Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

24 ธันวาคม 2557 กสทช.เตรียมส่งเงินประมูล 3G งวด 2 จำนวน 1.1 หมื่นล้านบาท ย่านความถี่ 2.1 GHz จากการตรวจสอบความเร็วในการรับส่งข้อมูลง ผลการทดสอบในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้ความเร็วเฉลี่ยที่ 3-4 Mbps

ประเด็นหลัก



       สำหรับผลงานด้านการติดตั้งโครงข่ายบริการบนย่านความถี่ 2.1 Ghz เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.57 ผู้รับใบอนุญาตทั้ง 3 ราย ได้รับอนุญาตการติดตั้งโครงข่ายจากสำนักงาน กสทช. รวมกว่า 33,000 สถานี และได้ติดตั้งครบทั้ง 77 จังหวัดแล้วตามเงื่อนไขการจัดให้มีโครงข่ายในเบื้องต้น ซึ่งขณะนี้สำนักงาน กสทช. กำลังตรวจสอบความครอบคลุมตามเงื่อนไขที่ต้องครอบคลุมประชากรไม่น้อยกว่า 50% ภายใน 2 ปี โดยผลการตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่า ผู้รับใบอนุญาตทั้ง 3 ราย ดำเนินการได้สอดคล้องตามเงื่อนไขดังกล่าว
     
       ในส่วนของอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่บนความถี่ 2.1GHz ของผู้รับใบอนุญาตทั้ง 3 ราย พบว่า ลดลงกว่า 15% เมื่อเทียบกับค่าบริการ ณ วันที่ให้ใบอนุญาต (7 ธ.ค.55) โดยในเดือน ต.ค. 57 ค่าบริการประเภทเสียงอยู่ระหว่าง 0.48-0.76 บาทต่อนาที ลดลงกว่าอัตราค่าบริการเฉลี่ย ณ วันที่ 7 ธ.ค.55 (0.97 บาทต่อนาที) ลดลง 21-51% ค่าบริการอินเทอร์เน็ตอยู่ระหว่าง 0.19-0.28 บาทต่อนาที ลดลง 15-42% ค่าบริการเอสเอ็มเอสอยู่ระหว่าง 1.07-1.32 บาทต่อข้อความ ลดลง 15-31% และค่าบริการเอ็มเอ็มเอส อยู่ระหว่าง 2.86-3.31 บาทต่อข้อความ ลดลง 15-42% เมื่อเทียบกับวันที่ได้รับใบอนุญาต
     
       ด้านคุณภาพบริการโทรศัพท์มือถือ ย่านความถี่ 2.1 GHz จากการตรวจสอบความเร็วในการรับส่งข้อมูล (FTP Download) พบว่า มีความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผลการทดสอบในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้ความเร็วเฉลี่ยที่ 3-4 Mbps และอัตราการเรียกสำเร็จ (Voice Successful Call) ของผู้รับใบอนุญาตทั้ง 3 รายสูงกว่า 97% ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดในเรื่องมาตรฐานของคุณภาพการให้บริการโทรคมนาคมทั้งประเภทเสียง และประเภทข้อมูลสำหรับโครงข่ายโทรศัพท์มือถือ

_____________________________________________________



















กสทช.เตรียมส่งเงินประมูล 3G งวด 2 จำนวน 1.1 หมื่นล้านบาท



กสทช. ร่วมกับ 3 โอเปอเรเตอร์ AWN-RF-DTN จัดพิธีมอบเงินประมูลคลื่น 2.1 GHzงวด 2 รวม 11,134.69 ล้านบาท ให้คลังเป็นรายได้แผ่นดินภายในสัปดาห์นี้ พบ 2 ปี ยอดผู้ใช้ 3G พุ่ง 73.5 ล้านเลขหมาย และทำให้ประเทศไทยมีอัตราการเติบโตของการใช้งานอินเทอร์เน็ตสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก
     
       พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 57 เป็นวันครบกำหนดที่ผู้รับใบอนุญาตทั้ง 3 ราย ต้องชำระเงินประมูลคลื่นความถี่งวดที่ 2 ซึ่งกำหนดให้ต้องชำระภายใน 15 วันหลังจากครบกำหนด 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับใบอนุญาตเมื่อวันที่ 16 ต.ค.57 ในอัตรา 25% ของเงินประมูลสูงสุดของผู้รับใบอนุญาตแต่ละราย จำนวน 11,134.69 ล้านบาท เพื่อนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน รวมเงินที่ได้นำส่งมอบกระทรวงการคลังแล้ว 2 งวด เป็นยอดเงินรวมทั้งสิ้น 33,404.07 ล้านบาท
     
       สำนักงาน กสทช.จะนำเงินงวดที่ 2 ส่งให้รัฐภายในสัปดาห์นี้ โดยเมื่อวันที่ 16 ต.ค.55 กสทช.ได้เงินจากการประมูลรวมทั้งสิ้น 41,625 ล้านบาท โดยมีการนำส่งเงินงวดแรก 50% ที่ได้จากการประมูล เป็นจำนวนทั้งสิ้น 22,269.38 ล้านบาท ให้กระทรวงการคลัง เป็นรายได้ของแผ่นดินไปแล้วเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.55 โดยเงินงวดที่ 3 ซึ่งเป็นงวดสุดท้ายอีก 25% จำนวน 11,134.69 ล้านบาท จะครบกำหนดชำระในวันที่ 22 ธ.ค.58
     
       ทั้งนี้ กสทช. ได้ให้ใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากลย่าน 2.1 GHz หรือใบอนุญาต 3G และใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม คือ มีโครงข่ายเป็นของตัวเอง กับผู้ที่ชนะการประมูลทั้ง 3 ราย บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด (DTN) และบริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด (RF) โดยได้กำหนดการชำระค่าใบอนุญาตแบ่งจ่ายเป็น 3 งวด งวดแรก 50% ของราคาประมูล จ่ายใน 90 วัน นับตั้งแต่ได้รับหนังสือแจ้งเป็นผู้ชนะประมูล งวดที่ 2 จำนวน 25% ภายใน 2 ปี (วันที่ 22 ธ.ค.57) และงวดสุดท้ายอีก 25% ภายใน 3 ปี โดยมีระยะเวลาอนุญาต 15 ปี
     
       ด้าน พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช.และประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) กล่าวว่า สำหรับรายละเอียดจำนวนเงินที่นำส่งงวดที่ 2 ดังกล่าวประกอบด้วยAWN นำส่งเงินประมูลงวดที่สอง 3,656.25ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มคิดเป็นเงิน 3,912.19 ล้านบาท) RF นำส่งเงินประมูลงวดที่สอง 3,375ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มคิดเป็นเงิน 3,611.25 ล้านบาท) และ DTN นำส่งเงินประมูลงวดที่สอง 3,375 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มคิดเป็นเงิน 3,611.25 ล้านบาท)
     
       ทั้งนี้ จากการที่ประเทศไทยมีการให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ 2.1 GHz ส่งผลให้การใช้โมบายอินเทอร์เน็ตเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีอัตราการเติบโตของการใช้งานอินเทอร์เน็ตสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก ไต่ขึ้นมา 34 อันดับ จากลำดับที่ 105 ในปี 55 ขึ้นเป็นลำดับที่ 71 ในปีนี้ ตามผลสำรวจรายงานประจำปีดัชนีชี้วัดสังคมสารสนเทศปี 57 ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ หรือ ITU และยังส่งผลให้ลำดับดัชนีชี้วัดระดับและพัฒนาการของระบบ ICT หรือ IDI (ICT Development Index) ของประเทศไทยก้าวขึ้นมาอยู่ลำดับที่ 81 ในปี 56 จาก 166 ประเทศทั่วโลก สูงขึ้นจากเดิม 10 อันดับ ยกระดับการพัฒนาการระบบICT ของประเทศไทยอยู่ในระดับค่าเฉลี่ยโลกติดท็อปเทนของกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิกจากปี 55 ที่อยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการสื่อสารของไทยที่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีโอกาสที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่องในอนาคต
     
       ขณะที่ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า ภาพรวมตลาดบริการโทรศัพท์มือถือในประเทศไทยนับตั้งแต่ได้ให้ใบอนุญาตคลื่น 2.1 GHz เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.55 ได้ครบ 2 ปีแล้ว พบว่า มีจำนวนเลขหมายโทรศัพท์มือถือทุกย่านความถี่รวม 103 ล้านเลขหมาย แยกเป็นบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่บนย่านความถี่ 2.1GHz 73.5 ล้านเลขหมาย คิดเป็น 71.36% และบนย่านความถี่อื่นๆ 29.5 ล้านเลขหมายคิดเป็น 28.64% ด้านส่วนแบ่งตลาดของผู้ให้บริการพบว่า AWN มีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดที่ 54% รองลงมาเป็น DTN ที่ 35% และ RF คิดเป็น 11% โดยกลุ่มผู้ใช้บริการ 3G เป็นการโอนย้ายจากเทคโนโลยี 2G ไปสู่ 3G สูงถึง 40%
     
       สำหรับผลงานด้านการติดตั้งโครงข่ายบริการบนย่านความถี่ 2.1 Ghz เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.57 ผู้รับใบอนุญาตทั้ง 3 ราย ได้รับอนุญาตการติดตั้งโครงข่ายจากสำนักงาน กสทช. รวมกว่า 33,000 สถานี และได้ติดตั้งครบทั้ง 77 จังหวัดแล้วตามเงื่อนไขการจัดให้มีโครงข่ายในเบื้องต้น ซึ่งขณะนี้สำนักงาน กสทช. กำลังตรวจสอบความครอบคลุมตามเงื่อนไขที่ต้องครอบคลุมประชากรไม่น้อยกว่า 50% ภายใน 2 ปี โดยผลการตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่า ผู้รับใบอนุญาตทั้ง 3 ราย ดำเนินการได้สอดคล้องตามเงื่อนไขดังกล่าว
     
       ในส่วนของอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่บนความถี่ 2.1GHz ของผู้รับใบอนุญาตทั้ง 3 ราย พบว่า ลดลงกว่า 15% เมื่อเทียบกับค่าบริการ ณ วันที่ให้ใบอนุญาต (7 ธ.ค.55) โดยในเดือน ต.ค. 57 ค่าบริการประเภทเสียงอยู่ระหว่าง 0.48-0.76 บาทต่อนาที ลดลงกว่าอัตราค่าบริการเฉลี่ย ณ วันที่ 7 ธ.ค.55 (0.97 บาทต่อนาที) ลดลง 21-51% ค่าบริการอินเทอร์เน็ตอยู่ระหว่าง 0.19-0.28 บาทต่อนาที ลดลง 15-42% ค่าบริการเอสเอ็มเอสอยู่ระหว่าง 1.07-1.32 บาทต่อข้อความ ลดลง 15-31% และค่าบริการเอ็มเอ็มเอส อยู่ระหว่าง 2.86-3.31 บาทต่อข้อความ ลดลง 15-42% เมื่อเทียบกับวันที่ได้รับใบอนุญาต
     
       ด้านคุณภาพบริการโทรศัพท์มือถือ ย่านความถี่ 2.1 GHz จากการตรวจสอบความเร็วในการรับส่งข้อมูล (FTP Download) พบว่า มีความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผลการทดสอบในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้ความเร็วเฉลี่ยที่ 3-4 Mbps และอัตราการเรียกสำเร็จ (Voice Successful Call) ของผู้รับใบอนุญาตทั้ง 3 รายสูงกว่า 97% ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดในเรื่องมาตรฐานของคุณภาพการให้บริการโทรคมนาคมทั้งประเภทเสียง และประเภทข้อมูลสำหรับโครงข่ายโทรศัพท์มือถือ
     
       นอกจากนั้น ในเรื่องมาตรการเพื่อสังคมและคุ้มครองผู้บริโภคพบว่าผู้รับใบอนุญาตทั้ง 3 รายได้ดำเนินการตามข้อกำหนดในเรื่องมาตรการเพื่อสังคม และคุ้มครองผู้บริโภคครบถ้วนแล้ว ทั้งในส่วนของความรับผิดชอบต่อสังคม หรือ CSR ซึ่งได้แก่ โครงการจำกัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ สุขภาพผู้ใช้บริการ และแผนความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และในส่วนของการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งได้แก่มาตรการการรับเรื่องร้องเรียนโดยไม่มีค่าบริการ มาตรการจัดการกับบริการที่ไม่เหมาะสม เป็นต้น


http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9570000146895

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.