03 กรกฎาคม 2555 ( สั่ง ทำลาย ) ฐากร สั่ง 27 บริษัทส่งเครื่องคืนกสทช.เพื่อทำลายโดยด่วน ( เราสามารถ ...ขอคืนเครื่องเพื่่อรับเงินคืน... )
( สั่ง ทำลาย ) ฐากร สั่ง 27 บริษัทส่งเครื่องคืนกสทช.เพื่อทำลายโดยด่วน ( เราสามารถ ...ขอคืนเครื่องเพื่่อรับเงินคืน... )
ประเด็นหลัก
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการกรรมการกิจการกระเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เปิดเผยว่าภายหลังคณะกรรมการ (บอร์ด) กิจการโทรคมนาคม (กทค.) มีมติเพิกถอนใบรับรองเครื่องโทรคมนาคมและอุปกรณ์จำนวน 280 รุ่นจาก 27 บริษัทตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยทางสำนักงาน กสทช.ได้นำประกาศสำนักงาน กสทช. เรื่องการเพิกถอนใบรับรองเครื่องโทรคมนาคมและอุปกรณ์จำนวน 280 แบบ/รุ่น ขึ้นแสดงบนเว็บไซต์ กสทช.ในเบื้องต้นแล้วนั้น ผู้ประกอบการทั้ง 27 บริษัทจะต้องดำเนินการส่งคืนเครื่องในทันที หากมีเครื่องโทรศัพท์มือถือรุ่นที่อยู่ในประกาศกสทช.ในครอบครอง
“เรา มีหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภค ดังนั้นหากบริษัทเหล่านั้นไม่ให้ความเป็นธรรมในการขอคืนเครื่องเพื่่อรับ เงินคืน ผู้บริโภคสามารถเข้ามายื่นเรื่องไว้ที่ กสทช.ได้ทันที”
___________________________________________
“ฐากร” สั่ง 27 บริษัทส่งเครื่องคืนกสทช.เพื่อทำลายโดยด่วน
“ฐากร”ระบุต้องคุ้มครองผู้บริโภค พร้อมสั่ง 27 บริษัทส่งเครื่องคืน กสทช. เพื่อทำลายโดยด่วน ล่าสุดมีผู้บริโภคแจ้งความจำนงขอเงินคืนแล้วกว่า 20 รายในตอนนี้
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการกรรมการกิจการกระเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เปิดเผยว่าภายหลังคณะกรรมการ (บอร์ด) กิจการโทรคมนาคม (กทค.) มีมติเพิกถอนใบรับรองเครื่องโทรคมนาคมและอุปกรณ์จำนวน 280 รุ่นจาก 27 บริษัทตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยทางสำนักงาน กสทช.ได้นำประกาศสำนักงาน กสทช. เรื่องการเพิกถอนใบรับรองเครื่องโทรคมนาคมและอุปกรณ์จำนวน 280 แบบ/รุ่น ขึ้นแสดงบนเว็บไซต์ กสทช.ในเบื้องต้นแล้วนั้น ผู้ประกอบการทั้ง 27 บริษัทจะต้องดำเนินการส่งคืนเครื่องในทันที หากมีเครื่องโทรศัพท์มือถือรุ่นที่อยู่ในประกาศกสทช.ในครอบครอง
"หากผู้ประกอบการมีเครื่องโทรศัพท์มือถือรุ่นที่อยู่ในประกาศ กสทช. ว่าถูกเพิกถอนแล้วในมือ ผู้ประกอบการจะต้องส่งคืน กสทช. เพื่อทำลายเครื่องอย่างเดียว โดยมิให้มีการจำหน่ายแต่อย่างใด"
ขณะที่ประชาชนหรือผู้บริโภคที่ซื้อโทรศัทพ์มือถือรุ่นที่มีการออกประกาศไป แล้ว จะยังคงสามารถใช้งานได้ตามปกติ เพราะผู้บริโภคไม่ได้กระทำความผิดแต่อย่างใด แต่หากใช้งานไปแล้วมีปัญหาต้องการส่งเครื่องคืนบริษัทเพื่อขอเงินคืน ก็สามารถทำได้โดยโทรเข้ามาร้องเรียนกับ กสทช.
“เรามีหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภค ดังนั้นหากบริษัทเหล่านั้นไม่ให้ความเป็นธรรมในการขอคืนเครื่องเพื่่อรับ เงินคืน ผู้บริโภคสามารถเข้ามายื่นเรื่องไว้ที่ กสทช.ได้ทันที”
ล่าสุดครึ่งวันของวันนี้ (3 ก.ค.) สถิติผู้บริโภคที่โทรเข้ามาสอบถามยังสายด่วน กสทช. 1200 ในประเด็นดังกล่าวมีจำนวนกว่า 20 ราย ส่วนใหญ่แสดงความจำนงต้องการคืนเครื่องโทรศัพท์มือถือรุ่นที่ กสทช. ประกาศว่ามีปัญหา และขอเงินคืนจากเจ้าของแบรนด์ที่ซื้อมาใช้งาน
“อย่างไรก็ตาม เครื่องโทรศัพท์มือถือทั้งหมดที่ถูกเพิกถอนจะได้มาตรฐานหรือไม่ คงยังตอบไม่ได้ในตอนนี้ แต่เนื่องจากมีการปลอมแปลงเอกสารอันเป็นเท็จในการแจ้งต่อ กสทช. จึงจำเป็นต้องสั่งห้ามจำหน่าย และส่งคืนเครื่องทั้งหมดเพื่อมาทำลายต่อไป”
ASTV ผู้จัดการ
http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9550000081373
ประเด็นหลัก
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการกรรมการกิจการกระเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เปิดเผยว่าภายหลังคณะกรรมการ (บอร์ด) กิจการโทรคมนาคม (กทค.) มีมติเพิกถอนใบรับรองเครื่องโทรคมนาคมและอุปกรณ์จำนวน 280 รุ่นจาก 27 บริษัทตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยทางสำนักงาน กสทช.ได้นำประกาศสำนักงาน กสทช. เรื่องการเพิกถอนใบรับรองเครื่องโทรคมนาคมและอุปกรณ์จำนวน 280 แบบ/รุ่น ขึ้นแสดงบนเว็บไซต์ กสทช.ในเบื้องต้นแล้วนั้น ผู้ประกอบการทั้ง 27 บริษัทจะต้องดำเนินการส่งคืนเครื่องในทันที หากมีเครื่องโทรศัพท์มือถือรุ่นที่อยู่ในประกาศกสทช.ในครอบครอง
“เรา มีหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภค ดังนั้นหากบริษัทเหล่านั้นไม่ให้ความเป็นธรรมในการขอคืนเครื่องเพื่่อรับ เงินคืน ผู้บริโภคสามารถเข้ามายื่นเรื่องไว้ที่ กสทช.ได้ทันที”
___________________________________________
“ฐากร” สั่ง 27 บริษัทส่งเครื่องคืนกสทช.เพื่อทำลายโดยด่วน
“ฐากร”ระบุต้องคุ้มครองผู้บริโภค พร้อมสั่ง 27 บริษัทส่งเครื่องคืน กสทช. เพื่อทำลายโดยด่วน ล่าสุดมีผู้บริโภคแจ้งความจำนงขอเงินคืนแล้วกว่า 20 รายในตอนนี้
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการกรรมการกิจการกระเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เปิดเผยว่าภายหลังคณะกรรมการ (บอร์ด) กิจการโทรคมนาคม (กทค.) มีมติเพิกถอนใบรับรองเครื่องโทรคมนาคมและอุปกรณ์จำนวน 280 รุ่นจาก 27 บริษัทตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยทางสำนักงาน กสทช.ได้นำประกาศสำนักงาน กสทช. เรื่องการเพิกถอนใบรับรองเครื่องโทรคมนาคมและอุปกรณ์จำนวน 280 แบบ/รุ่น ขึ้นแสดงบนเว็บไซต์ กสทช.ในเบื้องต้นแล้วนั้น ผู้ประกอบการทั้ง 27 บริษัทจะต้องดำเนินการส่งคืนเครื่องในทันที หากมีเครื่องโทรศัพท์มือถือรุ่นที่อยู่ในประกาศกสทช.ในครอบครอง
"หากผู้ประกอบการมีเครื่องโทรศัพท์มือถือรุ่นที่อยู่ในประกาศ กสทช. ว่าถูกเพิกถอนแล้วในมือ ผู้ประกอบการจะต้องส่งคืน กสทช. เพื่อทำลายเครื่องอย่างเดียว โดยมิให้มีการจำหน่ายแต่อย่างใด"
ขณะที่ประชาชนหรือผู้บริโภคที่ซื้อโทรศัทพ์มือถือรุ่นที่มีการออกประกาศไป แล้ว จะยังคงสามารถใช้งานได้ตามปกติ เพราะผู้บริโภคไม่ได้กระทำความผิดแต่อย่างใด แต่หากใช้งานไปแล้วมีปัญหาต้องการส่งเครื่องคืนบริษัทเพื่อขอเงินคืน ก็สามารถทำได้โดยโทรเข้ามาร้องเรียนกับ กสทช.
“เรามีหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภค ดังนั้นหากบริษัทเหล่านั้นไม่ให้ความเป็นธรรมในการขอคืนเครื่องเพื่่อรับ เงินคืน ผู้บริโภคสามารถเข้ามายื่นเรื่องไว้ที่ กสทช.ได้ทันที”
ล่าสุดครึ่งวันของวันนี้ (3 ก.ค.) สถิติผู้บริโภคที่โทรเข้ามาสอบถามยังสายด่วน กสทช. 1200 ในประเด็นดังกล่าวมีจำนวนกว่า 20 ราย ส่วนใหญ่แสดงความจำนงต้องการคืนเครื่องโทรศัพท์มือถือรุ่นที่ กสทช. ประกาศว่ามีปัญหา และขอเงินคืนจากเจ้าของแบรนด์ที่ซื้อมาใช้งาน
“อย่างไรก็ตาม เครื่องโทรศัพท์มือถือทั้งหมดที่ถูกเพิกถอนจะได้มาตรฐานหรือไม่ คงยังตอบไม่ได้ในตอนนี้ แต่เนื่องจากมีการปลอมแปลงเอกสารอันเป็นเท็จในการแจ้งต่อ กสทช. จึงจำเป็นต้องสั่งห้ามจำหน่าย และส่งคืนเครื่องทั้งหมดเพื่อมาทำลายต่อไป”
ASTV ผู้จัดการ
http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9550000081373
ไม่มีความคิดเห็น: