Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

18 พฤษภาคม 2558 www.truehits.net ในเดือน ม.ค. 2558 ที่ผ่านมา พบว่ามีเว็บไซต์หน้าใหม่ www.ohozaa.com (โอ้โหซ่าส์) เข้ามาเป็นเว็บไซต์ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดเป็นอันดับ 5 ที่จำนวน 825,859 ไอพี (จำนวน IP Address ของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ที่ไม่ซ้ำกันในช่วงเวลาหนึ่ง)

ประเด็นหลัก






ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่าจากการเก็บสถิติการเข้าชมเว็บไซต์ในประเทศไทยโดย www.truehits.net ของบริษัท ศูนย์วิจัยนวัตกรรมอินเทอร์เน็ตไทย จำกัด ในเดือน ม.ค. 2558 ที่ผ่านมา พบว่ามีเว็บไซต์หน้าใหม่ www.ohozaa.com (โอ้โหซ่าส์) เข้ามาเป็นเว็บไซต์ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดเป็นอันดับ 5 ที่จำนวน 825,859 ไอพี (จำนวน IP Address ของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ที่ไม่ซ้ำกันในช่วงเวลาหนึ่ง) และในเดือน ก.พ.ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 2 รองจาก www.sanook.com ที่มีผู้เข้าชมถึงหลักล้านไอพี (1.1 ล้านไอพี) เป็นครั้งแรกแซงหน้า www.khaosod.co.th, www.kapook.com และ www.mthai.com ต่อเนื่องมาถึงเดือน มี.ค.ด้วย ทั้งๆ ที่ในช่วงปลายปีที่ผ่านมามีผู้เข้าชมหลักแสนต้นๆ เท่านั้น

สำหรับเว็บไซต์ "โอ้โหซ่าส์" เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการทีวีออนไลน์และเว็บข่าว เปิดมาแล้วประมาณ 10 ปี แต่เพิ่งขึ้นมาติดอันดับ 1 ใน 5 ได้ภายในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังจากใช้วิธีโปรโมตเนื้อหาผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก และมีการปรับรูปแบบการพาดหัวข่าวให้น่าสนใจขึ้น ทำให้มีการนำไปแชร์ในเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์เป็นจำนวนมาก





___________________________________






ปรากฏการณ์เว็บดาวรุ่งยุคโซเชียล "โอ้โหซ่าส์"แรงจัด-ขาใหญ่ไล่เก็บข้อมูลกันก๊อบปี้


"โอ้โหซ่าส์" เว็บน้องใหม่มาแรง ใช้พลังโซเชียลอัพยอดทะลุล้านไอพี ไต่ขึ้นอันดับ 2 บน "ทรูฮิตส์" เว็บดัง "สนุก-กระปุก-เอ็มไทย" อ่านปรากฏการณ์ดาวรุ่งยุคใหม่ จับมือ "มอนิเตอร์ข้อมูล-เก็บหลักฐาน" เอาผิดละเมิด "ลิขสิทธิ์" ดัดหลังพวกชอบก๊อบปี้ข้อมูล ย้ำแค่ปั่นยอดไม่ยากแต่จะอยู่ได้ระยะยาวต้องพัฒนาคอนเทนต์ใหม่ ๆสร้างเว็บไซต์คุณภาพถึงดึงเม็ดเงินจาก "แบรนด์สินค้าและเอเยนซี่" ได้


ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่าจากการเก็บสถิติการเข้าชมเว็บไซต์ในประเทศไทยโดย www.truehits.net ของบริษัท ศูนย์วิจัยนวัตกรรมอินเทอร์เน็ตไทย จำกัด ในเดือน ม.ค. 2558 ที่ผ่านมา พบว่ามีเว็บไซต์หน้าใหม่ www.ohozaa.com (โอ้โหซ่าส์) เข้ามาเป็นเว็บไซต์ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดเป็นอันดับ 5 ที่จำนวน 825,859 ไอพี (จำนวน IP Address ของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ที่ไม่ซ้ำกันในช่วงเวลาหนึ่ง) และในเดือน ก.พ.ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 2 รองจาก www.sanook.com ที่มีผู้เข้าชมถึงหลักล้านไอพี (1.1 ล้านไอพี) เป็นครั้งแรกแซงหน้า www.khaosod.co.th, www.kapook.com และ www.mthai.com ต่อเนื่องมาถึงเดือน มี.ค.ด้วย ทั้งๆ ที่ในช่วงปลายปีที่ผ่านมามีผู้เข้าชมหลักแสนต้นๆ เท่านั้น

สำหรับเว็บไซต์ "โอ้โหซ่าส์" เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการทีวีออนไลน์และเว็บข่าว เปิดมาแล้วประมาณ 10 ปี แต่เพิ่งขึ้นมาติดอันดับ 1 ใน 5 ได้ภายในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังจากใช้วิธีโปรโมตเนื้อหาผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก และมีการปรับรูปแบบการพาดหัวข่าวให้น่าสนใจขึ้น ทำให้มีการนำไปแชร์ในเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์เป็นจำนวนมาก

ข้อมูลจากทรูฮิตส์ ณ วันที่ 26 เม.ย. 2558 พบว่ามีการเข้าชมเว็บไซต์โอ้โหซ่าส์ผ่านช่องทางต่าง ๆ ถึง 83% ขณะที่การเข้าชมโดยตรงมีเพียง 7% และมีจำนวนเพจวิวโดยเฉลี่ย 7.5 ล้านครั้ง/วัน ล่าสุดยังเปิดแอ็กเคานต์ใน "ไลน์" ด้วย (@ohozaa)

ทั้งนี้ "ผู้สื่อข่าว" ติดต่อไปยังเว็บไซต์ดังกล่าวเพื่อขอสัมภาษณ์ โดยโทร.ไปยังเบอร์ที่ระบุไว้ในเว็บไซต์ แต่ไม่มีผู้รับสาย รวมถึงส่งอีเมล์ไปที่ monitor@ohozaa.com

นายกฤตธี มโนลีหกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สนุก ออนไลน์ จำกัด ผู้ให้บริการเว็บไซต์สนุกดอทคอม กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า การที่มีเว็บไซต์หน้าใหม่ขึ้นมายึดอันดับในทรูฮิตส์ถือเป็นเรื่องปกติ ปัจจุบันทุกคนทำให้เว็บมีผู้เข้าชมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้ อยู่ที่ว่าจะใช้วิธีไหน แต่โดยปกติการขึ้นอันดับ 1 ได้ต้องมีคอนเทนต์ที่มีคุณภาพดึงดูดให้ผู้บริโภคเข้ามาอ่าน แต่บางรายก็ใช้วิธีลอกเลียนเนื้อหา หรือพาดหัวเรื่องให้เกิดความน่าสงสัย และแชร์ข้อมูลไปในโซเชียลเน็ตเวิร์กเพื่อดึงผู้บริโภคให้กดเข้ามาอ่านและแชร์ต่อไปเรื่อยๆ

"การมีหน้าใหม่ขึ้นมายึดเบอร์หนึ่งในทรูฮิตส์กระทบเรื่องโฆษณาเล็กน้อยเพราะแบรนด์ต่างๆ และเอเยนซี่ต่างมองไปที่เพจวิวและคุณภาพของเนื้อหาในเว็บมากกว่า ไม่ใช่แค่เห็นว่าเว็บไหนคนเข้าเยอะก็ไปลงโฆษณาเว็บนั้น ทั้งการวัดสถิติก็ไม่ได้มีแค่ทรูฮิตส์ ยังมีคอมสกอร์ และอเล็กซ่าที่แสดงผลลัพธ์ได้ โดยดูผู้เข้าชมเป็นรายไป ไม่ได้นับจำนวนครั้งที่เข้ามาในเพจ ดังนั้น เราจึงยังคงยืนยันวิธีนำเสนอคอนเทนต์ใหม่ ๆ เพื่อดึงผู้บริโภคในการสร้างเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ"








สำหรับ "สนุกดอทคอม" มีจำนวนเพจวิวเฉลี่ย 37 ล้านครั้ง/วัน และมีโซลูชั่น Data Management System หรือการประมวลผลข้อมูลของผู้เข้าใช้แต่ละราย เพื่อยิงโฆษณาออกไปให้ตรงเป้าหมายมากที่สุด จึงมีแบรนด์และเอเยนซี่ขนาดใหญ่เชื่อใจและพร้อมลงโฆษณาในเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมสร้างบริการใหม่เพื่อมาเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ได้เต็มประสิทธิภาพ และรักษาสถานะผู้นำในกลุ่มเว็บท่าเอาไว้เหมือนทุกปี ส่วนเรื่องการลอกเลียนเนื้อหาบริษัทเตรียมเก็บข้อมูลเพื่อเป็นหลักฐานก่อนจะดำเนินคดีในภายหลังด้วย

นายปรเมศวร์ มินศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บัณฑิต เซ็นเตอร์ จำกัด เจ้าของเว็บไซต์กระปุกดอทคอมกล่าวว่า แบรนด์สินค้าและเอเยนซี่ที่มีประสบการณ์ด้านดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งจะเข้าใจปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ได้ไปลงโฆษณากับเว็บไซต์ที่มีลักษณะฉาบฉวย หรือมีการลอกเลียนเนื้อหาอย่างชัดเจน จึงไม่คิดว่าจะมีผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท


และได้เตรียมจัดทีมตรวจสอบเนื้อหา เพื่อใช้ในการฟ้องร้องและดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป รวมถึงสร้าง "กระปุก" ไลน์ออฟฟิเชียลแอ็กเคานต์ เป็นอีกทางในการนำเสนอเนื้อหา พร้อมจัดกิจกรรมการตลาดต่าง ๆ

"มีหลายเว็บไซต์ที่ลอกเลียนเนื้อหาแล้วนำไปอัพเดตขึ้นเว็บไซต์ตนเอง ก่อนที่จะแชร์ไปในโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดนี้แก้ที่เว็บไม่ได้ ต้องแก้ที่ตัวคนทำคอนเทนต์ว่าจะพยายามคิดค้นเนื้อหาใหม่ๆ หรือแค่ไปก๊อบปี้ของคนอื่นเพื่อมาเพิ่มยอด UIP ของเว็บไซต์ และกินโฆษณาไปเรื่อย ๆ ถ้ากลุ่มผู้ผลิตคอนเทนต์ที่มีคุณภาพร่วมกันมอนิเตอร์ และพยายามแจ้งเตือนไปที่เว็บไซต์เหล่านั้น โอกาสที่เว็บเหล่านั้นจะค่อย ๆ หายไปก็เป็นได้ แต่จุดสำคัญอยู่ที่ผู้ผลิตคอนเทนต์ของเว็บต่าง ๆ จะยอมรับในเรื่องนี้หรือไม่"

สำหรับ "กระปุกดอทคอม" ปัจจุบันมีผู้เข้าชม 1.1 ล้านไอพี/วัน และมีเพจวิวจำนวน 10 ล้านครั้ง/วัน ส่วนเป้าหมายในปีนี้คือ รักษายอดโฆษณาให้เข้ามาในเว็บไซต์ใกล้เคียงกับปีก่อนที่หลัก 100 ล้านบาท ผ่านการผลิตคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ และสร้างการรับรู้ผ่านช่องทางแอปพลิเคชั่นไลน์มากขึ้น ส่วนตัวเว็บไซต์จะไม่ได้มีการเปลี่ยนรูปแบบ เพียงแต่ทำให้ใช้งานได้กับทุก ๆ หน้าจอ

นายปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ และผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจอินเทอร์เน็ต กลุ่มบริษัทโมโน ผู้ให้บริการเว็บไซต์เอ็มไทยกล่าวว่า การที่เว็บไซต์ใดจะขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในทรูฮิตส์ด้วยการลอกเลียนเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องและสามารถนำเรื่องนี้ไปฟ้องร้องทางกฎหมายได้แต่ที่ผ่านมายังจัดการกันไม่ได้เพราะข้อมูลบนเว็บไซต์สามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลาทำให้การเก็บข้อมูลไม่ง่ายแต่กลุ่มผู้ให้บริการเว็บท่าด้วยกันมีคุยกันบ้างว่าจะจัดการปัญหานี้อย่างไร และข้อสรุปที่ออกมาคือ ทุกคนต้องมอนิเตอร์และเก็บหลักฐานที่คิดว่ามีการก๊อบปี้จากเว็บไซต์ของตนเองมาให้มากที่สุด เพื่อใช้ในการฟ้องร้องต่อไป

"เนื้อหาที่ผมเห็นก็มีการนำเรื่องที่เขียนในเว็บท่าต่าง ๆ มาลอกหรือรีไรต์ผ่านการรวมเอา 3 เว็บเข้าด้วยกัน หรือการแปลเนื้อหาจากเว็บต่างประเทศที่เร็วมาก แต่ก๊อบปี้รูปของเว็บเราซึ่งมีลิขสิทธิ์ไป เป็นต้น"

ขณะเดียวกัน ในปีนี้ "เอ็มไทย" มีการลงทุนกว่า 40 ล้านบาท เพื่อซื้อคอนเทนต์และลิขสิทธิ์จากต่างประเทศ เพื่อสร้างสีสันให้เว็บไซต์ และรักษาฐานรายได้ของโฆษณาไว้ ส่วนเรื่องการขึ้นอันดับ 1 ของกลุ่มเว็บท่าในไทยยังคงเป็นเป้าหมาย แต่ไม่ได้กำหนดเวลาแน่ชัดว่าต้องขึ้นไปเมื่อใดโดยขณะนี้มีผู้เข้าชมเว็บไซต์ 1 ล้านไอพี/วัน มีเพจวิว 8.5 ล้านครั้ง/วัน ส่วนใหญ่เข้ามารับชมคลิปวิดีโอและข่าวบันเทิง





http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1430971759

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.