Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

04 สิงหาคม 2556 I-Mobile มั่นใจ..รู้ใจคนไทย!! ความคุ้มค่า และจอใหญ่ พบว่าหลังจากแถมSIM i-mobile3gx ลูกค้าที่ทดลองใช้งานซิม 3GX ราว 30 - 40% จะมีการเติมเงินใช้งานซิมการ์ดต่อ มั่นใจโครงข่ายTOT3G


ประเด็นหลัก


 ธนานันท์ วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย กล่าวสรุปถึงภาพรวมตลาดโทรศัพท์มือถือในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาว่า โดยรวมมีการขยายตัวค่อนข้างสูงโดยเฉพาะในส่วนของสมาร์ทโฟนที่มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางไอ-โมบายสามารถขายโทรศัพท์ไปได้ราว 2 ล้านเครื่อง
   
       "สัดส่วนระหว่างโทรศัพท์ฟีเจอร์โฟน และสมาร์ทโฟนของไอ-โมบาย ในช่วงครึ่งปีแรกยังอยู่ที่ 60% ต่อ 40% แต่เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังสมาร์ทโฟนจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 60% จากหลายปัจจัยที่เข้ามาช่วยสนับสนุน โดยเฉพาะในแง่ของการเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความคุ้มค่า และจอใหญ่"



 ปัจจุบันสินค้าของไอ-โมบาย กว่า 90% ทั้งในส่วนของฟีเจอร์โฟน และสมาร์ทโฟน จะใช้ซีพียูของมีเดียเทกเป็นหลัก เนื่องจากเป็นผู้ผลิตชิปหน่วยประมวลผลระดับโลก ที่สามารถตอบโจทย์ในแง่ของความคุ้มค่า คุ้มราคา แต่อย่างไรก็ตามก็จะมีบางรุ่นที่ใช้หน่วยประมวลผลของควอลคอมม์ ที่ให้ประสิทธิภาพสูงกว่า เหมือนในเครื่องระดับอินเตอร์แบรนด์
   
       สำหรับปัญหาในเรื่องสินค้าขาดสต็อกนั้น ทางไอ-โมบาย ก็ยอมรับว่ายังเกิดสถานการณ์ดังกล่าวอยู่บ้าง เนื่องมาจากคาดการณ์ปริมาณสินค้าเบื้องต้นไว้ ไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด แต่ในจุดนี้ทางไอ-โมบาย ก็สามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เพราะมีโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐาน สามารถสั่งผลิตสินค้าได้ตลอดเวลา




       "ที่ผ่านมา ลูกค้าที่ทดลองใช้งานซิม 3GX ราว 30 - 40% จะมีการเติมเงินใช้งานซิมการ์ดต่อ และเชื่อว่าในอนาคตถ้าเครือข่ายครอบคลุมมากกว่านี้ ก็จะมีลูกค้าเข้ามาใช้งานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับตัวเครื่องที่เป็น 2 ซิม แต่สามารถใช้งาน 3G ได้ทุกคลื่นความถี่ก็จะทยอยเข้ามาด้วย ทำให้ลูกค้าไม่ต้องมานั่งเลือกว่าจะต้องหารุ่นที่เหมาะกับเครือข่ายที่ใช้ หรือไม่"
   








______________________________________





ไอ-โมบายยกทัพสมาร์ทโฟน "จอใหญ่/Full HD/กล้องเทพ/กันน้ำ"



เปิดกรุไอ-โมบาย เตรียมส่งกองทัพสมาร์ทโฟนภายใต้ซีรีส์ IQ ลุยตลาดครึ่งปีหลังเกือบ 20 รุ่น หวังเพิ่มสัดส่วนผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนให้กลายเป็น 60% เชื่อแนวโน้มตลาดกำลังมาทั้งอานิสงส์ 3G โอเปอเรเตอร์ทำตลาดสมาร์ทโฟนราคาถูก เผยครึ่งปีขายสมาร์ทโฟนไปแล้วกว่า 8 แสนเครื่อง เชื่อสิ้นปีเป้าโทรศัพท์ 4 ล้านเครื่องไม่ไกลเกินเอื้อม
     
       ธนานันท์ วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย กล่าวสรุปถึงภาพรวมตลาดโทรศัพท์มือถือในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาว่า โดยรวมมีการขยายตัวค่อนข้างสูงโดยเฉพาะในส่วนของสมาร์ทโฟนที่มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางไอ-โมบายสามารถขายโทรศัพท์ไปได้ราว 2 ล้านเครื่อง
     
       "สัดส่วนระหว่างโทรศัพท์ฟีเจอร์โฟน และสมาร์ทโฟนของไอ-โมบาย ในช่วงครึ่งปีแรกยังอยู่ที่ 60% ต่อ 40% แต่เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังสมาร์ทโฟนจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 60% จากหลายปัจจัยที่เข้ามาช่วยสนับสนุน โดยเฉพาะในแง่ของการเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความคุ้มค่า และจอใหญ่"
     
       ก่อนหน้านี้สามารถ ไอ-โมบาย ได้ตั้งเป้าจำหน่ายสมาร์ทโฟนในปีนี้ไว้ราว 3-4 ล้านเครื่อง ซึ่งเพียงครึ่งปีก็สามารถทำไปได้เกินครึ่งแล้ว จึงทำให้เชื่อว่าจนถึงปลายปีจะสามารถทำตามเป้าหมายที่วางไว้สูงสุดได้ไม่ยากนัก ซึ่งจากการสอบถามพบว่าสมาร์ทโฟนรุ่นที่ขายดีคือรุ่นที่มีขนาดหน้าจอใหญ่ อย่าง IQ 5.1 และ IQ 6 เป็นตัวชูโรง ตามมาด้วย IQ X และ IQ 9 ที่ทยอยเริ่มวางจำหน่ายในช่วงปลายไตรมาสที่ 2
     
       หากเป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะจำหน่ายสมาร์ทโฟนได้ 2.2 ล้านเครื่องภายในสิ้นปีนี้ ก็จะทำให้ไอ-โมบาย สามารถแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนมาได้กว่า 35% ตามที่เคยได้ให้สัมภาษณ์ไว้ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา
     
       อย่างไรก็ตามแนวโน้มการเติบโตของสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในเมืองเป็นหลัก ส่วนตามต่างจังหวัดยังคงนิยมโทรศัพท์ที่เป็นฟีเจอร์โฟนอยู่ ซึ่งจากการที่เหล่าผู้ให้บริการเครือข่ายต่างช่วยกันโปรโมทการใช้งาน 3G บนคลื่นความถี่ 2.1 GHz จะช่วยให้ความรู้แก่ผู้บริโภคในต่างจังหวัดได้มากขึ้น และจะกลายเป็นโอกาสของไอ-โมบายในการขยายตลาดต่อไป
     
       ในส่วนของการที่โอเปอเรเตอร์อย่างทรูมูฟ เอช และ ดีแทค หันมาเริ่มวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนราคาถูกที่รองรับการใช้งาน 3G เพื่อเร่งยอดผู้ใช้บริการ 3G ของแต่ละค่ายนั้น ธนานันท์ มองว่า จะช่วยผลักดันให้ตลาดสมาร์ทโฟนมีการเติบโตเพิ่มสูงขึ้น และเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบในแง่ยอดขายของไอ-โมบาย กลับกันจะช่วยเพิ่มยอดในเครื่องราคาสูงของไอ-โมบายเสียด้วยซ้ำ
     
       "เมื่อผู้บริโภคซื้อสมาร์ทโฟนราคาถูกจากโอเปอเรเตอร์มาใช้งานส่วนหนึ่งก็ถือว่าช่วยสร้างประสบการณ์ในการใช้งาน แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่ก็จะเริ่มรู้สึกว่าการใช้งานยังไม่ค่อยลื่นไหล เมื่อใช้ไปสักพักก็จะเริ่มมีความต้องการที่จะเปลี่ยนเครื่องให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นในระดับราคาที่ไม่สูงจนเกินไป ทำให้เชื่อว่าผู้บริโภคกลุ่มนี้จะเริ่มหันมามองสินค้าของไอ-โมบายมากขึ้น"
     
       ***จอใหญ่ ครบเครื่อง คุ้มราคา
     
       สโลแกนที่สำคัญสำหรับการทำตลาดสมาร์ทโฟนภายใต้แบรนด์ ไอ-โมบาย ในซีรีส์ IQ คือการเข้าถึงผู้บริโภคส่วนใหญ่ในประเทศ ทำให้เบื้องต้นจะกำหนดราคาขายไว้ที่ต่ำกว่า 1 หมื่นบาท เพื่อให้เข้ากับนิยามที่ว่าจอใหญ่ คุ้มค่า ได้ฟีเจอร์ในการใช้งานที่ครบถ้วน ประกอบกับคอนเทนต์ของกลุ่มสามารถ ที่ช่วยเข้าไปเติมเต็มสมาร์ทโฟนให้มีความน่าสนใจมากขึ้น
     
       "ปัจจุบัน ระดับราคาสมาร์ทโฟนของไอ-โมบายจะอยู่ที่ราว 3,900 - 9,990 บาท แต่ในช่วงครึ่งปีหลังมีความเป็นไปได้ที่จะลงไปต่ำสุดอยู่ที่ราว 2,990 บาท เนื่องมาจากจะมีการปล่อยเครื่องรุ่นใหม่ออกมาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง"
     
       ในช่วงครึ่งปีหลัง ชาวไทยจะได้เห็นสมาร์ทโฟนของไอ-โมบาย มีการออกซีรีส์ย่อยๆออกไปในแต่ละรุ่นยกตัวอย่างเช่น IQ 5.1 ก็จะมี 5.2 ตามออกมา, IQ 6 ก็จะมี IQ 6.2 ,IQ 9 เป็น IQ 9.1, IQ X เพิ่มเป็น IQ X.1 เพื่อสร้างความต่างจากรุ่นเดิม ด้วยการอัปเกรดฮาร์ดแวร์ของตัวเครื่องให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
     
       ถ้ามองไปในตลาดสมาร์ทโฟนอินเตอร์แบรนด์ ที่ปัจจุบันแข่งขันกันในแง่ของดีไซน์ตัวเครื่อง ประสิทธิภาพภายใน สินค้าของไอ-โมบาย ที่จะทยอยออกมาในช่วงครึ่งปีหลัง ก็จะเน้นไปที่การออกแบบดีไซน์ให้ดูสมัยนิยมมากขึ้น ทำให้อาจจะมีความใกล้เคียงกับอินเตอร์แบรนด์บางราย ขณะเดียวกันก็เสริมในแง่ของหน่วยประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น กล้องที่มีความละเอียดมากขึ้นเป็นต้น
     
       "ในตอนนี้ ซีรีส์ IQ จะมีให้เลือกตั้งแต่ขนาดหน้าจอ 3.5 นิ้ว ไปจนถึง 5.7 นิ้ว แต่ในช่วง 1 - 2 เดือนหน้าจะมีรุ่นที่เป็นหน้าจอ 6 นิ้ว ออกมาทำตลาดด้วย ประกอบกับการที่ไอ-โมบาย ได้ซื้อเซ็นเซอร์กล้องล่วงหน้าจากทางโตชิบาไว้ ทำให้สามารถผลิตสมาร์ทโฟนที่มีทั้งกล้องหลัก 18 ล้านพิกเซล และกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซลได้ไม่ยาก"
     
       โดยสรุปก็คือในช่วงครึ่งปีหลัง จะได้เห็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่เป็นเรือธงของไอ-โมบาย อย่าง IQ X.1 ที่มีการปรับดีไซน์ให้สวยงามขึ้น บางลง ใช้หน่วยประมวลผลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงจอแสดงผลที่เป็นแบบ Full HD 1080p ส่วน IQ 9.1 ก็จะเน้นการเปลี่ยนวัสดุให้เป็นอะลูมิเนียม มีความคงทน น่าใช้งานมากขึ้น ยังไม่รวมกับรุ่นที่ยังไม่มีการเปิดเผยออกมาแต่คาดว่าจะมีรุ่นที่กันน้ำ พร้อมทำฟังก์ชันให้สามารถใช้งานถ่ายภาพใต้น้ำออกมาทำตลาดด้วย
     
       ถัดลงมาใน กลุ่มสินค้าระดับกลางอย่างซีรีส์ IQ 5 หรือ IQ 6 ก็จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของตัวสินค้าให้ทันสมัยมากขึ้น เพราะในช่วงเวลาแค่ครึ่งปี ก็มีเทคโนโลยีใหม่ออกมารองรับเพิ่มมากขึ้นแล้ว โดยเฉพาะในส่วนของหน่วยประมวลผลที่มีให้เลือกหลากหลายขึ้น
     
       ปัจจุบันสินค้าของไอ-โมบาย กว่า 90% ทั้งในส่วนของฟีเจอร์โฟน และสมาร์ทโฟน จะใช้ซีพียูของมีเดียเทกเป็นหลัก เนื่องจากเป็นผู้ผลิตชิปหน่วยประมวลผลระดับโลก ที่สามารถตอบโจทย์ในแง่ของความคุ้มค่า คุ้มราคา แต่อย่างไรก็ตามก็จะมีบางรุ่นที่ใช้หน่วยประมวลผลของควอลคอมม์ ที่ให้ประสิทธิภาพสูงกว่า เหมือนในเครื่องระดับอินเตอร์แบรนด์
     
       สำหรับปัญหาในเรื่องสินค้าขาดสต็อกนั้น ทางไอ-โมบาย ก็ยอมรับว่ายังเกิดสถานการณ์ดังกล่าวอยู่บ้าง เนื่องมาจากคาดการณ์ปริมาณสินค้าเบื้องต้นไว้ ไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด แต่ในจุดนี้ทางไอ-โมบาย ก็สามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เพราะมีโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐาน สามารถสั่งผลิตสินค้าได้ตลอดเวลา
     
       ***เสริมคอนเทนต์-บริการสร้างความต่าง
     
       นอกจากในแง่ของตัวดีไวส์ที่มีความคุ้มค่าแล้ว เรื่องของคอนเทนต์ภายในตัวสมาร์ทโฟนก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่สามารถ ไอ-โมบาย ให้ความสำคัญ ดังจะเห็นได้จากช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ได้มีการบันเดิลแอปพลิเคชันในกลุ่มสามารถ เข้าไปไว้ภายในสมาร์ทโฟนเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน ทั้งในแง่ของการตรวจสอบดวง ข้อมูลด้านกินดื่มเที่ยว หรือแม้แต่ระบบการร้องเรียนแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร ซึ่งต่อไป ในอนาคตก็จะมีการนำคอนเทนต์ในกลุ่มผูกเข้ากับสมาร์ทโฟนให้มากขึ้น ขณะเดียวกันก็จะช่วยเพิ่มยอดการใช้งานดาต้าให้แก่ผู้ให้บริการ รวมทั้งซิมการ์ด Imobile 3GX ที่เริ่มเปลี่ยนแนวนำตลาดมาแถมฟรีเพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองใช้งานเมื่อซื้อสมาร์ทโฟนตระกูล IQ ด้วย
     
       "ที่ผ่านมา ลูกค้าที่ทดลองใช้งานซิม 3GX ราว 30 - 40% จะมีการเติมเงินใช้งานซิมการ์ดต่อ และเชื่อว่าในอนาคตถ้าเครือข่ายครอบคลุมมากกว่านี้ ก็จะมีลูกค้าเข้ามาใช้งานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับตัวเครื่องที่เป็น 2 ซิม แต่สามารถใช้งาน 3G ได้ทุกคลื่นความถี่ก็จะทยอยเข้ามาด้วย ทำให้ลูกค้าไม่ต้องมานั่งเลือกว่าจะต้องหารุ่นที่เหมาะกับเครือข่ายที่ใช้ หรือไม่"
     
       ส่วนในมุมของบริการหลังการขาย ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่พนักงานต้องมีการปรับตัวค่อนข้างมาก เนื่องจากสมาร์ทโฟนจะมีความซับซ้อนมากกว่าฟีเจอร์โฟน ทำให้ต้องมีการนำพนักงานมาอบรมให้ความรู้ ไปพร้อมๆกับการเปิดจุดบริการลูกค้าเพิ่มเติม เพื่อสอนให้ลูกค้าได้ใช้งานสมาร์ทโฟนได้อย่างเต็มที่
     
       สุดท้ายการทำตลาดในต่างประเทศ นอกจากในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอย่าว ลาว และกัมพูชาแล้ว ก็มีเล็งมองทำตลาดในแถบประเทศยุโรปไว้ เพียงแต่รูปแบบการขายอาจจะเป็นในแนวทางขายยกล็อต เฉพาะรุ่นเด่นๆไป เพราะสินค้าของไอ-โมบายก็เริ่มมีชื่อเสียงในต่างประเทศบ้างแล้วจากสเปกเครื่องที่สูงในราคาถูก

http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9560000094374

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.