22 ธันวาคม 2557 IDC.จาริศร์ ระบุ เป็นไปได้ว่าในปี 2558 ตลาดโน้ตบุ๊กจะกลับมาเติบโตอีกครั้ง หลังจากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาตลาดติดลบลงไป 20-30% โดยจะมีกลุ่มผู้ที่มีประสบการณ์การใช้งานแท็บเลตในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
ประเด็นหลัก
"เป็นไปได้ว่าในปี 2558 ตลาดโน้ตบุ๊กจะกลับมาเติบโตอีกครั้ง หลังจากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาตลาดติดลบลงไป 20-30% โดยจะมีกลุ่มผู้ที่มีประสบการณ์การใช้งานแท็บเลตในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เริ่มพบว่าอุปกรณ์แท็บเลตไม่สามารถตอบสนองการทำงานบางอย่างได้ และกลับมาให้ความสนใจโน้ตบุ๊กแบบทูอินวัน ที่สามารถตอบสนองการทำงานได้มากกว่า อย่างไรก็ตามผู้ใช้กลุ่มนี้ก็ยังเก็บแท็บเลตเอาไว้ตอบสนองการใช้งานทางด้านความบันเทิง" นายจาริศร์ กล่าวต่อไปว่าตลาดอุปกรณ์น้องใหม่ที่น่าจับตามองในปี 2558 นั้น คือตลาดสมาร์ท ดีไวซ์ โดยเฉพาะตลาดนาฬิกาอัจฉริยะ หรือ สมาร์ทวอตช์ ที่ใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน หรือ แท็บเลต เพื่อตอบสนองการใช้งานด้านสุขภาพ โดยมองว่าจะเป็นตลาดที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง และมีการแข่งขันรุนแรง เนื่องจากขณะนี้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟน อย่างซัมซุง และโซนี่ เตรียมออกสมาร์ทวอตช์ รุ่นที่ 2 ออกมา ขณะเดียวกันค่ายแอปเปิล ก็เตรียมทำตลาดแอปเปิล วอตช์ ช่วงต้นปี 2558 เช่นเดียวกับค่ายผู้ผลิตสินค้าไอที ทั้งอัสซุส หรือ เอเซอร์ ก็เข้ามาเล่นในตลาดสมาร์ทวอตช์ และวิชแบนด์ สำหรับกลุ่มผู้รักสุขภาพมากขึ้น
______________________________
ปี58ไร้เทคโนฯใหม่สร้างจุดเปลี่ยน
นักวิเคราะห์ตลาดไอที มองตลาดอุปกรณ์ปี 58 ไร้เทคโนโลยีใหม่สร้างจุดเปลี่ยนตลาด ฟันธงสงคราม "แฟบเลต-แท็บเลต-โน้ตบุ๊ก 2in1" ร้อนระอุ หลังผู้ผลิตมุ่งเน้นใส่ฟีเจอร์ใหม่ลงบนอุปกรณ์เดิม ตอบโจทย์การใช้งานผู้ใช้
altนายจาริศร์ สิทธุ นักวิเคราะห์สายงานศึกษาตลาดไคลเอนต์ดีไวซ์ บริษัทไอดีซี ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่าแนวโน้มเทคโนโลยีอุปกรณ์ หรือ ดีไวซ์ ที่เกิดขึ้นในปี 2558 คงไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากไปกว่าปี 2557 โดยยังไม่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลง หรือจุดเปลี่ยนให้กับตลาดชัดเจน ทั้งนี้มองว่าเกมการแข่งขันปี 2558 จะเป็นการแข่งขันระหว่างอุปกรณ์ 3 รูปแบบ คือ แฟบเลต (Phablet) สมาร์ทโฟนหน้าจอ 5.5 - 6.5 นิ้ว , แท็บเลต ขนาดหน้าจอ 7 นิ้วขึ้นไป ที่มีคุณสมบัติรอง 3G - LTE และ โน้ตบุ๊กแบบทูอินวัน ที่ผู้ผลิตต่างมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้รองรับกับความต้องการใช้งานของผู้บริโภค เพื่อช่วงชิงตลาด
โดยกลุ่มแฟบเลต ที่กำลังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคขณะนี้นั้นผู้ผลิตจะพัฒนาคุณสมบัติของจอให้มีความแข็งแรงทนทานมากขึ้น , รองรับการเล่นเกมได้มากขึ้น หรือ พัฒนาแบตเตอรี่ให้สามารถรองรับการใช้งานได้นานมากขึ้น ขณะที่อุปกรณ์แท็บเลต ที่มีหน้าจอขนาด 7 นิ้วขึ้นไปนั้นก็ถูกพัฒนาให้มีคุณสมบัติรองรับการใช้งานเสียงหรือวอยซ์ และดาต้า ผ่านเทคโนโลยี 3 จี และ LTE ส่วนฝั่งผู้ผลิตโน้ตบุ๊ก ก็พยายามผลักดันอุปกรณ์กลุ่มโน้ตบุ๊กแบบทูอินวัน (2in1) หรือ โน้ตบุ๊กที่สามารถถอดหน้าจอออกมาใช้งานเป็นแท็บเลตได้ โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของหน่วยประมวลผล ที่จะเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีอินเทล คอร์ เอ็ม มากขึ้นจากเดิมปีนี้ใช้หน่วยประมวลผลอินเทล อะตอม เป็นหลัก ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของโน้ตบุ๊กทูอินวันสูงขึ้น สามารถใช้งานได้นานขึ้น ขณะที่ราคาโน้ตบุ๊กแบบทูอินวันมีแนวโน้มลดลง
"เป็นไปได้ว่าในปี 2558 ตลาดโน้ตบุ๊กจะกลับมาเติบโตอีกครั้ง หลังจากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาตลาดติดลบลงไป 20-30% โดยจะมีกลุ่มผู้ที่มีประสบการณ์การใช้งานแท็บเลตในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เริ่มพบว่าอุปกรณ์แท็บเลตไม่สามารถตอบสนองการทำงานบางอย่างได้ และกลับมาให้ความสนใจโน้ตบุ๊กแบบทูอินวัน ที่สามารถตอบสนองการทำงานได้มากกว่า อย่างไรก็ตามผู้ใช้กลุ่มนี้ก็ยังเก็บแท็บเลตเอาไว้ตอบสนองการใช้งานทางด้านความบันเทิง" นายจาริศร์ กล่าวต่อไปว่าตลาดอุปกรณ์น้องใหม่ที่น่าจับตามองในปี 2558 นั้น คือตลาดสมาร์ท ดีไวซ์ โดยเฉพาะตลาดนาฬิกาอัจฉริยะ หรือ สมาร์ทวอตช์ ที่ใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน หรือ แท็บเลต เพื่อตอบสนองการใช้งานด้านสุขภาพ โดยมองว่าจะเป็นตลาดที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง และมีการแข่งขันรุนแรง เนื่องจากขณะนี้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟน อย่างซัมซุง และโซนี่ เตรียมออกสมาร์ทวอตช์ รุ่นที่ 2 ออกมา ขณะเดียวกันค่ายแอปเปิล ก็เตรียมทำตลาดแอปเปิล วอตช์ ช่วงต้นปี 2558 เช่นเดียวกับค่ายผู้ผลิตสินค้าไอที ทั้งอัสซุส หรือ เอเซอร์ ก็เข้ามาเล่นในตลาดสมาร์ทวอตช์ และวิชแบนด์ สำหรับกลุ่มผู้รักสุขภาพมากขึ้น
นายจาริศร์ กล่าวต่อไปอีกว่าประเมินว่าภาวะเศรษฐกิจปี 2558 ยังคงทรงตัว ขณะที่กำลังซื้อน่าจะเริ่มกลับมาเล็กน้อย ซึ่งมองว่าภาพรวมตลาดไอทีปี 2558 คงไม่ลดลงไปจากปี 2557 โดยในกลุ่มสมาร์ทโฟน ยังเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงสุด โดยเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก ส่วนตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล หรือ พีซี ทั้งคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และโน้ตบุ๊ก นั้นคาดว่าปี 2558 ตลาดจะกลับมาเติบโต 5-10% ขณะที่แท็บเลต คาดว่าน่าจะเติบโตราว 10%
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=258105:58&catid=123:2009-02-08-11-44-33&Itemid=491#.VJY3wCBAc
"เป็นไปได้ว่าในปี 2558 ตลาดโน้ตบุ๊กจะกลับมาเติบโตอีกครั้ง หลังจากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาตลาดติดลบลงไป 20-30% โดยจะมีกลุ่มผู้ที่มีประสบการณ์การใช้งานแท็บเลตในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เริ่มพบว่าอุปกรณ์แท็บเลตไม่สามารถตอบสนองการทำงานบางอย่างได้ และกลับมาให้ความสนใจโน้ตบุ๊กแบบทูอินวัน ที่สามารถตอบสนองการทำงานได้มากกว่า อย่างไรก็ตามผู้ใช้กลุ่มนี้ก็ยังเก็บแท็บเลตเอาไว้ตอบสนองการใช้งานทางด้านความบันเทิง" นายจาริศร์ กล่าวต่อไปว่าตลาดอุปกรณ์น้องใหม่ที่น่าจับตามองในปี 2558 นั้น คือตลาดสมาร์ท ดีไวซ์ โดยเฉพาะตลาดนาฬิกาอัจฉริยะ หรือ สมาร์ทวอตช์ ที่ใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน หรือ แท็บเลต เพื่อตอบสนองการใช้งานด้านสุขภาพ โดยมองว่าจะเป็นตลาดที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง และมีการแข่งขันรุนแรง เนื่องจากขณะนี้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟน อย่างซัมซุง และโซนี่ เตรียมออกสมาร์ทวอตช์ รุ่นที่ 2 ออกมา ขณะเดียวกันค่ายแอปเปิล ก็เตรียมทำตลาดแอปเปิล วอตช์ ช่วงต้นปี 2558 เช่นเดียวกับค่ายผู้ผลิตสินค้าไอที ทั้งอัสซุส หรือ เอเซอร์ ก็เข้ามาเล่นในตลาดสมาร์ทวอตช์ และวิชแบนด์ สำหรับกลุ่มผู้รักสุขภาพมากขึ้น
______________________________
ปี58ไร้เทคโนฯใหม่สร้างจุดเปลี่ยน
นักวิเคราะห์ตลาดไอที มองตลาดอุปกรณ์ปี 58 ไร้เทคโนโลยีใหม่สร้างจุดเปลี่ยนตลาด ฟันธงสงคราม "แฟบเลต-แท็บเลต-โน้ตบุ๊ก 2in1" ร้อนระอุ หลังผู้ผลิตมุ่งเน้นใส่ฟีเจอร์ใหม่ลงบนอุปกรณ์เดิม ตอบโจทย์การใช้งานผู้ใช้
altนายจาริศร์ สิทธุ นักวิเคราะห์สายงานศึกษาตลาดไคลเอนต์ดีไวซ์ บริษัทไอดีซี ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่าแนวโน้มเทคโนโลยีอุปกรณ์ หรือ ดีไวซ์ ที่เกิดขึ้นในปี 2558 คงไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากไปกว่าปี 2557 โดยยังไม่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลง หรือจุดเปลี่ยนให้กับตลาดชัดเจน ทั้งนี้มองว่าเกมการแข่งขันปี 2558 จะเป็นการแข่งขันระหว่างอุปกรณ์ 3 รูปแบบ คือ แฟบเลต (Phablet) สมาร์ทโฟนหน้าจอ 5.5 - 6.5 นิ้ว , แท็บเลต ขนาดหน้าจอ 7 นิ้วขึ้นไป ที่มีคุณสมบัติรอง 3G - LTE และ โน้ตบุ๊กแบบทูอินวัน ที่ผู้ผลิตต่างมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้รองรับกับความต้องการใช้งานของผู้บริโภค เพื่อช่วงชิงตลาด
โดยกลุ่มแฟบเลต ที่กำลังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคขณะนี้นั้นผู้ผลิตจะพัฒนาคุณสมบัติของจอให้มีความแข็งแรงทนทานมากขึ้น , รองรับการเล่นเกมได้มากขึ้น หรือ พัฒนาแบตเตอรี่ให้สามารถรองรับการใช้งานได้นานมากขึ้น ขณะที่อุปกรณ์แท็บเลต ที่มีหน้าจอขนาด 7 นิ้วขึ้นไปนั้นก็ถูกพัฒนาให้มีคุณสมบัติรองรับการใช้งานเสียงหรือวอยซ์ และดาต้า ผ่านเทคโนโลยี 3 จี และ LTE ส่วนฝั่งผู้ผลิตโน้ตบุ๊ก ก็พยายามผลักดันอุปกรณ์กลุ่มโน้ตบุ๊กแบบทูอินวัน (2in1) หรือ โน้ตบุ๊กที่สามารถถอดหน้าจอออกมาใช้งานเป็นแท็บเลตได้ โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของหน่วยประมวลผล ที่จะเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีอินเทล คอร์ เอ็ม มากขึ้นจากเดิมปีนี้ใช้หน่วยประมวลผลอินเทล อะตอม เป็นหลัก ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของโน้ตบุ๊กทูอินวันสูงขึ้น สามารถใช้งานได้นานขึ้น ขณะที่ราคาโน้ตบุ๊กแบบทูอินวันมีแนวโน้มลดลง
"เป็นไปได้ว่าในปี 2558 ตลาดโน้ตบุ๊กจะกลับมาเติบโตอีกครั้ง หลังจากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาตลาดติดลบลงไป 20-30% โดยจะมีกลุ่มผู้ที่มีประสบการณ์การใช้งานแท็บเลตในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เริ่มพบว่าอุปกรณ์แท็บเลตไม่สามารถตอบสนองการทำงานบางอย่างได้ และกลับมาให้ความสนใจโน้ตบุ๊กแบบทูอินวัน ที่สามารถตอบสนองการทำงานได้มากกว่า อย่างไรก็ตามผู้ใช้กลุ่มนี้ก็ยังเก็บแท็บเลตเอาไว้ตอบสนองการใช้งานทางด้านความบันเทิง" นายจาริศร์ กล่าวต่อไปว่าตลาดอุปกรณ์น้องใหม่ที่น่าจับตามองในปี 2558 นั้น คือตลาดสมาร์ท ดีไวซ์ โดยเฉพาะตลาดนาฬิกาอัจฉริยะ หรือ สมาร์ทวอตช์ ที่ใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน หรือ แท็บเลต เพื่อตอบสนองการใช้งานด้านสุขภาพ โดยมองว่าจะเป็นตลาดที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง และมีการแข่งขันรุนแรง เนื่องจากขณะนี้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟน อย่างซัมซุง และโซนี่ เตรียมออกสมาร์ทวอตช์ รุ่นที่ 2 ออกมา ขณะเดียวกันค่ายแอปเปิล ก็เตรียมทำตลาดแอปเปิล วอตช์ ช่วงต้นปี 2558 เช่นเดียวกับค่ายผู้ผลิตสินค้าไอที ทั้งอัสซุส หรือ เอเซอร์ ก็เข้ามาเล่นในตลาดสมาร์ทวอตช์ และวิชแบนด์ สำหรับกลุ่มผู้รักสุขภาพมากขึ้น
นายจาริศร์ กล่าวต่อไปอีกว่าประเมินว่าภาวะเศรษฐกิจปี 2558 ยังคงทรงตัว ขณะที่กำลังซื้อน่าจะเริ่มกลับมาเล็กน้อย ซึ่งมองว่าภาพรวมตลาดไอทีปี 2558 คงไม่ลดลงไปจากปี 2557 โดยในกลุ่มสมาร์ทโฟน ยังเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงสุด โดยเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก ส่วนตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล หรือ พีซี ทั้งคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และโน้ตบุ๊ก นั้นคาดว่าปี 2558 ตลาดจะกลับมาเติบโต 5-10% ขณะที่แท็บเลต คาดว่าน่าจะเติบโตราว 10%
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=258105:58&catid=123:2009-02-08-11-44-33&Itemid=491#.VJY3wCBAc
ไม่มีความคิดเห็น: