้นสินค้าในกลุ่มกลางถึงบนเป็นหลัก เนื่องจากพบว่าเป็นกลุ่มที่สร้างยอดขายได้ต่อเนื่อง ขณะที่สินค้าระดับล่างจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจมากกว่า

"เราจะนำสินค้าที่มีนวัตกรรมเข้ามากระตุ้นและสร้างสีสันให้ตลาดเดินหน้าต่อ นำร่องที่ทีวี 105 นิ้ว ซึ่งจะทำพรีเซลลด 20% จากราคา 2.9 ล้านบาท แม้ว่าตลาดจะไม่ดีแต่บางกลุ่มสินค้าและบางกลุ่มลูกค้าในตลาดบนยังไปได้ดี" นายอลงกรณ์กล่าว


http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1419187675

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.