02 มกราคม 2558 Baidu PC.ริชาร์ด ลี ระบุ ภาพลักษณ์ของไป่ตู้ในไทยค่อนข้างเป็นในแง่ลบ จากการทำแคมเปญร่วมกับผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ โดยแบ่งรายได้ให้เมื่อมีการติดตั้งไป่ตู้ลงบนเครื่องผู้ใช้
ประเด็นหลัก
ปรับแผนกู้ภาพลักษณ์
"ภาพลักษณ์ของไป่ตู้ในไทยค่อนข้างเป็นในแง่ลบ จากการทำแคมเปญร่วมกับผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ โดยแบ่งรายได้ให้เมื่อมีการติดตั้งไป่ตู้ลงบนเครื่องผู้ใช้ ทำให้นักพัฒนานำไป่ตู้เข้าร่วมไปกับซอฟต์แวร์ที่พัฒนาเพื่อให้ผู้บริโภคติด ตั้งไปพร้อมกัน ทั้งที่เราเองมีข้อกำหนดว่า ถ้ามีการติดตั้งโปรแกรมต้องให้ผู้ใช้ยอมรับด้วยการกดในช่องยืนยัน แต่มีบางรายข้ามขั้นตอนนี้ไป ทำให้ติดตั้งโปรแกรมอัตโนมัติ และไม่สามารถลบออกได้ การมีโฆษณาสูงกว่าปกติก็เกิดจากเหตุนี้ เราจึงพยายามตรวจสอบย้อนกลับไปถึงต้นตอปัญหา และปรับเปลี่ยนการทำตลาดให้เหมาะสมกับวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ" ริชาร์ดกล่าว
"ริ ชาร์ด" ย้ำว่า ในฐานะบริษัทใหญ่จะไม่ยอมสร้างสินค้าที่ออกมาทำลายการใช้งานของผู้ใช้แน่นอน เมื่อมีข้อผิดพลาดที่อาจเกิดจากพาร์ตเนอร์ก็ต้องเข้าไปควบคุมพาร์ตเนอร์ เหล่านี้ให้ปฏิบัติตามกฎเพื่อให้ปัญหาลดลง ขั้นต่อไปคือพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น ทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่น โดยเตรียมเงินลงทุนสำหรับสื่อสารกับผู้บริโภคมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา
เมื่อ 14 ปีที่แล้ว "ไป่ตู้" ตั้งขึ้นเมื่อปี 2543 โดย "โรบิน ลี" ผู้บุกเบิกเทคโนโลยีด้านอินเทอร์เน็ตจากการสนับสนุนเงินทุนจากสหรัฐอเมริกา เริ่มแรกเป็นเพียงการให้บริการค้นหาข้อมูลทั่วไปของบริษัท และเปิดเว็บไซต์ค้นหาข้อมูลสำหรับผู้ใช้ทั่วไปในปีถัดมา ก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์แนสแดคปี 2548 เป็นบริษัทเทคโนโลยีเจ้าแรกของประเทศจีนที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ที่อเมริกา
ปี 2552 เปิดตัว "Box Computing" แพลตฟอร์มค้นหาข้อมูลเชิงลึกที่เข้าถึงได้รวดเร็ว ตามด้วยคลาวด์คอมพิวติ้งขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย ปี 2556 ปัจจุบันมีพนักงานทั่วโลก 40,500 คน เพิ่มขึ้นกว่า 50% จากปี 2555 ในฝ่ายวิจัยและพัฒนา
_____________________________________________________
"ไป่ตู้" ลุยขยายฐานคนใช้ เร่งฟื้นภาพลักษณ์แบรนด์-โหมตลาด "โมบาย"
หากกล่าวถึงประเทศชั้นนำในการพัฒนานวัตกรรมด้านเทคโนโลยี "จีน" ไม่แพ้ประเทศใดในโลก และพัฒนาก้าวกระโดดเสียด้วย ทั้งจากการสนับสนุนจริงจังของรัฐบาล และด้วยความที่ขนาดตลาดในประเทศใหญ่โตมโหฬาร
นิคมอุตสาหกรรมด้านไอทีหรือ "ซิลิคอนวัลเลย์" ของจีน "จงกวนชุน" (Zhongguancun) ที่เมืองปักกิ่ง มีเนื้อที่กว้างใหญ่ถึงกว่า 488 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยบริษัทไอทีกว่าพันแห่ง หนึ่งในนั้น คือ "ไป่ตู้" (Baidu) เสิร์ชเอ็นจิ้นอันดับหนึ่งในจีนที่กำลังขยับขยายอาณานิคมไปยังประเทศอื่น ๆ รวมทั้งประเทศไทย
เปิดเกมขยายตลาด
"ริชาร์ด ลี" ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดต่างประเทศ "ไป่ตู้" กล่าวว่า การใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกเติบโตอย่างมาก รวมถึงในจีนที่มีผู้ใช้กว่า 618 ล้านคน (ณ สิ้นปี 2556) มากที่สุดในโลกทำให้บริษัทต้องพัฒนานวัตกรรมการใช้งานต่อเนื่อง จากที่มีจุดแข็งหลักที่การพัฒนาบริการเว็บไซต์ค้นหาข้อมูล เพื่อนำข้อมูลไปประยุกต์ใช้งาน ขณะที่บริษัทอื่นมีจุดแข็งแตกต่างกัน เช่น อาลีบาบา เด่นอีคอมเมิร์ซ, เทนเซนต์ ให้บริการแอปพลิเคชั่น QQ WeChat เป็นต้น
"ไป่ตู้" มีส่วนแบ่งในตลาดเสิร์ชเอ็นจิ้นในจีนที่ 72% มีบริการหลัก ๆ ได้แก่ เว็บไซต์ค้นหาข้อมูล (Search Engine) บริการข้อมูลผ่านระบบมือถือ (Mobile Cloud), บริการ Location Base Service, บริการดูหนังฟังเพลงออนไลน์ผ่านเว็บไซต์อ้ายคิวอี่ (Aqiyi) เป็นต้น มีรายได้รวมกว่า 2.2 พันล้านเหรียญ (ณ ไตรมาส 3) การใช้งานผ่านมือถือมีสัดส่วน 36% เติบโตและสร้างรายได้สูงกว่าในพีซี
"เราเพิ่งขยายตลาดไปต่างประเทศได้แค่ 3 ปี แต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการให้คนครึ่งหนึ่งของโลกรู้จักแบรนด์ไป่ตู้ ภายในปี 2020 ทั่วโลกมีเครื่องมือสำหรับค้นหาข้อมูลจำนวนมาก ทั้งในอเมริกา, รัสเซีย, จีน และเกาหลีใต้ การแข่งขันเพื่อทำให้เป็นที่รู้จักจึงมีความสำคัญ"
ไป่ตู้เข้าไปทำตลาดแล้วในบราซิล, อียิปต์, ไทย และอินโดนีเซีย และปีหน้าจะเปิดสำนักงานในอินเดียและเม็กซิโก สิ่งที่พยายามทำคือนำผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมในจีนไปให้บริการในประเทศอื่น เมื่อเริ่มมีฐานผู้ใช้มากขึ้น และมีทีมงานที่แข็งแกร่งขึ้นจะพัฒนาผลิตภัณฑ์เฉพาะของแต่ละท้องถิ่นขึ้นมา
ปรับแผนกู้ภาพลักษณ์
"ภาพลักษณ์ของไป่ตู้ในไทยค่อนข้างเป็นในแง่ลบ จากการทำแคมเปญร่วมกับผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ โดยแบ่งรายได้ให้เมื่อมีการติดตั้งไป่ตู้ลงบนเครื่องผู้ใช้ ทำให้นักพัฒนานำไป่ตู้เข้าร่วมไปกับซอฟต์แวร์ที่พัฒนาเพื่อให้ผู้บริโภคติด ตั้งไปพร้อมกัน ทั้งที่เราเองมีข้อกำหนดว่า ถ้ามีการติดตั้งโปรแกรมต้องให้ผู้ใช้ยอมรับด้วยการกดในช่องยืนยัน แต่มีบางรายข้ามขั้นตอนนี้ไป ทำให้ติดตั้งโปรแกรมอัตโนมัติ และไม่สามารถลบออกได้ การมีโฆษณาสูงกว่าปกติก็เกิดจากเหตุนี้ เราจึงพยายามตรวจสอบย้อนกลับไปถึงต้นตอปัญหา และปรับเปลี่ยนการทำตลาดให้เหมาะสมกับวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ" ริชาร์ดกล่าว
"ริ ชาร์ด" ย้ำว่า ในฐานะบริษัทใหญ่จะไม่ยอมสร้างสินค้าที่ออกมาทำลายการใช้งานของผู้ใช้แน่นอน เมื่อมีข้อผิดพลาดที่อาจเกิดจากพาร์ตเนอร์ก็ต้องเข้าไปควบคุมพาร์ตเนอร์ เหล่านี้ให้ปฏิบัติตามกฎเพื่อให้ปัญหาลดลง ขั้นต่อไปคือพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น ทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่น โดยเตรียมเงินลงทุนสำหรับสื่อสารกับผู้บริโภคมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา
เมื่อ 14 ปีที่แล้ว "ไป่ตู้" ตั้งขึ้นเมื่อปี 2543 โดย "โรบิน ลี" ผู้บุกเบิกเทคโนโลยีด้านอินเทอร์เน็ตจากการสนับสนุนเงินทุนจากสหรัฐอเมริกา เริ่มแรกเป็นเพียงการให้บริการค้นหาข้อมูลทั่วไปของบริษัท และเปิดเว็บไซต์ค้นหาข้อมูลสำหรับผู้ใช้ทั่วไปในปีถัดมา ก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์แนสแดคปี 2548 เป็นบริษัทเทคโนโลยีเจ้าแรกของประเทศจีนที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ที่อเมริกา
ปี 2552 เปิดตัว "Box Computing" แพลตฟอร์มค้นหาข้อมูลเชิงลึกที่เข้าถึงได้รวดเร็ว ตามด้วยคลาวด์คอมพิวติ้งขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย ปี 2556 ปัจจุบันมีพนักงานทั่วโลก 40,500 คน เพิ่มขึ้นกว่า 50% จากปี 2555 ในฝ่ายวิจัยและพัฒนา
โหมตลาดไทยบุกโมบาย
สำหรับในไทย "ริชาร์ด" ย้ำว่าเป็นตลาดที่มีความสำคัญ โดยแผนปีหน้าจะเน้นโมบายแอปพลิเคชั่นและเว็บไซต์ค้นหาข้อมูลมากขึ้น โดยเพิ่มงบประมาณในการสนับสนุนการตลาดมากกว่าปีที่ผ่านมา
"ชฎากร ธนสุวรรณเกษม" ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไป่ตู้ ประเทศไทย จำกัด เล่าว่า ไป่ตู้เข้ามาทำตลาดในไทยเมื่อปี 2554 ปัจจุบันมีพนักงาน 20 คน มีผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการอยู่แล้ว 8 ผลิตภัณฑ์ ไม่รวมเว็บไซต์ค้นหาข้อมูล แบ่งเป็นสำหรับคอมพิวเตอร์พีซี 4 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ Baidu Antivirus, Baidu PC Faster, Baidu Spark Browser และ Hao 123 อีก 4 ผลิตภัณฑ์ให้บริการบนโมบาย ได้แก่ Baidu Browser, DU Speed Booster, DU Battery Saver และแอปพลิเคชั่น Phowonder ตกแต่งภาพ
ในเบื้องต้น เน้นการทำตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับพีซีเป็นหลัก และจากการสำรวจพบว่า Baidu PC Faster เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคนใช้มากที่สุด ครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 50% ของผู้ใช้คอมพิวเตอร์ในไทย และมีบริการเอสเอ็มอี ได้แก่ Baidu SME ให้ผู้ประกอบการที่อยากลงโฆษณาในจีน ส่วน www.baidu.co.th อยู่ในช่วงทดลอง จะเปิดให้บริการเป็นทางการได้ในกลางปีหน้า
ภาพรวมในการให้บริการปีหน้าจะบุกตลาดโมบายแอปพลิเคชั่นมากขึ้น รวมทั้งเว็บไซต์ค้นหาข้อมูลรายได้จาก 2 ช่องทาง คือ โฆษณา และรายได้จากการที่ผู้ประกอบการไทยไปติดต่อลงโฆษณาบนเว็บไซต์ไป่ตู้เพื่อ โฆษณาสินค้าในประเทศจีน
"ปีหน้าเน้นการสร้างการรับรู้ของผู้ใช้ โดยมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผู้ใช้ชาวไทยรู้จักมากขึ้น และปรับปรุงภาพลักษณ์ให้ดีขึ้น ที่น่าสนใจคือเว็บไซต์ Baidu.co.th ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในจีนมาทำตลาดในไทยเน้นพัฒนาคอนเทนต์ท้องถิ่น เพื่อนำคำค้นมาตอบสนองผลการค้นหาที่ไม่จำเป็นต้องแสดง เพียงแค่ลิงก์เพื่อเข้าไปเว็บไซต์ แต่มีการแสดงผลทันที เช่น ตรวจผลสลากกินแบ่ง, คำนวณค่าเงินที่ร่วมกับแบงก์ชาติหรือระบบแปลภาษาออนไลน์โดยใช้ฐานข้อมูลภาษา ไทยจากเนคเทค"
พัฒนานวัตกรรมโชว์ไฮเทค
และ "ไป่ตู้" กำลังพัฒนานวัตกรรมใหม่ เช่น DuBike จักรยานที่เก็บข้อมูลระหว่างขี่ได้ ทั้งวัดการเต้นของหัวใจ มีไฟแสดงสัญลักษณ์ต่าง ๆ ทำงานร่วมกับแอปพลิเคชั่น
ในมือถือบอกปริมาณแคลอรีที่เผาผลาญไป, BaiDuEye เป็น Wearable Device คล้ายหูฟังคาดท้ายทอย มีเซ็นเซอร์จับการมอง ใช้คำสั่งเสียงในการออกคำสั่ง (ภาษาจีน) มีจุดประสงค์เพื่อนำกล้องมาใช้ในการค้นหาข้อมูลจากรูป ร่วมกับแอปพลิเคชั่น DuEye เช่น การดูรูปภาพมีการอธิบายรายละเอียดต่าง ๆ ผ่านหูฟัง, Baidu Smart Chopstick ตะเกียบอัจฉริยะใช้ตรวจสอบปริมาณ และความสะอาดของน้ำมันเพื่อช่วยให้ผู้บริโภคที่ต้องการควบคุมปริมาณแคลอรีนำ ไปใช้ตรวจสอบอาหาร โดยใช้เซ็นเซอร์ที่ปลายตะเกียบแล้วส่งข้อมูลผ่านแอปไปยังระบบคลาวด์เพื่อค้น รายละเอียดจากฐานข้อมูล บริการใหม่ ๆ ที่ว่ายังอยู่ระหว่างพัฒนา และเมื่อเสร็จแล้วจะให้บริการในจีนก่อนขยายไปยังประเทศอื่น
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1419919396
ปรับแผนกู้ภาพลักษณ์
"ภาพลักษณ์ของไป่ตู้ในไทยค่อนข้างเป็นในแง่ลบ จากการทำแคมเปญร่วมกับผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ โดยแบ่งรายได้ให้เมื่อมีการติดตั้งไป่ตู้ลงบนเครื่องผู้ใช้ ทำให้นักพัฒนานำไป่ตู้เข้าร่วมไปกับซอฟต์แวร์ที่พัฒนาเพื่อให้ผู้บริโภคติด ตั้งไปพร้อมกัน ทั้งที่เราเองมีข้อกำหนดว่า ถ้ามีการติดตั้งโปรแกรมต้องให้ผู้ใช้ยอมรับด้วยการกดในช่องยืนยัน แต่มีบางรายข้ามขั้นตอนนี้ไป ทำให้ติดตั้งโปรแกรมอัตโนมัติ และไม่สามารถลบออกได้ การมีโฆษณาสูงกว่าปกติก็เกิดจากเหตุนี้ เราจึงพยายามตรวจสอบย้อนกลับไปถึงต้นตอปัญหา และปรับเปลี่ยนการทำตลาดให้เหมาะสมกับวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ" ริชาร์ดกล่าว
"ริ ชาร์ด" ย้ำว่า ในฐานะบริษัทใหญ่จะไม่ยอมสร้างสินค้าที่ออกมาทำลายการใช้งานของผู้ใช้แน่นอน เมื่อมีข้อผิดพลาดที่อาจเกิดจากพาร์ตเนอร์ก็ต้องเข้าไปควบคุมพาร์ตเนอร์ เหล่านี้ให้ปฏิบัติตามกฎเพื่อให้ปัญหาลดลง ขั้นต่อไปคือพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น ทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่น โดยเตรียมเงินลงทุนสำหรับสื่อสารกับผู้บริโภคมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา
เมื่อ 14 ปีที่แล้ว "ไป่ตู้" ตั้งขึ้นเมื่อปี 2543 โดย "โรบิน ลี" ผู้บุกเบิกเทคโนโลยีด้านอินเทอร์เน็ตจากการสนับสนุนเงินทุนจากสหรัฐอเมริกา เริ่มแรกเป็นเพียงการให้บริการค้นหาข้อมูลทั่วไปของบริษัท และเปิดเว็บไซต์ค้นหาข้อมูลสำหรับผู้ใช้ทั่วไปในปีถัดมา ก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์แนสแดคปี 2548 เป็นบริษัทเทคโนโลยีเจ้าแรกของประเทศจีนที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ที่อเมริกา
ปี 2552 เปิดตัว "Box Computing" แพลตฟอร์มค้นหาข้อมูลเชิงลึกที่เข้าถึงได้รวดเร็ว ตามด้วยคลาวด์คอมพิวติ้งขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย ปี 2556 ปัจจุบันมีพนักงานทั่วโลก 40,500 คน เพิ่มขึ้นกว่า 50% จากปี 2555 ในฝ่ายวิจัยและพัฒนา
_____________________________________________________
"ไป่ตู้" ลุยขยายฐานคนใช้ เร่งฟื้นภาพลักษณ์แบรนด์-โหมตลาด "โมบาย"
หากกล่าวถึงประเทศชั้นนำในการพัฒนานวัตกรรมด้านเทคโนโลยี "จีน" ไม่แพ้ประเทศใดในโลก และพัฒนาก้าวกระโดดเสียด้วย ทั้งจากการสนับสนุนจริงจังของรัฐบาล และด้วยความที่ขนาดตลาดในประเทศใหญ่โตมโหฬาร
นิคมอุตสาหกรรมด้านไอทีหรือ "ซิลิคอนวัลเลย์" ของจีน "จงกวนชุน" (Zhongguancun) ที่เมืองปักกิ่ง มีเนื้อที่กว้างใหญ่ถึงกว่า 488 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยบริษัทไอทีกว่าพันแห่ง หนึ่งในนั้น คือ "ไป่ตู้" (Baidu) เสิร์ชเอ็นจิ้นอันดับหนึ่งในจีนที่กำลังขยับขยายอาณานิคมไปยังประเทศอื่น ๆ รวมทั้งประเทศไทย
เปิดเกมขยายตลาด
"ริชาร์ด ลี" ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดต่างประเทศ "ไป่ตู้" กล่าวว่า การใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกเติบโตอย่างมาก รวมถึงในจีนที่มีผู้ใช้กว่า 618 ล้านคน (ณ สิ้นปี 2556) มากที่สุดในโลกทำให้บริษัทต้องพัฒนานวัตกรรมการใช้งานต่อเนื่อง จากที่มีจุดแข็งหลักที่การพัฒนาบริการเว็บไซต์ค้นหาข้อมูล เพื่อนำข้อมูลไปประยุกต์ใช้งาน ขณะที่บริษัทอื่นมีจุดแข็งแตกต่างกัน เช่น อาลีบาบา เด่นอีคอมเมิร์ซ, เทนเซนต์ ให้บริการแอปพลิเคชั่น QQ WeChat เป็นต้น
"ไป่ตู้" มีส่วนแบ่งในตลาดเสิร์ชเอ็นจิ้นในจีนที่ 72% มีบริการหลัก ๆ ได้แก่ เว็บไซต์ค้นหาข้อมูล (Search Engine) บริการข้อมูลผ่านระบบมือถือ (Mobile Cloud), บริการ Location Base Service, บริการดูหนังฟังเพลงออนไลน์ผ่านเว็บไซต์อ้ายคิวอี่ (Aqiyi) เป็นต้น มีรายได้รวมกว่า 2.2 พันล้านเหรียญ (ณ ไตรมาส 3) การใช้งานผ่านมือถือมีสัดส่วน 36% เติบโตและสร้างรายได้สูงกว่าในพีซี
"เราเพิ่งขยายตลาดไปต่างประเทศได้แค่ 3 ปี แต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการให้คนครึ่งหนึ่งของโลกรู้จักแบรนด์ไป่ตู้ ภายในปี 2020 ทั่วโลกมีเครื่องมือสำหรับค้นหาข้อมูลจำนวนมาก ทั้งในอเมริกา, รัสเซีย, จีน และเกาหลีใต้ การแข่งขันเพื่อทำให้เป็นที่รู้จักจึงมีความสำคัญ"
ไป่ตู้เข้าไปทำตลาดแล้วในบราซิล, อียิปต์, ไทย และอินโดนีเซีย และปีหน้าจะเปิดสำนักงานในอินเดียและเม็กซิโก สิ่งที่พยายามทำคือนำผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมในจีนไปให้บริการในประเทศอื่น เมื่อเริ่มมีฐานผู้ใช้มากขึ้น และมีทีมงานที่แข็งแกร่งขึ้นจะพัฒนาผลิตภัณฑ์เฉพาะของแต่ละท้องถิ่นขึ้นมา
ปรับแผนกู้ภาพลักษณ์
"ภาพลักษณ์ของไป่ตู้ในไทยค่อนข้างเป็นในแง่ลบ จากการทำแคมเปญร่วมกับผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ โดยแบ่งรายได้ให้เมื่อมีการติดตั้งไป่ตู้ลงบนเครื่องผู้ใช้ ทำให้นักพัฒนานำไป่ตู้เข้าร่วมไปกับซอฟต์แวร์ที่พัฒนาเพื่อให้ผู้บริโภคติด ตั้งไปพร้อมกัน ทั้งที่เราเองมีข้อกำหนดว่า ถ้ามีการติดตั้งโปรแกรมต้องให้ผู้ใช้ยอมรับด้วยการกดในช่องยืนยัน แต่มีบางรายข้ามขั้นตอนนี้ไป ทำให้ติดตั้งโปรแกรมอัตโนมัติ และไม่สามารถลบออกได้ การมีโฆษณาสูงกว่าปกติก็เกิดจากเหตุนี้ เราจึงพยายามตรวจสอบย้อนกลับไปถึงต้นตอปัญหา และปรับเปลี่ยนการทำตลาดให้เหมาะสมกับวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ" ริชาร์ดกล่าว
"ริ ชาร์ด" ย้ำว่า ในฐานะบริษัทใหญ่จะไม่ยอมสร้างสินค้าที่ออกมาทำลายการใช้งานของผู้ใช้แน่นอน เมื่อมีข้อผิดพลาดที่อาจเกิดจากพาร์ตเนอร์ก็ต้องเข้าไปควบคุมพาร์ตเนอร์ เหล่านี้ให้ปฏิบัติตามกฎเพื่อให้ปัญหาลดลง ขั้นต่อไปคือพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น ทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่น โดยเตรียมเงินลงทุนสำหรับสื่อสารกับผู้บริโภคมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา
เมื่อ 14 ปีที่แล้ว "ไป่ตู้" ตั้งขึ้นเมื่อปี 2543 โดย "โรบิน ลี" ผู้บุกเบิกเทคโนโลยีด้านอินเทอร์เน็ตจากการสนับสนุนเงินทุนจากสหรัฐอเมริกา เริ่มแรกเป็นเพียงการให้บริการค้นหาข้อมูลทั่วไปของบริษัท และเปิดเว็บไซต์ค้นหาข้อมูลสำหรับผู้ใช้ทั่วไปในปีถัดมา ก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์แนสแดคปี 2548 เป็นบริษัทเทคโนโลยีเจ้าแรกของประเทศจีนที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ที่อเมริกา
ปี 2552 เปิดตัว "Box Computing" แพลตฟอร์มค้นหาข้อมูลเชิงลึกที่เข้าถึงได้รวดเร็ว ตามด้วยคลาวด์คอมพิวติ้งขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย ปี 2556 ปัจจุบันมีพนักงานทั่วโลก 40,500 คน เพิ่มขึ้นกว่า 50% จากปี 2555 ในฝ่ายวิจัยและพัฒนา
โหมตลาดไทยบุกโมบาย
สำหรับในไทย "ริชาร์ด" ย้ำว่าเป็นตลาดที่มีความสำคัญ โดยแผนปีหน้าจะเน้นโมบายแอปพลิเคชั่นและเว็บไซต์ค้นหาข้อมูลมากขึ้น โดยเพิ่มงบประมาณในการสนับสนุนการตลาดมากกว่าปีที่ผ่านมา
"ชฎากร ธนสุวรรณเกษม" ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไป่ตู้ ประเทศไทย จำกัด เล่าว่า ไป่ตู้เข้ามาทำตลาดในไทยเมื่อปี 2554 ปัจจุบันมีพนักงาน 20 คน มีผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการอยู่แล้ว 8 ผลิตภัณฑ์ ไม่รวมเว็บไซต์ค้นหาข้อมูล แบ่งเป็นสำหรับคอมพิวเตอร์พีซี 4 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ Baidu Antivirus, Baidu PC Faster, Baidu Spark Browser และ Hao 123 อีก 4 ผลิตภัณฑ์ให้บริการบนโมบาย ได้แก่ Baidu Browser, DU Speed Booster, DU Battery Saver และแอปพลิเคชั่น Phowonder ตกแต่งภาพ
ในเบื้องต้น เน้นการทำตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับพีซีเป็นหลัก และจากการสำรวจพบว่า Baidu PC Faster เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคนใช้มากที่สุด ครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 50% ของผู้ใช้คอมพิวเตอร์ในไทย และมีบริการเอสเอ็มอี ได้แก่ Baidu SME ให้ผู้ประกอบการที่อยากลงโฆษณาในจีน ส่วน www.baidu.co.th อยู่ในช่วงทดลอง จะเปิดให้บริการเป็นทางการได้ในกลางปีหน้า
ภาพรวมในการให้บริการปีหน้าจะบุกตลาดโมบายแอปพลิเคชั่นมากขึ้น รวมทั้งเว็บไซต์ค้นหาข้อมูลรายได้จาก 2 ช่องทาง คือ โฆษณา และรายได้จากการที่ผู้ประกอบการไทยไปติดต่อลงโฆษณาบนเว็บไซต์ไป่ตู้เพื่อ โฆษณาสินค้าในประเทศจีน
"ปีหน้าเน้นการสร้างการรับรู้ของผู้ใช้ โดยมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผู้ใช้ชาวไทยรู้จักมากขึ้น และปรับปรุงภาพลักษณ์ให้ดีขึ้น ที่น่าสนใจคือเว็บไซต์ Baidu.co.th ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในจีนมาทำตลาดในไทยเน้นพัฒนาคอนเทนต์ท้องถิ่น เพื่อนำคำค้นมาตอบสนองผลการค้นหาที่ไม่จำเป็นต้องแสดง เพียงแค่ลิงก์เพื่อเข้าไปเว็บไซต์ แต่มีการแสดงผลทันที เช่น ตรวจผลสลากกินแบ่ง, คำนวณค่าเงินที่ร่วมกับแบงก์ชาติหรือระบบแปลภาษาออนไลน์โดยใช้ฐานข้อมูลภาษา ไทยจากเนคเทค"
พัฒนานวัตกรรมโชว์ไฮเทค
และ "ไป่ตู้" กำลังพัฒนานวัตกรรมใหม่ เช่น DuBike จักรยานที่เก็บข้อมูลระหว่างขี่ได้ ทั้งวัดการเต้นของหัวใจ มีไฟแสดงสัญลักษณ์ต่าง ๆ ทำงานร่วมกับแอปพลิเคชั่น
ในมือถือบอกปริมาณแคลอรีที่เผาผลาญไป, BaiDuEye เป็น Wearable Device คล้ายหูฟังคาดท้ายทอย มีเซ็นเซอร์จับการมอง ใช้คำสั่งเสียงในการออกคำสั่ง (ภาษาจีน) มีจุดประสงค์เพื่อนำกล้องมาใช้ในการค้นหาข้อมูลจากรูป ร่วมกับแอปพลิเคชั่น DuEye เช่น การดูรูปภาพมีการอธิบายรายละเอียดต่าง ๆ ผ่านหูฟัง, Baidu Smart Chopstick ตะเกียบอัจฉริยะใช้ตรวจสอบปริมาณ และความสะอาดของน้ำมันเพื่อช่วยให้ผู้บริโภคที่ต้องการควบคุมปริมาณแคลอรีนำ ไปใช้ตรวจสอบอาหาร โดยใช้เซ็นเซอร์ที่ปลายตะเกียบแล้วส่งข้อมูลผ่านแอปไปยังระบบคลาวด์เพื่อค้น รายละเอียดจากฐานข้อมูล บริการใหม่ ๆ ที่ว่ายังอยู่ระหว่างพัฒนา และเมื่อเสร็จแล้วจะให้บริการในจีนก่อนขยายไปยังประเทศอื่น
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1419919396
ไม่มีความคิดเห็น: