Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

11 ตุลาคม 2558 “ไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซ์โป 2015” (Thailand Mobile Expo 2015) คาดยอดเงินสะพัดจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 1,300 ล้านบาท จากช่วงกลางปีที่ผ่านมา ยอดเงินอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท แต่ก็ยังถือว่ายอดรวมต่ำกว่าช่วง 2-3 ปีที่แล้ว ที่เคยสร้างยอดขายได้สูงถึง 1,500 ล้านบาท

ประเด็นหลัก





  โอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด ผู้จัดงานไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซ์โป กล่าวว่า เชื่อว่าภายในงานครั้งนี้หลายแบรนด์จะมีการทำโปรโมชันแข่งขันกัน พร้อมกับการลดราคาสินค้าประมาณ 10-20% จากราคาปกติ ไม่นับรวมกับโปรโมชันของแถม และบัตรเครดิตต่างๆ อีก
   
       “ตอนนี้ทุกแบรนด์ต่างมองการจำหน่ายสมาร์ทโฟนภายในงานนี้เป็นโอกาสที่ต้องคว้าไว้ เพราะภาพรวมในช่วงปีนี้ถือว่าตลาดอยู่ในช่วงทรงๆ ทำให้ทั้งปีคาดว่าจะมีการเติบโตไม่ถึง 10% อย่างแน่นอน”
   
       โดยคาดการณ์ว่าภายในงานครั้งนี้ยอดเงินสะพัดจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 1,300 ล้านบาท จากช่วงกลางปีที่ผ่านมา ยอดเงินอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท แต่ก็ยังถือว่ายอดรวมต่ำกว่าช่วง 2-3 ปีที่แล้ว ที่เคยสร้างยอดขายได้สูงถึง 1,500 ล้านบาท











_____________________________________________



เริ่มแล้วมหกรรมมือถือ "โมบายเอ็กซ์โป" กระตุ้นยอดปลายปี


     
       เปิดงานแล้วอย่างเป็นทางการสำหรับมหกรรมมือถือที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ "ไทยแลนด์ โมบายเอ็กซ์โป 2015" โดยภายในงานนอกจากจะมีมือถือกว่า 83 รุ่นที่น่าสนใจแล้ว ยังมี Gadget และอุปกรณ์เสริมอีกหลายรุ่นหลากหลายชนิดให้เลือกช้อปกันอย่างสะใจ และที่สำคัญผู้ผลิตเกมมือถือกว่า 21 ค่ายต่างก็ตบเท้าเข้าเสนอเกมในงานครั้งนี้ด้วยเช่นกัน และตามธรรมเนียมของทีมงานไซเบอร์บิซก่อนเดินชมงาน เราก็ไม่พลาดที่จะตรวจสอบสีสันของงานว่ามีอะไรน่าสนใจ เพียงพอที่จะเสียเหงื่อเดินทางเข้าร่วมงานหรือไม่กันก่อนเลยครับ
     
       ทั้งนี้งาน “ไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซ์โป 2015” (Thailand Mobile Expo 2015) จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-4 ตุลาคม 2558 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างเวลา 10.00-20.00 น.

http://www.manager.co.th/CbizReview/ViewNews.aspx?NewsID=9580000110537&utm_source=MadMimi&utm_medium=email&utm_content=Manager+Morning+Brief+2-10-58&utm_campaign=20151002_m127620278_Manager+Morning+Brief+2-10-58&utm_term=_E0_B9_80_E0_B8_A3_E0_B8_B4_E0_B9_88_E0_B8_A1_E0_B9_81_E0_B8_A5_E0_B9_89_E0_B8_A7_E0_B8_A1_E0_B8_AB_E0_B8_81_E0_B8_A3_E0_B8_A3_E0_B8_A1_E0_B8_A1_E0_B8_B7_E0_B8_AD_E0_B8_96_E0_B8_B7_E0_B8_AD+_22_E0_B9_82_E0_B8_A1_E0_B8_9A_E0_B8_B2_E0_B8_A2_E0_B9_80_E0_B8_A

____________________________________



“TME 2015” ชี้ทิศตลาดสมาร์ทโฟน


แบรนด์มือถือประสานเสียงรอดูทิศทางตลาดสมาร์ทโฟนไตรมาสสุดท้ายปีนี้ ภายในงานไทยแลนด์โมบาย เอ็กซ์โป 2015 (TME 2015) หลังช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ตลาดค่อนข้างทรงตัว แต่เชื่อปัจจัยบวกปีหน้ามีแน่นอน
     
       โอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด ผู้จัดงานไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซ์โป กล่าวว่า เชื่อว่าภายในงานครั้งนี้หลายแบรนด์จะมีการทำโปรโมชันแข่งขันกัน พร้อมกับการลดราคาสินค้าประมาณ 10-20% จากราคาปกติ ไม่นับรวมกับโปรโมชันของแถม และบัตรเครดิตต่างๆ อีก
     
       “ตอนนี้ทุกแบรนด์ต่างมองการจำหน่ายสมาร์ทโฟนภายในงานนี้เป็นโอกาสที่ต้องคว้าไว้ เพราะภาพรวมในช่วงปีนี้ถือว่าตลาดอยู่ในช่วงทรงๆ ทำให้ทั้งปีคาดว่าจะมีการเติบโตไม่ถึง 10% อย่างแน่นอน”
     
       โดยคาดการณ์ว่าภายในงานครั้งนี้ยอดเงินสะพัดจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 1,300 ล้านบาท จากช่วงกลางปีที่ผ่านมา ยอดเงินอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท แต่ก็ยังถือว่ายอดรวมต่ำกว่าช่วง 2-3 ปีที่แล้ว ที่เคยสร้างยอดขายได้สูงถึง 1,500 ล้านบาท
     
       ขณะที่จำนวนผู้เข้าชมงานจะคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 6 แสนราย โดยมีปัจจัยเพิ่มขึ้นจากการที่จัดโซนเกมเพิ่มขึ้นมา และตรงกับช่วงปิดเทอมพอดี ทำให้คาดว่าจะมีปริมาณลูกค้าเข้ามาเดินชมมากยิ่งขึ้น เพียงแต่ที่น่าสนใจ คือ หลายแบรนด์เริ่มหันมาให้ความสนใจต่อตลาดสมาร์ทโฟนกลุ่มกลาง-บนเป็นหลัก ด้วยการทำโปรโมชันพิเศษ ไม่นับรวมกับโอเปอเรเตอร์ที่มีส่วนลดค่าเครื่องต่างหากสำหรับสมาร์ทโฟนบางรุ่น เมื่อจ่ายค่าบริการรายเดือนล่วงหน้าในการรักษาฐานลูกค้าไว้
     
       “ตอนนี้ฝั่งโอเปอเรเตอร์กำลังรักษาฐานลูกค้า ทำให้แต่ละรายออกโปรโมชันเพื่อไม่ให้ลูกค้าย้ายค่าย ทำให้มีโปรโมชันส่วนลดค่าบริการให้แก่ลูกค้าตั้งแต่ 4,000 บาท ไปจนถึง 8,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่น และค่าย”
     
       อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจากปัจจัยของการประมูล 4G ที่จะเกิดขึ้นทำให้เชื่อว่าในปีหน้าอนาคตของตลาดสมาร์ทโฟนจะสดใสมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนที่รองรับ 4G ในราคาต่ำกว่า 3,000 บาท ที่จะเข้าสู่ตลาดมากยิ่งขึ้น
     
       ***ซัมซุง ยังมั่นใจเติบโตต่อเนื่อง
     
       ซัมซุง ในฐานะที่เป็นผู้นำในตลาดสมาร์ทโฟนตอนนี้ยังมองว่าตลาดรวมโทรศัพท์ในประเทศไทยถือว่าทรงตัว ไม่ได้มีการเติบโตมากนัก เพียงแต่ในมุมของซัมซุงก็ยังมีอัตราการเติบโตอยู่ด้วยการชิงส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มมากขึ้น
     
       วิชัย พรพระตั้ง รองประธานองค์กร ธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า ตอนนี้ซัมซุงถือว่าแข็งแรงในทุกกลุ่มสินค้า ตั้งแต่เครื่องระดับเอนทรีเลเวล มาจนถึงเครื่องระดับกลาง จนถึงระดับพรีเมียม เพราะที่ผ่านมา หลังจากเปิดตัว Galaxy Note 5 ก็ถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
     
       อย่างไรก็ตาม แม้ว่าซัมซุงจะเป็นผู้นำตลาดแต่ก็ยังต้องมีการลงทุนเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นถึงการทำให้ผู้บริโภคได้รับรู้ประสิทธิภาพของเครื่อง ไม่ใช่ซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องละ 20,000 บาท แต่ได้ใช้งานจริงไม่ถึง 2,000 บาท
     
       “ถ้าเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซัมซุงมีการใช้งบการตลาดเพิ่มขึ้นประมาณ 30-40% ซึ่งถ้าถามว่าซัมซุงไม่ลงเพิ่มก็ได้ แต่ด้วยการที่เป็นผู้นำอยู่จึงควรสร้างความเคลื่อนไหวให้แก่ตลาดด้วย”
     
       สิทธิโชค นพชินบุตร รองประธานฝ่ายกลยุทธ์ ธุรกิจคมนาคมและไอที ไทยซัมซุง ให้ข้อมูลเสริมว่า การแข่งขันในตลาดตอนนี้หลายแบรนด์เริ่มหันมาให้ความสำคัญต่อตลาดกลางบนมากยิ่งขึ้น เพียงแต่ว่ายังไม่มีแบรนด์ใดสามารถเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดได้ชัดเจน ขณะที่ภายในงานครั้งนี้ ซัมซุง จะเน้นความร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ที่เป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในการทำโปรโมชันพิเศษนอกเหนือไปจากของแถม โดยให้ส่วนลดค่าเครื่อง Galaxy S6 และ Galaxy S6 EDGE สูงสุดถึง 7,000 บาท เป็นต้น
     
       ล่าสุด ซัมซุง เปิดตัว Samsung Galaxy S6 EDGE+ สมาร์ทโฟนจอโค้งขนาด 5.7 นิ้ว ที่ชูประสิทธิภาพในเรื่องของกล้องถ่ายภาพความคมชัดสูงในระดับเดียวกับ Galaxy Note 5 ในราคาเริ่มต้น 26,900 บาท ส่วนกลยุทธ์ในการโปรโมต Galaxy S6 EDGE+ จะเน้นให้ผู้บริโภคได้สัมผัสตัวเครื่องผ่านหน้าร้านซัมซุงแบรนด์ชอปกว่า 126 สาขา
     
       โดยข้อมูลที่น่าสนใจจากการสำรวจของซัมซุง พบว่า คนไทยใช้สมาร์ทโฟนในการถ่ายภาพเพิ่มขึ้นจาก 29.1% ในปี 2555 เป็น 72.4% ในปี 2557 และมีการใช้งานสมาร์ทโฟนในการถ่ายภาพเพิ่มขึ้นในทุกสถานการณ์เมื่อเทียบระหว่างปี 2555 และ 2557 ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพในชีวิตประจำวัน (เพิ่มจาก 26.2% เป็น 80.6%)
     
       การถ่ายภาพในงานพบปะสังสรรค์ (เพิ่มจาก 33.3% เป็น 86.4%) การถ่ายภาพท่องเที่ยว (เพิ่มจาก 13.5% เป็น 39.4%) การถ่ายภาพในครอบครัว (เพิ่มจาก 10.5% เป็น 31.5%) การถ่ายภาพกิจกรรมยามว่าง (เพิ่มจาก 28.6% เป็น 69.5%) และคนไทยถึง 95.6% ชอบแชร์ภาพที่ตนเองถ่ายผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก
     
       “จะเห็นได้ว่าตอนนี้ การถ่ายภาพกล้องบนมือถือได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้งานสมาร์ทโฟนแล้ว ทำให้ซัมซุงเน้นถึงการรีดประสิทธิภาพของกล้องในการถ่ายภาพให้มีคุณภาพที่ดีขึ้น”
     
       นอกจากนี้ ยังได้นำ Galaxy Note 5 สีดำเข้ามาจำหน่ายครั้งแรกภายในงานครั้งนี้ และเปิดให้จอง Samsung Gear S2 Sport และ Gear S2 Classic ในราคาเริ่มต้น 9,990 บาท และ 11,900 บาท ตามลำดับ
     
       ***แบรนด์รองหันลุยพรีเมียม
     
       ในสภาพตลาดที่เกิดการชะลอตัว ส่งผลให้ผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อใช้ระยะเวลาในการตัดสินใจมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ก็จะให้ความสำคัญต่อความคุ้มค่ามากกว่าการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนราคาถูกแต่ไม่ได้ประสิทธิภาพตามที่ต้องการ
     
       นอกจากนี้ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตลาดสมาร์ทโฟนอยู่ในช่วงที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้เริ่มมีแบรนด์ผู้ผลิตที่เห็นการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟนต่างโหมเข้ามารุกในตลาดนี้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาจนถึงต้นปีนี้ แต่ที่สำคัญคือ การที่มีแบรนด์เข้ามาเป็นจำนวนมากทำให้ตอนนี้ปริมาณสินค้ามีเข้ามามากเกินความต้องการของผู้บริโภค จึงทำให้หลายแบรนด์หันมาให้ความสนใจต่อสินค้าที่มีช่วงราคาสูงขึ้นเพื่อให้ได้มูลค่าในการจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น
     
       ชานนท์ จิรายุกุล ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท ไทย ออปโป้ จำกัด ให้ข้อมูลว่า ที่ผ่านมา ออปโป้พยายามโฟกัสในกลุ่มตลาดกลางบนมาตลอดอยู่แล้ว พร้อมกับการคุมราคาจำหน่ายสินค้ากับดีลเลอร์ทั่วประเทศ ทำให้ตอนนี้ออปโป้มีส่วนแบ่งในตลาดสมาร์ทโฟนราว 8% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 10% ในปลายปีนี้
     
       “สัดส่วนสมาร์ทโฟนหลักๆ ของออปโป้ที่เน้นทำตลาด คือ ช่วงระดับราคา 10,000 บาทขึ้นไป แต่ก็จะมีรุ่นเอนทรีราว 3-4,000 บาท เข้ามาเสริมบ้าง เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดการรับรู้ถึงแบรนด์ ที่สำคัญคือ ออปโป้มียอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนในต่างจังหวัดถึง 65% ซึ่งแตกต่างกับแบรนด์อื่นในตลาด”
     
       ในปีนี้ ออปโป้ใช้งบประมาณในการสร้างแบรนด์ราว 500 ล้านบาท ผ่านการจัดกิจกรรมโรดโชว์ไปตามมหาวิทยาลัย การโฆษณาผ่านสื่อกระแสหลักทั้งโทรทัศน์ วิทยุ รวมไปถึงช่องทางสื่อสารสมัยใหม่อย่างโซเชียลเน็ตเวิร์กด้วย
     
       โดยภายในงานไทยแลนด์ โมบายเอ็กซ์โป ออปโป้ได้มีการเปิดตัวสินค้าใหม่ คือ OPPO R7 Plus สมาร์ทโฟนขนาดหน้าจอ 6 นิ้ว และ OPPO R7 Lite ขนาดหน้าจอ 5 นิ้ว ในราคา 16,990 บาท และ 10,990 บาท ตามลำดับ โดยหวังยอดขายในงานครั้งนี้ไว้ที่เติบโตจากครั้งที่ผ่านมา 50%
     
       เช่นเดียวกับ เจเร มี จ้าว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท แซตทีอี คอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้ตลาดสมาร์ทโฟนในกลุ่มไฮเอนด์ หรือระดับบนยังมีกำลังซื้ออย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้แบรนด์แซตทีอี ต้องปรับตัวในการนำสินค้าที่เป็นระดับพรีเมียมเข้ามาทำตลาดมากยิ่งขึ้น
     
       “ในมุมของแซตทีอี นอกจากการร่วมผลิตสมาร์ทโฟนกับโอเปอเรเตอร์แล้ว จะเริ่มหันมาทำตลาดคอนซูเมอร์มากยิ่งขึ้น โดยเน้นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มกลางบนเป็นหลัก เพราะถือว่ายังเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ และได้ปัจจัยบวกจากการเริ่มเปิดให้บริการ 4G ที่จะเกิดขึ้น”
     
       ไมเคิล จิ่ง ผู้อำนวยการกลุ่มคอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป ประจำประเทศไทย บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จํากัด กล่าวว่า แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะหดตัวลง แต่หัวเว่ยยังมั่นใจว่าจะสามารถเติบโตได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีการลงทุนในส่วนของรีเทลอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพในราคาที่เหมาะสม โดยในปีนี้ได้ใช้งบในการทำตลาดกว่า 600 ล้านบาท และคาดหวังที่จะมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 5% ในปีนี้
     
       “มือถือรุ่นที่ขายดีที่สุดของหัวเว่ย คือ รุ่นระดับกลางในราคา 7,000 บาทขึ้นไป ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้หัวเว่ยจะขยับขึ้นไปแข่งขันในระดับไฮเอนด์ให้มากขึ้น ซึ่งในไตรมาสที่ 4 นี้ถือว่าเป็นช่วงของการเติบโตของยอดขาย ดังนั้น หัวเว่ยจะเน้นการตลาดในส่วนของรีเทล และช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัดที่ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก”
     
       สำหรับยอดขายในงานครั้งนี้นั้น หัวเว่ยได้ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้มากกว่าในครั้งที่ผ่านมา 2-3 เท่า และได้มีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ G7 Plus รวมไปถึงการจัดแสดง Huawei Watch นาฬิกาสวมใส่อัจฉริยะเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
     
       ด้าน ญาณธน สิมะวานิชกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท วีโก โมบาย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การแข่งขันในช่วงครึ่งปีหลังค่อนข้างรุนแรง และด้วยปัญหาทางเศรษฐกิจทำให้การทำตลาดยากขึ้น ซึ่งวีโกได้เตรียมนำเสนอโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดในไตรมาส 4 ของปีนี้ โดยเน้นจุดแข็งที่ความเป็นสมาร์ทโฟนที่มีประสิทธิภาพดี มีดีไซน์ และมีความคุ้มค่า เพื่อนำมาแข่งขันในตลาด ปัจจุบัน วีโกมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 3% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 5% ในปีนี้
     
       ทั้งนี้ วีโกมีแผนจะขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งทางร้านค้าออนไลน์ และหน้าร้านทั่วไปให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศไทย โดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัดที่จะเน้นในแนวกว้าง และลึกมากขึ้นเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้เต็มที่ นอกจากนี้ วีโกยังได้เปิดระบบลงทะเบียนรับข้อมูลข่าวสารโดยตรงผ่านทางอีเมลส่วนตัว เพื่อนำเสนอทุกกิจกรรมที่ทางวีโกสร้างขึ้น
     
       “การทำตลาดที่ผ่านมาวีโกได้มุ่งเจาะกลุ่มตลาดสมาร์ทโฟนในราคาต่ำกว่า 10,000 บาท เจาะกลุ่มผู้งานระดับกลางจนถึงระดับล่างที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่มีฟังก์ชันครบ”
     
       ล่าสุด วีโก ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟน 2 รุ่นใหม่ คือ Lenny2 ในราคา 2,490 บาท และ Rainbow Jam ราคา 3,490 บาท มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5 นิ้ว ให้ความคมชัดที่มากขึ้น รองรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์รุ่นล่าสุด 5.1Lollipop สามารถเพิ่มหน่วยความจำนอกตัวเครื่องได้ถึง 64 GBพร้อมเชื่อมต่อกับ USB ON-THE-GO ได้อีกด้วย
     
       ก่อนหน้านี้ โซนี่ ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ให้ความสำคัญต่อตลาดพรีเมียมมากขึ้น โดยเฉพาะการเปิดตัวแฟลกชิปสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดอย่าง Sony Xperia Z5 ที่มี 3 รุ่นย่อย คือ รุ่น Z5 Compact, Z5 และ Z5 Premium ราคาเริ่มต้นที่ 21,900 บาท
     
       เช่นเดียวกับเลอโนโว ที่หันมาโฟกัสสมาร์ทโฟนในกลุ่มระดับราคาสูงกว่า 10,000 บาทมากขึ้น โดยแต่ละแบรนด์ต่างหวังส่วนแบ่งการตลาดไว้ที่ 10% ทำให้การแข่งขันเพื่อแย่งชิงอันดับ 3 ในตลาดสมาร์ทโฟนปลายปีนี้ดุเดือดมากยิ่งขึ้น

http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9580000110631&utm_source=MadMimi&utm_medium=email&utm_content=Manager+Morning+Brief+2-10-58&utm_campaign=20151002_m127620278_Manager+Morning+Brief+2-10-58&utm_term=_27TME+2015_27+_E0_B8_8A_E0_B8_B5_E0_B9_89_E0_B8_97_E0_B8_B4_E0_B8_A8_E0_B8_95_E0_B8_A5_E0_B8_B2_E0_B8_94_E0_B8_AA_E0_B8_A1_E0_B8_B2_E0_B8_A3_E0_B9_8C_E0_B8_97_E0_B9_82_E0_B8_9F_E0_B8_99
     

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.