08 ธันวาคม 2557 SONY.ฮิรกิ ระบุ ยอมรับกับนักลงทุนว่า เป้าหมายเดิมของบริษัทที่ต้องการก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับ 3 ของโลกต่อจากซัมซุง แม้จะต้องเผชิญกับยอดขายที่ลดลง 20% หรือ 30%"
ประเด็นหลัก
นายฮิรกิ โทโทกิ ประธานธุรกิจโมบายคนใหม่ของโซนี่ คอร์ป กล่าวยอมรับกับนักลงทุนว่า เป้าหมายเดิมของบริษัทที่ต้องการก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับ 3 ของโลกต่อจากซัมซุง อิเล็คโทรนิคส์ และแอปเปิล อิงค์ นั้นเป็นเป้าหสมาร์ทโฟนมายที่สูงเกินไป เวลานี้บริษัทจะหันมาให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจสมาร์ทโฟนให้มีกำไรแทน แม้ว่ายอดขายจะต้องลดลงไปอย่างมากก็ตาม โทโทกิกล่าวว่า เป้าหมายหลักต่อจากนี้คือคงบทบาทในธุรกิจโมบายเอาไว้ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีความสำคัญต่อไปในอนาคต "เราไม่วางเป้าหมายในเรื่องของขนาดหรือส่วนแบ่งตลาด แต่มองไปที่การเพิ่มกำไร ภารกิจเร่งด่วนของเราคือทำให้ธุรกิจนี้ทำกำไรแม้จะต้องเผชิญกับยอดขายที่ลดลง 20% หรือ 30%"
ก่อนหน้านี้โซนี่ประกาศแผนลดขนาดธุรกิจสมาร์ทโฟนในจีนลงอย่างมากแล้ว นายโทโทกิกล่าวว่าต่อจากนี้จะพิจารณาว่าควรทุ่มเทกับตลาดสหรัฐฯ มากน้อยเพียงใด โซนี่เชื่อว่าตลาดสมาร์ทโฟนโลกเริ่มเข้าสู่ภาวะอิ่มตัว และคาดการณ์ว่าการเติบโตในตลาดดังกล่าวจะลดน้อยลงในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ดี โซนี่มองว่าเทคโนโลยีโมบายจะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อไปในยุคที่อุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งไม่จำกัดเพียงคอมพิวเตอร์ จะมีความสามารถในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
______________________________
โซนี่ลดขนาดธุรกิจสมาร์ทโฟน
โซนี่ปรับทิศทางยุทธศาสตร์ธุรกิจสมาร์ทโฟนครั้งใหญ่ ตั้งเป้าทำกำไรแม้สูญเสียยอดขาย ขณะเดียวกันจะหันไปพึ่งพารายได้จากธุรกิจวิดีโอเกมและอิมเมจเซ็นเซอร์เป็นหลัก
altนายฮิรกิ โทโทกิ ประธานธุรกิจโมบายคนใหม่ของโซนี่ คอร์ป กล่าวยอมรับกับนักลงทุนว่า เป้าหมายเดิมของบริษัทที่ต้องการก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับ 3 ของโลกต่อจากซัมซุง อิเล็คโทรนิคส์ และแอปเปิล อิงค์ นั้นเป็นเป้าหสมาร์ทโฟนมายที่สูงเกินไป เวลานี้บริษัทจะหันมาให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจสมาร์ทโฟนให้มีกำไรแทน แม้ว่ายอดขายจะต้องลดลงไปอย่างมากก็ตาม โทโทกิกล่าวว่า เป้าหมายหลักต่อจากนี้คือคงบทบาทในธุรกิจโมบายเอาไว้ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีความสำคัญต่อไปในอนาคต "เราไม่วางเป้าหมายในเรื่องของขนาดหรือส่วนแบ่งตลาด แต่มองไปที่การเพิ่มกำไร ภารกิจเร่งด่วนของเราคือทำให้ธุรกิจนี้ทำกำไรแม้จะต้องเผชิญกับยอดขายที่ลดลง 20% หรือ 30%"
การปรับโครงสร้างธุรกิจสมาร์ทโฟน ซึ่งเพียงไม่นานมานี้โซนี่มองว่าเป็นธุรกิจที่มีโอกาสขับเคลื่อนการเติบโต กลายมาเป็นภารกิจสำคัญลำดับต้นๆ ในเวลาที่บริษัทพยายามพลิกฟื้นธุรกิจคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ที่ประสบปัญหามาอย่างต่อเนื่อง นายคาซึโอะ ฮิราอิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโซนี่ตั้งเป้าหมายที่จะฟื้นฟูบริษัทโดยอาศัยธุรกิจวิดีโอเกมและอิมเมจเซ็นเซอร์เป็นหลัก ตลอดจนธุรกิจภาพยนตร์และเพลง โดยที่ผ่านมาโซนี่ขายธุรกิจคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และแยกธุรกิจโทรทัศน์ออกไป
โซนี่กล่าวว่า ธุรกิจวิดีโอเกมและธุรกิจดีไวซ์ซึ่งผลิตเซ็นเซอร์กล้องถ่ายรูปให้กับสมาร์ทโฟนมีการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยคาดการณ์ว่าธุรกิจวิดีโอเกมจะมียอดขายเติบโตขึ้นเป็น 1.4-1.6 ล้านล้านเยนในปีงบประมาณที่สิ้นสุด 31 มีนาคม 2561 จากมูลค่า 1.29 ล้านล้านเยนในปีงบประมาณปัจจุบัน ขณะที่ธุรกิจดีไวซ์คาดว่าจะทำยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 1.3-1.5 ล้านล้านเยน จาก 8.9 แสนล้านเยนในปัจจุบัน
ขณะเดียวกัน ธุรกิจอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ของโซนี่เป็นที่คาดหมายว่าจะเติบโตได้เพียงเล็กน้อย หรือทำยอดขายได้ลดลง อาทิเช่น ธุรกิจทีวีคาดว่ายอดขายจะลดลงเล็กน้อยเหลือ 1-1.1 ล้านล้านเยนจาก 1.2 ล้านล้านเยนในปัจจุบัน ธุรกิจกล้องถ่ายรูปคาดว่าจะคงที่หรืออาจลดลงเล็กน้อยเหลือ 6.5-7 แสนล้านเยน จาก 7.1 แสนล้านเยนในปีนี้
ในส่วนของธุรกิจภาพยนตร์ โซนี่คาดการณ์การเติบโตของรายได้จาก 8.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 1-1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีงบประมาณที่สิ้นสุดมีนาคม 2561 ขณะที่ธุรกิจเพลงโซนี่คาดการณ์รายได้ไว้ระหว่าง 4.8-5.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว คิดเป็นการเติบโต 0-8.3% จากปีงบประมาณปัจจุบัน
โซนี่ไม่ได้เปิดเผยคาดการณ์รายได้จากธุรกิจสมาร์ทโฟน แต่นายโทโทกิกล่าวว่าจะทำให้ธุรกิจสมาร์ทโฟนทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องโดยเริ่มต้นตั้งแต่ปีงบประมาณหน้าเป็นต้นไป โดยในระหว่างนี้โซนี่มีแผนจะลดจำนวนสมาร์ทโฟนที่นำออกวางตลาด โดยเฉพาะในระดับล่างที่มีวางตลาดอยู่ในยุโรปและเอเชีย และจะเน้นไปที่ตลาดในวงจำกัดเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าโซนี่จะต้องลดจำนวนพนักงานในธุรกิจดังกล่าวลงธุรกิจโมบายของโซนี่ค่อนข้างแข็งแกร่งในตลาดยุโรป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และญี่ปุ่น ซึ่งทำรายได้เป็นสัดส่วน 34% 27% และ 23% จากยอดขายสมาร์ทโฟนทั้งหมดตามลำดับ ส่วนรายได้จากตลาดจีนและสหรัฐฯ อยู่ในระดับที่จำกัดเพียงประมาณ 3% ของยอดขายทั้งหมดเท่านั้น
ก่อนหน้านี้โซนี่ประกาศแผนลดขนาดธุรกิจสมาร์ทโฟนในจีนลงอย่างมากแล้ว นายโทโทกิกล่าวว่าต่อจากนี้จะพิจารณาว่าควรทุ่มเทกับตลาดสหรัฐฯ มากน้อยเพียงใด โซนี่เชื่อว่าตลาดสมาร์ทโฟนโลกเริ่มเข้าสู่ภาวะอิ่มตัว และคาดการณ์ว่าการเติบโตในตลาดดังกล่าวจะลดน้อยลงในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ดี โซนี่มองว่าเทคโนโลยีโมบายจะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อไปในยุคที่อุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งไม่จำกัดเพียงคอมพิวเตอร์ จะมีความสามารถในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=256039:2014-11-28-05-38-29&catid=109:2009-02-08-11-36-01&Itemid=460#.VIWBwotAeuw
ไม่มีความคิดเห็น: