29 กรกฎาคม 2557 (ปฏิบัติการคสช.ล้างบางการสื่อสาร)(เกาะติดประมูล4G) เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค.สารี ระบุ กรณีเลือ่นการประมูล4G AIS GSM 1800 และ TRUEMOVE อยู่ในภาวะขาดทุน รายได้ไม่เพียงพอที่จะหักรายจ่าย หมายความว่าไม่มีเงินเหลือส่งเข้ารัฐ ขณะที่ผู้ให้บริการโครงข่ายอย่าง กสทฯ ก็อาจไม่ได้ค่าเช่า คสช.จึงควรให้ กสทช.ดูแล
ประเด็นหลัก
"กรณีสิ้นสุดสัมปทานให้ ทรูมูฟ และดีพีซี นำเงินรายได้ที่เกิดขึ้นหลังสิ้นสุดสัมปทาน หลังหักค่าใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นส่งเป็นรายได้แผ่นดิน แต่จากรายงานของทรูมูฟพบว่า 1 ปีที่ประกอบการอยู่ในภาวะขาดทุน รายได้ไม่เพียงพอที่จะหักรายจ่าย หมายความว่าไม่มีเงินเหลือส่งเข้ารัฐ ขณะที่ผู้ให้บริการโครงข่ายอย่าง กสทฯ ก็อาจไม่ได้ค่าเช่า คสช.จึงควรให้ กสทช.ดูแล"
______________________________
เลื่อนประมูล 4จี รัฐเสียประโยชน์-เอื้อเอกชนต่ออายุสัมปทาน
เครือข่ายผู้บริโภคชี้เลื่อนประมูล 4G รัฐเสียประโยชน์มหาศาล-เอื้อเอกชนต่ออายุสัมปทาน ย้ำการจัดสรรคลื่นด้วยวิธี "ประมูล" ดีที่สุดแล้ว แค่ปรับเงื่อนไข
นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยว่า การชะลอการประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz หรือคลื่น 4G ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ส่งผลให้ผู้รับสัมปทานไม่ต้องคืนคลื่นเพื่อนำไปจัดสรรใหม่ แม้จะสิ้นสุดสัมปทานไปแล้ว แต่ยังใช้ความถี่ซึ่งเป็นทรัพยากรสาธารณะได้ฟรี กลายเป็นการขยายระยะเวลาสัมปทาน ขณะที่หน่วยงานรัฐสูญเสียรายได้ทั้งส่วนแบ่งสัมปทานที่บริษัท ทรูมูฟ จำกัด และบริษัท ดิจิตอลโฟน (ดีพีซี) จำกัด เคยจ่ายให้ กสท โทรคมนาคม ปีละ 6,800 ล้านบาท (ข้อมูลปี 2554) หรือค่าธรรมเนียมใบอนุญาตที่ผู้ชนะประมูล ต้องจ่ายให้ กสทช. ปีละ 5.75% ของรายได้ (1,300 ล้านบาท) รวมถึงเงินค่าประมูลคลื่น กสทช.ต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดินราว 1,200 ล้านบาทต่อปี (กรณีจบประมูล ณ ราคาตั้งต้น)
"กรณีสิ้นสุดสัมปทานให้ ทรูมูฟ และดีพีซี นำเงินรายได้ที่เกิดขึ้นหลังสิ้นสุดสัมปทาน หลังหักค่าใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นส่งเป็นรายได้แผ่นดิน แต่จากรายงานของทรูมูฟพบว่า 1 ปีที่ประกอบการอยู่ในภาวะขาดทุน รายได้ไม่เพียงพอที่จะหักรายจ่าย หมายความว่าไม่มีเงินเหลือส่งเข้ารัฐ ขณะที่ผู้ให้บริการโครงข่ายอย่าง กสทฯ ก็อาจไม่ได้ค่าเช่า คสช.จึงควรให้ กสทช.ดูแล"
แม้ตนไม่เห็นด้วยกับการเลื่อนประมูลแต่เมื่อต้องเลื่อนก็ควรใช้โอกาสนี้ปรับปรุงกติกาการประมูลให้รอบคอบขึ้น โดยเฉพาะการคุ้มครองผู้บริโภค เช่นเดียวกับการแก้ พ.ร.บ.กสทช. ที่บางคนพยายามยกเลิกการจัดสรรคลื่นด้วยการประมูล เป็นข้อเสนอที่มุ่งตอบสนองผู้ประกอบการ ทั้งการประมูลเป็นที่ยอมรับโดยสากลว่าทำให้การใช้ทรัพยากรมีประสิทธิภาพสูงสุดจำกัดการใช้ดุลพินิจที่เสี่ยงต่อการเอื้อประโยชน์ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จึงควรออกแบบวิธีการให้มีการแข่งขันและโปร่งใสมากกว่า
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1406542794
"กรณีสิ้นสุดสัมปทานให้ ทรูมูฟ และดีพีซี นำเงินรายได้ที่เกิดขึ้นหลังสิ้นสุดสัมปทาน หลังหักค่าใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นส่งเป็นรายได้แผ่นดิน แต่จากรายงานของทรูมูฟพบว่า 1 ปีที่ประกอบการอยู่ในภาวะขาดทุน รายได้ไม่เพียงพอที่จะหักรายจ่าย หมายความว่าไม่มีเงินเหลือส่งเข้ารัฐ ขณะที่ผู้ให้บริการโครงข่ายอย่าง กสทฯ ก็อาจไม่ได้ค่าเช่า คสช.จึงควรให้ กสทช.ดูแล"
______________________________
เลื่อนประมูล 4จี รัฐเสียประโยชน์-เอื้อเอกชนต่ออายุสัมปทาน
เครือข่ายผู้บริโภคชี้เลื่อนประมูล 4G รัฐเสียประโยชน์มหาศาล-เอื้อเอกชนต่ออายุสัมปทาน ย้ำการจัดสรรคลื่นด้วยวิธี "ประมูล" ดีที่สุดแล้ว แค่ปรับเงื่อนไข
นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยว่า การชะลอการประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz หรือคลื่น 4G ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ส่งผลให้ผู้รับสัมปทานไม่ต้องคืนคลื่นเพื่อนำไปจัดสรรใหม่ แม้จะสิ้นสุดสัมปทานไปแล้ว แต่ยังใช้ความถี่ซึ่งเป็นทรัพยากรสาธารณะได้ฟรี กลายเป็นการขยายระยะเวลาสัมปทาน ขณะที่หน่วยงานรัฐสูญเสียรายได้ทั้งส่วนแบ่งสัมปทานที่บริษัท ทรูมูฟ จำกัด และบริษัท ดิจิตอลโฟน (ดีพีซี) จำกัด เคยจ่ายให้ กสท โทรคมนาคม ปีละ 6,800 ล้านบาท (ข้อมูลปี 2554) หรือค่าธรรมเนียมใบอนุญาตที่ผู้ชนะประมูล ต้องจ่ายให้ กสทช. ปีละ 5.75% ของรายได้ (1,300 ล้านบาท) รวมถึงเงินค่าประมูลคลื่น กสทช.ต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดินราว 1,200 ล้านบาทต่อปี (กรณีจบประมูล ณ ราคาตั้งต้น)
"กรณีสิ้นสุดสัมปทานให้ ทรูมูฟ และดีพีซี นำเงินรายได้ที่เกิดขึ้นหลังสิ้นสุดสัมปทาน หลังหักค่าใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นส่งเป็นรายได้แผ่นดิน แต่จากรายงานของทรูมูฟพบว่า 1 ปีที่ประกอบการอยู่ในภาวะขาดทุน รายได้ไม่เพียงพอที่จะหักรายจ่าย หมายความว่าไม่มีเงินเหลือส่งเข้ารัฐ ขณะที่ผู้ให้บริการโครงข่ายอย่าง กสทฯ ก็อาจไม่ได้ค่าเช่า คสช.จึงควรให้ กสทช.ดูแล"
แม้ตนไม่เห็นด้วยกับการเลื่อนประมูลแต่เมื่อต้องเลื่อนก็ควรใช้โอกาสนี้ปรับปรุงกติกาการประมูลให้รอบคอบขึ้น โดยเฉพาะการคุ้มครองผู้บริโภค เช่นเดียวกับการแก้ พ.ร.บ.กสทช. ที่บางคนพยายามยกเลิกการจัดสรรคลื่นด้วยการประมูล เป็นข้อเสนอที่มุ่งตอบสนองผู้ประกอบการ ทั้งการประมูลเป็นที่ยอมรับโดยสากลว่าทำให้การใช้ทรัพยากรมีประสิทธิภาพสูงสุดจำกัดการใช้ดุลพินิจที่เสี่ยงต่อการเอื้อประโยชน์ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จึงควรออกแบบวิธีการให้มีการแข่งขันและโปร่งใสมากกว่า
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1406542794
ไม่มีความคิดเห็น: