27 มกราคม 2555 กสทช. เร่งกระจายระบบสื่อสารลงชนบท ( อันตราย!!! หลังไทยตกอันดับ 47 ลงมาอยู่ 59 เป็นรอง อินโดนีเซียและเวียดนาม )
กสทช. เร่งกระจายระบบสื่อสารลงชนบท ( อันตราย!!! หลังไทยตกอันดับ 47 ลงมาอยู่ 59 เป็นรอง อินโดนีเซียและเวียดนาม )
ประเด็นหลัก
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของ USO สำนักงาน กสทช. ระบุว่า สถานการณ์ในการเข้าถึงสารสนเทศของประชาชนว่า จากสถิติจำนวนครัวเรือนที่มีอุปกรณ์ไอซีทีทั่วราชอาณาจักร ปี 2553 พบว่า ยังมีครัวเรือนอีกร้อยละ 78 หรือจำนวน 15,158,000 ครัวเรือน จาก 19,644,00 ครัวเรือนที่ยังไม่มีอุปกรณ์ไอซีที และสถิติจำนวนครัวเรือนที่มีอุปกรณ์ไอซีที ในกรุงเทพฯ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปี 2553 พบว่า ในกรุงเทพฯ จำนวนครัวเรือนที่ยังไม่มีอุปกรณ์ไอซีที อยู่ร้อยละ 55 หรือ 1,109,00 ครัวเรือนจาก 2,020,000 ครัวเรือน ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวนครัวเรือนที่ยังไม่มีอุปกรณ์ไอซีที อยู่ร้อยละ 87
อีกทั้ง จากการเปรียบเทียบดัชนีความพร้อมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ปี 2009-2010 และปี 2010-2011 ของเวิลด์อีโคโนมิก ฟอรั่ม (World Economic Forum) พบว่า ประเทศไทยตกอันดับจากอันดับที่ 47 ลงมาอยู่ที่อันดับที่ 59 เป็นรองประเทศอินโดนีเซียและเวียดนาม ส่วนดัชนีชี้วัดความพร้อมในการใช้งานไอซีที ประเทศไทยตกมาอยู่ที่อันดับที่ 75 ตามหลัง เวียดนาม อินโดนีเซีย จีน มาเลเซีย และเวียดนาม
มีรายงาน เพิ่มเติมว่า ในวันที่ 27 ม.ค.นี้ จะจัดประชุมเพื่อรับฟังข้อคิดเห็นต่อแผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐาน โดยทั่วถึงและบริการสังคม ที่ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ ถ.วิภาวดีรังสิต ก่อนนำเสนอแผนให้ กสทช. พิจารณาต่อไป
__________________________________________________________
ไทยหล่นฮวบ! อันดับโลกด้านไอที เป็นรองอินโดฯ-เวียดนาม
ตะลึง! ไทย ร่วงอันดับโลกด้านความพร้อมเทคโนโลยีและการใช้งาน รั้งอันดับ 57 จากเดิมอยู่ที่ 49 พบกว่า 15 ล้านครัวเรือนยังขาดแคลนอุปกรณ์ไอที ขณะที่ อนุฯคุ้มครองโทรคมนาคมระบุ USO ต้องเน้นการมีส่วนร่วม...
เมื่อเร็วๆ นี้ มีรายงานว่า ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม และกลุ่มภารกิจด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม สำนักงาน กสทช. จัดการประชุม แผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการสังคมกับการมีส่วน ร่วมของกลุ่ม/เครือข่ายชนเผ่า คนพิการ ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาสในสังคม
นายศรีสะเกษ สมาน อนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า การจัดประชุมครั้งนี้เพื่อระดมความคิดเห็นจากกลุ่มเครือข่าย เช่น กลุ่มชนเผ่า คนพิการ ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาสในสังคม ได้แสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อการเข้าถึงบริการโทรคมนาคมพื้นฐาน เพื่อลดช่องว่างและความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการและเทคโนโลยี
ทั้ง นี้ ในร่างแผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม ฉบับนี้ ได้เสนอแนวทางในการปรับเปลี่ยนวิธีการในการระดมทุนจากผู้ให้บริการ จากเดิมที่ใช้วิธีให้ผู้ให้บริการเลือกได้ระหว่างการยื่นแผนการดำเนินงานต่อ กสทช. กับการให้ผู้ให้บริการต้องจัดสรรเงินร้อยละ 4 ของรายได้ ซึ่งตามแผนการจัดการฯ เดิมนั้นมีเงินกองทุนฯ ทั้งสิ้น 2,929 ล้านบาท แต่ร่างแผนการจัดการฯ ฉบับนี้เปลี่ยนจากวิธีการ ทำหรือจ่าย เป็นวิธีการประมูล
อนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม กล่าวต่อว่า วิธีการนี้เป็นการระดมทุนมาไว้ที่กองกลางทั้งหมดก่อน คือ สำนักการบริการอย่างทั่วถึง (USO) สำนักงาน กสทช. จากนั้นจึงเปิดให้มีการประมูลในส่วนของการพัฒนาโครงข่าย โดยผู้ที่ประมูลราคาต่ำสุดจะเป็นผู้ได้ทำโครงการเพื่อขยายโครงข่ายการเข้า ถึงบริการตามแผนงานของ USO อย่างไรก็ตาม วิธีการนี้อาจดีในแง่ของการปรับปรุงพัฒนาโครงข่ายในด้านการเข้าถึง แต่งานของ USO ควรรวมถึงการศึกษาวิจัยด้านเทคโนโลยีและบริการ เพื่อตอบสนองกลุ่มคนด้อยโอกาส เช่น คนพิการทางสายตา และการเคลื่อนไหว หรือผู้สูงอายุก็ตาม
นอกจากนี้ ยังควรรวมถึงการพัฒนาศักยภาพ ภายใต้การมีส่วนร่วมของกลุ่มเครือข่ายที่มีส่วนได้ส่วนเสียมากขึ้น คือความร่วมมือทั้งส่วนผู้ให้บริการ USO และผู้ด้อยโอกาสในพื้นที่ เพื่ออุดช่องว่างและทำให้การทำงานเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง ป้องกันปัญหาเช่นที่ผ่านมา การทำโครงการแจกบัตรโทรศัพท์ แต่ไม่มีเครื่องรองรับจึงไม่เกิดประโยชน์กับคนด้อยโอกาส ควรเปลี่ยนแนวคิดจากการให้อย่างเดียวเป็นการมีส่วนร่วมและพัฒนาศักยภาพ
นาย จิรศิลป์ จรรยากุล จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี หรือ มจธ. กล่าวว่า การเน้นเรื่องการพัฒนาโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เข้าไปในพื้นที่ชนบทมาก เกินไปเท่ากับประชาชนต้องรับภาระในการจ่ายค่าโทรศัพท์มือถือ ขณะที่โทรศัพท์พื้นฐานมีราคาถูกกว่า ดังนั้นจึงควรใช้ระบบไวเลสมาช่วยแทนการลากสายเข้าบ้าน ก็จะทำให้สามารถใช้โทรศัพท์พื้นฐานได้มากขึ้น แทนที่จะต้องขยายโครงข่ายเพียงอย่างเดียว และหากเข้าสู่ระบบ 3G ก็จะยิ่งทำให้ประชาชนต้องเสียค่าใช้จ่าย
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของ USO สำนักงาน กสทช. ระบุว่า สถานการณ์ในการเข้าถึงสารสนเทศของประชาชนว่า จากสถิติจำนวนครัวเรือนที่มีอุปกรณ์ไอซีทีทั่วราชอาณาจักร ปี 2553 พบว่า ยังมีครัวเรือนอีกร้อยละ 78 หรือจำนวน 15,158,000 ครัวเรือน จาก 19,644,00 ครัวเรือนที่ยังไม่มีอุปกรณ์ไอซีที และสถิติจำนวนครัวเรือนที่มีอุปกรณ์ไอซีที ในกรุงเทพฯ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปี 2553 พบว่า ในกรุงเทพฯ จำนวนครัวเรือนที่ยังไม่มีอุปกรณ์ไอซีที อยู่ร้อยละ 55 หรือ 1,109,00 ครัวเรือนจาก 2,020,000 ครัวเรือน ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวนครัวเรือนที่ยังไม่มีอุปกรณ์ไอซีที อยู่ร้อยละ 87
อีกทั้ง จากการเปรียบเทียบดัชนีความพร้อมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ปี 2009-2010 และปี 2010-2011 ของเวิลด์อีโคโนมิก ฟอรั่ม (World Economic Forum) พบว่า ประเทศไทยตกอันดับจากอันดับที่ 47 ลงมาอยู่ที่อันดับที่ 59 เป็นรองประเทศอินโดนีเซียและเวียดนาม ส่วนดัชนีชี้วัดความพร้อมในการใช้งานไอซีที ประเทศไทยตกมาอยู่ที่อันดับที่ 75 ตามหลัง เวียดนาม อินโดนีเซีย จีน มาเลเซีย และเวียดนาม
มีรายงาน เพิ่มเติมว่า ในวันที่ 27 ม.ค.นี้ จะจัดประชุมเพื่อรับฟังข้อคิดเห็นต่อแผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐาน โดยทั่วถึงและบริการสังคม ที่ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ ถ.วิภาวดีรังสิต ก่อนนำเสนอแผนให้ กสทช. พิจารณาต่อไป
ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/tech/233876
__________________________________________________________
เร่งกระจายระบบสื่อสารลงชนบท กสทช.ห่วงดัชนีความพร้อมด้านไอที ไทยร่วงแพ้ประเทศในกลุ่มอาเซียน
ที่ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมาคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม และกลุ่มภารกิจด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม สำนักงาน กสทช. ได้จัดการประชุม "แผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึง และบริการสังคมกับการมีส่วนร่วมของกลุ่ม/เครือข่ายชนเผ่า คนพิการ ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาสในสังคม"
นายศรีสะเกษ สมาน อนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า การจัดประชุมครั้งนี้เพื่อระดมความคิดเห็นจากกลุ่มเครือข่าย เช่น กลุ่มชนเผ่า คนพิการ ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาสในสังคม ได้แสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อการเข้าถึงบริการโทรคมนาคม พื้นฐาน เพื่อลดช่องว่างและความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการและเทคโน โลยี ทั้งนี้ในร่าง แผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อ สังคมฉบับนี้ ได้มีการเสนอแนวทางในการปรับเปลี่ยนวิธีการในการระดมทุนจากผู้ ให้บริการ จากเดิมที่ใช้วิธีให้ผู้ให้บริการเลือกได้ระหว่างการยื่นแผนการ ดำเนินงานต่อ กสทช. กับการให้ผู้ให้บริการต้องจัดสรรเงินร้อยละ 4 ของรายได้ ซึ่งตามแผนการจัดการฯเดิมนั้นมีเงินกองทุนฯทั้งสิ้น 2,929 ล้านบาท แต่ร่างแผนการจัดการฯฉบับนี้เปลี่ยนจากวิธีการ ทำหรือจ่าย เป็นวิธีการประมูล
"วิธีการนี้เป็นการระดมทุนมา ไว้ที่กองกลางทั้งหมดก่อน คือสำนักการบริการอย่างทั่วถึง (USO) สำนักงาน กสทช. จากนั้นจึงเปิดให้มีการประมูลในส่วนของการพัฒนาโครงข่าย โดยผู้ที่ประมูลราคาต่ำสุดจะเป็นผู้ได้ทำโครงการเพื่อขยายโครง ข่ายการเข้าถึงบริการตามแผนงานของ USOอย่างไรก็ตาม วิธีการนี้อาจดีในแง่ของการปรับปรุงพัฒนาโครงข่ายในด้านการเข้าถึง แต่งานของ USO ควรรวมไปถึงการศึกษาวิจัยด้านเทคโนโลยีและบริการ เพื่อตอบสนองกลุ่มคนด้อยโอกาสเช่น คนพิการทางสายตา และการเคลื่อนไหว หรือผู้สูงอายุ ก็ตาม นอกจากนี้ ควรให้กลุ่มเครือข่ายที่มีส่วนได้ส่วนเสีย เข้ามามีส่วนร่วม ป้องกันปัญหาเช่นที่ผ่านมา การทำโครงการแจกบัตรโทรศัพท์ แต่ไม่มีเครื่องรองรับจึงไม่เกิดประโยชน์กับคนด้อยโอกาส ควรเปลี่ยนแนวคิดจากการให้อย่างเดียวเป็นการมีส่วนร่วมและพัฒนา ศักยภาพ
นายจิรศิลป์ จรรยากุล จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวว่า การเน้นเรื่องการพัฒนาโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เข้าไปในพื้นที่ ชนบทมากเกินไปเท่ากับประชาชนต้องรับภาระในการจ่ายค่าโทรศัพท์มือถือ ขณะที่โทรศัพท์พื้นฐานมีราคาถูกกว่า ดังนั้นจึงควรใช้ระบบ wireless (ไร้สาย)มาช่วย แทนการลากสายเข้าบ้าน ก็จะทำให้สามารถใช้โทรศัพท์พื้นฐานได้มากขึ้น แทนที่จะต้องขยายโครงข่ายเพียงอย่างเดียว และหากเข้าสู่ระบบ 3G ก็จะยิ่งทำให้ประชาชนต้องเสียค่าใช้จ่าย
มีรายงานข่าวจาก กสทช.แจ้งว่า จากข้อมูลของสำนักการบริการอย่างทั่วถึง (USO) สำนักงาน กสทช. ระบุว่า สถานการณ์ในการเข้าถึงสารสนเทศของประชาชนว่า จากสถิติจำนวนครัวเรือนที่มีอุปกรณ์ ICT ทั่วราชอาณาจักร พ.ศ. 2553 พบว่า ยังมีครัวเรือนอีกร้อยละ 78 หรือจำนวน 15,158,000 ครัวเรือน จาก 19,644,00 ครัวเรือนที่ยังไม่มีอุปกรณ์ ICT และสถิติจำนวนครัวเรือนที่มีอุปกรณ์ ICT ในกรุงเทพและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พ.ศ. 2553 พบว่า ในกทม.จำนวนครัวเรือนที่ยังไม่มีอุปกรณ์ ICT อยู่ร้อยละ 55 หรือ 1,109,00 ครัวเรือนจาก 2,020,000 ครัวเรือน ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวนครัวเรือนที่ยังไม่มีอุปกรณ์ ICT อยู่ร้อยละ 87
นอกจากนี้จากการเปรียบเทียบดัชนีความพร้อมด้านเท คโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ปี 2009-2010 และปี 2010-2011 ของ World Economic Forum พบว่า ประเทศไทยตกอันดับจากอันดับที่ 47 ลงมาอยู่ที่อันดับที่ 59 เป็นรองประเทศอินโดนีเซียและเวียดนาม ส่วนดัชนีชี้วัดความพร้อมในการใช้งาน ICT ประเทศไทยตกมาอยู่ที่อันดับที่ 75 ตามหลัง เวียดนาม อินโดนีเซีย จีน มาเลเซียและเวียดนาม
แนวหน้า
http://www.ryt9.com/s/nnd/1330678
ประเด็นหลัก
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของ USO สำนักงาน กสทช. ระบุว่า สถานการณ์ในการเข้าถึงสารสนเทศของประชาชนว่า จากสถิติจำนวนครัวเรือนที่มีอุปกรณ์ไอซีทีทั่วราชอาณาจักร ปี 2553 พบว่า ยังมีครัวเรือนอีกร้อยละ 78 หรือจำนวน 15,158,000 ครัวเรือน จาก 19,644,00 ครัวเรือนที่ยังไม่มีอุปกรณ์ไอซีที และสถิติจำนวนครัวเรือนที่มีอุปกรณ์ไอซีที ในกรุงเทพฯ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปี 2553 พบว่า ในกรุงเทพฯ จำนวนครัวเรือนที่ยังไม่มีอุปกรณ์ไอซีที อยู่ร้อยละ 55 หรือ 1,109,00 ครัวเรือนจาก 2,020,000 ครัวเรือน ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวนครัวเรือนที่ยังไม่มีอุปกรณ์ไอซีที อยู่ร้อยละ 87
อีกทั้ง จากการเปรียบเทียบดัชนีความพร้อมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ปี 2009-2010 และปี 2010-2011 ของเวิลด์อีโคโนมิก ฟอรั่ม (World Economic Forum) พบว่า ประเทศไทยตกอันดับจากอันดับที่ 47 ลงมาอยู่ที่อันดับที่ 59 เป็นรองประเทศอินโดนีเซียและเวียดนาม ส่วนดัชนีชี้วัดความพร้อมในการใช้งานไอซีที ประเทศไทยตกมาอยู่ที่อันดับที่ 75 ตามหลัง เวียดนาม อินโดนีเซีย จีน มาเลเซีย และเวียดนาม
มีรายงาน เพิ่มเติมว่า ในวันที่ 27 ม.ค.นี้ จะจัดประชุมเพื่อรับฟังข้อคิดเห็นต่อแผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐาน โดยทั่วถึงและบริการสังคม ที่ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ ถ.วิภาวดีรังสิต ก่อนนำเสนอแผนให้ กสทช. พิจารณาต่อไป
__________________________________________________________
ไทยหล่นฮวบ! อันดับโลกด้านไอที เป็นรองอินโดฯ-เวียดนาม
ตะลึง! ไทย ร่วงอันดับโลกด้านความพร้อมเทคโนโลยีและการใช้งาน รั้งอันดับ 57 จากเดิมอยู่ที่ 49 พบกว่า 15 ล้านครัวเรือนยังขาดแคลนอุปกรณ์ไอที ขณะที่ อนุฯคุ้มครองโทรคมนาคมระบุ USO ต้องเน้นการมีส่วนร่วม...
เมื่อเร็วๆ นี้ มีรายงานว่า ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม และกลุ่มภารกิจด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม สำนักงาน กสทช. จัดการประชุม แผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการสังคมกับการมีส่วน ร่วมของกลุ่ม/เครือข่ายชนเผ่า คนพิการ ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาสในสังคม
นายศรีสะเกษ สมาน อนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า การจัดประชุมครั้งนี้เพื่อระดมความคิดเห็นจากกลุ่มเครือข่าย เช่น กลุ่มชนเผ่า คนพิการ ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาสในสังคม ได้แสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อการเข้าถึงบริการโทรคมนาคมพื้นฐาน เพื่อลดช่องว่างและความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการและเทคโนโลยี
ทั้ง นี้ ในร่างแผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม ฉบับนี้ ได้เสนอแนวทางในการปรับเปลี่ยนวิธีการในการระดมทุนจากผู้ให้บริการ จากเดิมที่ใช้วิธีให้ผู้ให้บริการเลือกได้ระหว่างการยื่นแผนการดำเนินงานต่อ กสทช. กับการให้ผู้ให้บริการต้องจัดสรรเงินร้อยละ 4 ของรายได้ ซึ่งตามแผนการจัดการฯ เดิมนั้นมีเงินกองทุนฯ ทั้งสิ้น 2,929 ล้านบาท แต่ร่างแผนการจัดการฯ ฉบับนี้เปลี่ยนจากวิธีการ ทำหรือจ่าย เป็นวิธีการประมูล
อนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม กล่าวต่อว่า วิธีการนี้เป็นการระดมทุนมาไว้ที่กองกลางทั้งหมดก่อน คือ สำนักการบริการอย่างทั่วถึง (USO) สำนักงาน กสทช. จากนั้นจึงเปิดให้มีการประมูลในส่วนของการพัฒนาโครงข่าย โดยผู้ที่ประมูลราคาต่ำสุดจะเป็นผู้ได้ทำโครงการเพื่อขยายโครงข่ายการเข้า ถึงบริการตามแผนงานของ USO อย่างไรก็ตาม วิธีการนี้อาจดีในแง่ของการปรับปรุงพัฒนาโครงข่ายในด้านการเข้าถึง แต่งานของ USO ควรรวมถึงการศึกษาวิจัยด้านเทคโนโลยีและบริการ เพื่อตอบสนองกลุ่มคนด้อยโอกาส เช่น คนพิการทางสายตา และการเคลื่อนไหว หรือผู้สูงอายุก็ตาม
นอกจากนี้ ยังควรรวมถึงการพัฒนาศักยภาพ ภายใต้การมีส่วนร่วมของกลุ่มเครือข่ายที่มีส่วนได้ส่วนเสียมากขึ้น คือความร่วมมือทั้งส่วนผู้ให้บริการ USO และผู้ด้อยโอกาสในพื้นที่ เพื่ออุดช่องว่างและทำให้การทำงานเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง ป้องกันปัญหาเช่นที่ผ่านมา การทำโครงการแจกบัตรโทรศัพท์ แต่ไม่มีเครื่องรองรับจึงไม่เกิดประโยชน์กับคนด้อยโอกาส ควรเปลี่ยนแนวคิดจากการให้อย่างเดียวเป็นการมีส่วนร่วมและพัฒนาศักยภาพ
นาย จิรศิลป์ จรรยากุล จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี หรือ มจธ. กล่าวว่า การเน้นเรื่องการพัฒนาโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เข้าไปในพื้นที่ชนบทมาก เกินไปเท่ากับประชาชนต้องรับภาระในการจ่ายค่าโทรศัพท์มือถือ ขณะที่โทรศัพท์พื้นฐานมีราคาถูกกว่า ดังนั้นจึงควรใช้ระบบไวเลสมาช่วยแทนการลากสายเข้าบ้าน ก็จะทำให้สามารถใช้โทรศัพท์พื้นฐานได้มากขึ้น แทนที่จะต้องขยายโครงข่ายเพียงอย่างเดียว และหากเข้าสู่ระบบ 3G ก็จะยิ่งทำให้ประชาชนต้องเสียค่าใช้จ่าย
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของ USO สำนักงาน กสทช. ระบุว่า สถานการณ์ในการเข้าถึงสารสนเทศของประชาชนว่า จากสถิติจำนวนครัวเรือนที่มีอุปกรณ์ไอซีทีทั่วราชอาณาจักร ปี 2553 พบว่า ยังมีครัวเรือนอีกร้อยละ 78 หรือจำนวน 15,158,000 ครัวเรือน จาก 19,644,00 ครัวเรือนที่ยังไม่มีอุปกรณ์ไอซีที และสถิติจำนวนครัวเรือนที่มีอุปกรณ์ไอซีที ในกรุงเทพฯ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปี 2553 พบว่า ในกรุงเทพฯ จำนวนครัวเรือนที่ยังไม่มีอุปกรณ์ไอซีที อยู่ร้อยละ 55 หรือ 1,109,00 ครัวเรือนจาก 2,020,000 ครัวเรือน ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวนครัวเรือนที่ยังไม่มีอุปกรณ์ไอซีที อยู่ร้อยละ 87
อีกทั้ง จากการเปรียบเทียบดัชนีความพร้อมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ปี 2009-2010 และปี 2010-2011 ของเวิลด์อีโคโนมิก ฟอรั่ม (World Economic Forum) พบว่า ประเทศไทยตกอันดับจากอันดับที่ 47 ลงมาอยู่ที่อันดับที่ 59 เป็นรองประเทศอินโดนีเซียและเวียดนาม ส่วนดัชนีชี้วัดความพร้อมในการใช้งานไอซีที ประเทศไทยตกมาอยู่ที่อันดับที่ 75 ตามหลัง เวียดนาม อินโดนีเซีย จีน มาเลเซีย และเวียดนาม
มีรายงาน เพิ่มเติมว่า ในวันที่ 27 ม.ค.นี้ จะจัดประชุมเพื่อรับฟังข้อคิดเห็นต่อแผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐาน โดยทั่วถึงและบริการสังคม ที่ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ ถ.วิภาวดีรังสิต ก่อนนำเสนอแผนให้ กสทช. พิจารณาต่อไป
ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/tech/233876
__________________________________________________________
เร่งกระจายระบบสื่อสารลงชนบท กสทช.ห่วงดัชนีความพร้อมด้านไอที ไทยร่วงแพ้ประเทศในกลุ่มอาเซียน
ที่ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมาคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม และกลุ่มภารกิจด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม สำนักงาน กสทช. ได้จัดการประชุม "แผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึง และบริการสังคมกับการมีส่วนร่วมของกลุ่ม/เครือข่ายชนเผ่า คนพิการ ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาสในสังคม"
นายศรีสะเกษ สมาน อนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า การจัดประชุมครั้งนี้เพื่อระดมความคิดเห็นจากกลุ่มเครือข่าย เช่น กลุ่มชนเผ่า คนพิการ ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาสในสังคม ได้แสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อการเข้าถึงบริการโทรคมนาคม พื้นฐาน เพื่อลดช่องว่างและความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการและเทคโน โลยี ทั้งนี้ในร่าง แผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อ สังคมฉบับนี้ ได้มีการเสนอแนวทางในการปรับเปลี่ยนวิธีการในการระดมทุนจากผู้ ให้บริการ จากเดิมที่ใช้วิธีให้ผู้ให้บริการเลือกได้ระหว่างการยื่นแผนการ ดำเนินงานต่อ กสทช. กับการให้ผู้ให้บริการต้องจัดสรรเงินร้อยละ 4 ของรายได้ ซึ่งตามแผนการจัดการฯเดิมนั้นมีเงินกองทุนฯทั้งสิ้น 2,929 ล้านบาท แต่ร่างแผนการจัดการฯฉบับนี้เปลี่ยนจากวิธีการ ทำหรือจ่าย เป็นวิธีการประมูล
"วิธีการนี้เป็นการระดมทุนมา ไว้ที่กองกลางทั้งหมดก่อน คือสำนักการบริการอย่างทั่วถึง (USO) สำนักงาน กสทช. จากนั้นจึงเปิดให้มีการประมูลในส่วนของการพัฒนาโครงข่าย โดยผู้ที่ประมูลราคาต่ำสุดจะเป็นผู้ได้ทำโครงการเพื่อขยายโครง ข่ายการเข้าถึงบริการตามแผนงานของ USOอย่างไรก็ตาม วิธีการนี้อาจดีในแง่ของการปรับปรุงพัฒนาโครงข่ายในด้านการเข้าถึง แต่งานของ USO ควรรวมไปถึงการศึกษาวิจัยด้านเทคโนโลยีและบริการ เพื่อตอบสนองกลุ่มคนด้อยโอกาสเช่น คนพิการทางสายตา และการเคลื่อนไหว หรือผู้สูงอายุ ก็ตาม นอกจากนี้ ควรให้กลุ่มเครือข่ายที่มีส่วนได้ส่วนเสีย เข้ามามีส่วนร่วม ป้องกันปัญหาเช่นที่ผ่านมา การทำโครงการแจกบัตรโทรศัพท์ แต่ไม่มีเครื่องรองรับจึงไม่เกิดประโยชน์กับคนด้อยโอกาส ควรเปลี่ยนแนวคิดจากการให้อย่างเดียวเป็นการมีส่วนร่วมและพัฒนา ศักยภาพ
นายจิรศิลป์ จรรยากุล จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวว่า การเน้นเรื่องการพัฒนาโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เข้าไปในพื้นที่ ชนบทมากเกินไปเท่ากับประชาชนต้องรับภาระในการจ่ายค่าโทรศัพท์มือถือ ขณะที่โทรศัพท์พื้นฐานมีราคาถูกกว่า ดังนั้นจึงควรใช้ระบบ wireless (ไร้สาย)มาช่วย แทนการลากสายเข้าบ้าน ก็จะทำให้สามารถใช้โทรศัพท์พื้นฐานได้มากขึ้น แทนที่จะต้องขยายโครงข่ายเพียงอย่างเดียว และหากเข้าสู่ระบบ 3G ก็จะยิ่งทำให้ประชาชนต้องเสียค่าใช้จ่าย
มีรายงานข่าวจาก กสทช.แจ้งว่า จากข้อมูลของสำนักการบริการอย่างทั่วถึง (USO) สำนักงาน กสทช. ระบุว่า สถานการณ์ในการเข้าถึงสารสนเทศของประชาชนว่า จากสถิติจำนวนครัวเรือนที่มีอุปกรณ์ ICT ทั่วราชอาณาจักร พ.ศ. 2553 พบว่า ยังมีครัวเรือนอีกร้อยละ 78 หรือจำนวน 15,158,000 ครัวเรือน จาก 19,644,00 ครัวเรือนที่ยังไม่มีอุปกรณ์ ICT และสถิติจำนวนครัวเรือนที่มีอุปกรณ์ ICT ในกรุงเทพและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พ.ศ. 2553 พบว่า ในกทม.จำนวนครัวเรือนที่ยังไม่มีอุปกรณ์ ICT อยู่ร้อยละ 55 หรือ 1,109,00 ครัวเรือนจาก 2,020,000 ครัวเรือน ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวนครัวเรือนที่ยังไม่มีอุปกรณ์ ICT อยู่ร้อยละ 87
นอกจากนี้จากการเปรียบเทียบดัชนีความพร้อมด้านเท คโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ปี 2009-2010 และปี 2010-2011 ของ World Economic Forum พบว่า ประเทศไทยตกอันดับจากอันดับที่ 47 ลงมาอยู่ที่อันดับที่ 59 เป็นรองประเทศอินโดนีเซียและเวียดนาม ส่วนดัชนีชี้วัดความพร้อมในการใช้งาน ICT ประเทศไทยตกมาอยู่ที่อันดับที่ 75 ตามหลัง เวียดนาม อินโดนีเซีย จีน มาเลเซียและเวียดนาม
แนวหน้า
http://www.ryt9.com/s/nnd/1330678
ไม่มีความคิดเห็น: