Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

28 มกราคม 2556 CTH เตรียมยกเลิกการออกอากาศระบบดาวเทียม!! มุ่งเคเบิ้ล//เปิดช่องคอนเทนท์ดังฮอลลีวูด//เตรียมงบ1พันล้านซื้อคอนเทนต์


ประเด็นหลัก


ทอดด์ มิลเลอร์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ เซเลสเชียล เอนเตอร์เทนเมนท์  (Celestial Tiger Entertainment – CTE) ผู้ให้บริการคอนเทนท์ชื่อดังจากฮอลลีวูด  เปิดเผยว่า ความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับซีทีเอช (CTH) เพื่อนำเสนอ 3 ช่องคอนเทนท์ผ่านทางเคเบิลของ CTH  ซึ่งเนื้อหาเป็นที่ต้องการของกลุ่มผู้ชมชาวไทย ได้แก่ ช่อง  KIX นำเสนอความบันเทิงในรูปแบบภาพยนตร์แอคชั่นหลากหลายประเภท รวมถึงภาพยนตร์แนวกีฬาการต่อสู้ ซีรี่ส์แอคชั่นสุดฮิต และเรียลลิตี้โชว์ นอกจากนั้น ยังเป็นช่องแรกที่ออกอากาศรายการ LFL Canada การแข่งขันฟุตบอลชุดชั้นในจากประเทศแคนาดา โดยผู้ชมสามารถรับชมการแข่งขันฟุตบอลหญิงสุดฮอต ที่ใส่เพียงชุดชั้นในลงเล่นในสนามแบบอเมริกัน  ,ช่อง Thrill นำเสนอภาพยนตร์แนวลึกลับสยองขวัญตลอด 24 ชั่วโมง ถือเป็นช่องเดียวของเอเชียที่นำเสนอหนังสยองขวัญหลายรูปแบบ และ Celestial Classic Movies (CCM) นำเสนอภาพยนตร์จีนอมตะที่อยู่ในช่วงปี 1960 – 1990 รวมไปถึงภาพยนตร์ตลกที่ได้รับความนิยมอีกด้วย  โดยทั้ง 3 ช่องดังกล่าวที่จะออกอากาศไปสู่สมาชิก 3.5 ล้านครัวเรือน


,Thrill ช่องภาพยนตร์สยองขวัญ ลึกลับ และ Celestial  Classic Movies ช่องภาพยนตร์จีนที่เคยโด่งดังในอดีต ผ่านแพลตฟอร์มของCTH  ที่ต้องการขยายฐานกลุ่มผู้ชมให้เพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีฐานลูกค้าอยู่จำนวน 3.5 ล้านครัวเรือน ทั้งนี้บริษัทยังได้เตรียมงบประมาณอีกกว่า 1 พันล้านบาทเพื่อซื้อคอนเทนต์ทั้งในและต่างประเทศในปีนี้
    ขณะเดียวกันภายในไม่เกินสิ้นเดือนกุมภาพันธ์  บริษัทจะเลิกออกอากาศผ่านดาวเทียม และเปลี่ยนเป็นการรับชมผ่านระบบสายไฟเบอร์ออพติก เพื่อเตรียมตัวเดินหน้าเข้าสู่เทคโนโลยีดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบ โดยเบื้องต้นจะเริ่มการทดลองออกอากาศกว่า 120 ช่อง อีกทั้งบริษัทตั้งเป้าหมายภายในระยะเวลา 3 – 4 เดือนจากนี้ไป บริษัทจะทยอยนำกล่องรับสัญญาณทีวีดาวเทียมล็อตแรกจำนวน 5 แสนกล่องที่นำเข้าแล้วแจกให้กับลูกค้าเก่าให้ครบก่อน  ขณะเดียวกันในเรื่องของแพ็กเกจราคาการรับชมบริษัทยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากการแข่งขันของตลาดทีวีดาวเทียมค่อนข้างรุนแรง


นอกจากนี้ในเรื่องของกล่องการรับชมสื่อ บริษัทได้นำเทคโนโลยี DVB-T2 , DVB-C2 และ HD เข้ามาไว้ในกล่องด้วยซึ่งเทคโนโลยีที่บริษัทนำเข้ามาใส่กล่องนั้น  ผู้ชมจะสามารถรองรับการรับชมทีวีดิจิตอลได้  



____________________________________




'ซีทีเอช'จับมือคอนเทนท์ดังฮอลลีวูด เปิด 3 ช่องใหม่โดนใจคนไทย

"ซีทีเอช" จับมือ "เซเลสเชียล เอนเตอร์เทนเมนท์" ผู้ให้บริการคอนเทนท์ชื่อดังจากฮอลลีวูด  เปิดตัว 3 ช่องใหม่ ได้แก่ KIX , Thrill และ CCM  ออกอากาศผ่านแพลตฟอร์มของซีทีเอช สู่สายตายผู้ชมชาวไทยกว่า 3.5ล้านครัวเรือน แจงทั้ง 3 ช่อง คัดคุณภาพ เน้นเนื้อหาตอบตรงความต้องการกลุ่มคนไทยโดยเฉพาะ...

ทอดด์ มิลเลอร์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ เซเลสเชียล เอนเตอร์เทนเมนท์  (Celestial Tiger Entertainment – CTE) ผู้ให้บริการคอนเทนท์ชื่อดังจากฮอลลีวูด  เปิดเผยว่า ความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับซีทีเอช (CTH) เพื่อนำเสนอ 3 ช่องคอนเทนท์ผ่านทางเคเบิลของ CTH  ซึ่งเนื้อหาเป็นที่ต้องการของกลุ่มผู้ชมชาวไทย ได้แก่ ช่อง  KIX นำเสนอความบันเทิงในรูปแบบภาพยนตร์แอคชั่นหลากหลายประเภท รวมถึงภาพยนตร์แนวกีฬาการต่อสู้ ซีรี่ส์แอคชั่นสุดฮิต และเรียลลิตี้โชว์ นอกจากนั้น ยังเป็นช่องแรกที่ออกอากาศรายการ LFL Canada การแข่งขันฟุตบอลชุดชั้นในจากประเทศแคนาดา โดยผู้ชมสามารถรับชมการแข่งขันฟุตบอลหญิงสุดฮอต ที่ใส่เพียงชุดชั้นในลงเล่นในสนามแบบอเมริกัน  ,ช่อง Thrill นำเสนอภาพยนตร์แนวลึกลับสยองขวัญตลอด 24 ชั่วโมง ถือเป็นช่องเดียวของเอเชียที่นำเสนอหนังสยองขวัญหลายรูปแบบ และ Celestial Classic Movies (CCM) นำเสนอภาพยนตร์จีนอมตะที่อยู่ในช่วงปี 1960 – 1990 รวมไปถึงภาพยนตร์ตลกที่ได้รับความนิยมอีกด้วย  โดยทั้ง 3 ช่องดังกล่าวที่จะออกอากาศไปสู่สมาชิก 3.5 ล้านครัวเรือน



"ทั้ง 3 ช่องไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์จีนคลาสสิคที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน ภาพยนตร์แนวสยองขวัญหรือแอคชั่น ช่องของเราจะนำเสนอรายการแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ที่คัดสรรมาเพื่อผู้ชมชาวเอเชียโดยเฉพาะ ในฐานะที่ CTE กับซีทีเอชเป็นพันธมิตรกันมายาวนาน ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง CTE เมื่อปีที่แล้ว เชื่อมั่นว่า  จะร่วมพัฒนาการตลาดเพื่อขยายฐานผู้ชมและสมาชิกของซีทีเอช ในประเทศไทยให้กว้างขึ้น" ผู้บริหาร  CTE เผย

ทอดด์ มิลเลอร์ กล่าวต่อว่า สาเหตุที่เลือกมาร่วมงานกับซีทีเอช  เพราะเชื่อมั่นถึงการเป็นองค์กรที่มีวิสัยทัศน์ มีการพัฒนาอยู่ตลอด และชอบในเนื้อหาที่มีคุณภาพ ซึ่ง CTH มีคุณสมบัติเหล่านี้ี้ครบถ้วน  ซึ่งเราประทับใจมากในพลังความต้องการยกระดับมาตรฐานของ Pay TVในประเทศไทย



ต่อคำถามว่า  นอกจาก3ช่องดังกล่าว  คิดว่ายังจะมีช่องไหนอีกทีน่าจะตรงใจกับผู้ชมคนไทย  ผู้บริหาร CTE ตอบว่า  คนไทยมีการรับชมหนังที่หลากหลายประเภท เพราะฉะนั้นยังมีความเป็นได้สูงมากที่จะนำเสนอเรื่องราวสารคดีหรือไลฟ์สไตล์  ด้านคาดหวังต่อทั้ง 3 ช่องนี้ในเมืองไทย  หวังว่า จะไปได้ดี โดยที่ 3 ช่องนี้จะพิสูจน์ตัวเองว่า จะเป็นช่องที่ประสบความสำเร็จมากๆ  เจตนาของCTE อยากเติบโตไปกับซีทีเอชและพัฒนาช่องเหล่านี้ ให้กลายเป็นช่องต่างประเทศที่เป็นที่นิยมที่สุดในเมืองไทย

ส่วนคำถามว่า เนื่องจาก 3 ช่องดังกล่าว ยังเป็นแค่ช่วงทดลองออกอากาศ หลังจากที่จะออกอากาศเต็มตัวแล้ว มีแผนจะเพิ่มช่องเข้าไปในแพลตฟอร์มของซีทีเอชอีกหรือไม่  ทอดด์ มิลเลอร์ ตอบว่า  ณ ขณะนี้เป้าหมายอันดับ1 คือทำให้ 3 ช่องนี้ประสบความสำเร็จมากที่สุด เพราะฉะนั้นยังมีงานให้ต้องทำอีกมาก เพื่อที่จะทำให้ 3 ช่องนี้เป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับ แต่ในขณะเดียวกัน ถ้ามีโอกาสได้ทำงานกับซีทีเอชในช่องอื่นๆ ก็จะเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากๆ



ผู้บริหาร CTE  มองโอกาสการเติบโตของ Pay TV ในประเทศไทยจะมีเพ่ิมขึ้นสูงเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก รวมถึง ฐานสมาชิกจะเพ่ิมมากขึ้นด้วยเช่นกัน

"หลังจากที่ผมได้เดินทางไปรอบโลก และได้เห็นการแข่งขันของตลาดทีวีในหลายๆประเทศ ซึ่งการแข่งขันของ Pay TV นั้นร้อนแรงมากๆ  มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรเลย ที่การแข่งขันของ PayTV ในไทยจะไม่ร้อนแรงเหมือนที่อื่น และผมก็เชื่อมั่นในนวัตกรรมและคุณภาพของซีทีเอช ที่จะพาให้เราเติบโตและได้ฐานคนดูเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผมก็รู้สึกถึงความเป็นไปได้ทั้งในแง่ของกลุ่มผู้มุ่งหวังและตัวซีทีเอชเองด้วย" ทอดด์ มิลเลอร์ กล่าว



ทั้งนี้ ผู้บริหาร  CTE  ยังกล่าวแสดงความมั่นใจถึงจุดเด่นขององค์กร อยู่ที่บุคลากร แม้จะเป็นองค์กรที่เพิ่งเกิดใหม่ มีทีมงานขนาดกลางที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งคนเหล่านี้ มีประสบการณ์มามากมายในบริษัทผลิตสื่อใหญ่ที่สุด ทั้งในเอเชียเองและทั่วโลก  โดยปัจจุบัน  CTE มีจำนวน  6 ช่อง แบ่่งเป็น 4ช่อง สแตนดาร์ด และอีก 2 ช่อง ระบบ HD   ทุกช่องผลิตขึ้นมาเพื่อชาวเอเชียทั้งหมด   ที่ผ่านมา CTE เคยไปลงในประเทศแถบอาเซียน ทั้งมาเลเซีย สิงค์โปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง เขมร เวียดนาม และช่อง Celestrial Classic มีในออสเตรเลียด้วย



สำหรับรายการยอดนิยมสุดในเอเชีย  ต้องแยกเป็นช่องๆ ถ้าเป็นช่อง KIX ในส่วนของกีฬาการต่อสู้ ที่เป็นรายการเกี่ยวกับศิลปะการป้องกันตัวก็เป็นที่นิยมมาก  แน่ใจว่าต้องเป็นที่นิยมในไทยเช่นกัน รายการ Top Gear Korea ก็เป็นอีก 1 รายการที่ป๊อปปูล่ามากๆ ส่วนช่องThill ที่เป็นช่องหนังสยองขวัญยังไงก็เป็นที่นิยมอยู่แล้ว โดยจะคัดมาแต่หนังที่ดีที่สุดซึ่งเรทติ้งก็สูงอยู่แล้วด้วย ขณะที่ช่อง Celestrial Classic Movies ก็มีผู้ชมหนาแน่นเช่นกัน ในฮ่องกงเฉลี่ยแล้วแต่ละคนดูช่องนี้ 5 ชั่วโมงต่อหนึ่งอาทิตย์เลยทีเดียว   นอกจากนั้น มีรายการต่อสู้ของเอเชียเช่นกัน อย่างเช่น K1ของทางญี่ปุ่น

ทางด้านนายกฤษณัน งามผาติพงศ์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท เคเบิล ไทย โฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้ CTE  มาร่วมเป็นพันธมิตร  ทางซีทีเอชขอต้อนรับเข้ามาอยู่ในครอบครัว  แม้ว่าชื่อของ CTE จะค่อนข้างใหม่ในตลาดเมืองไทย แต่ที่มาของบริษัทไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าใครเลย พวกเราเชื่อมั่นว่า ด้วยพื้นฐานและชื่อเสียงที่มั่นคงของ CTE ในธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์จะส่งผลให้สมาชิกของเราได้รับคอนเทนท์ที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรี่ส์ หรือเรียลลิตี้ โดยผ่านเครือข่ายบรอดแบนด์ครบวงจรของซีทีเอช

สำหรับช่องรายกาย KIX จะรวมอยู่ในแพคเกจพื้นฐานของซีทีเอช ในขณะที่ช่องรายการ Thrill และ Celestial Classic Movies จะอยู่ในแพคเกจพรีเมี่ยมของซีทีเอช ผู้ที่สนใจสมัครสมาชิกของซีทีเอช สามารถค้นหาข้อมูลได้ที่ www.cth.co.th



http://www.thairath.co.th/content/ent/322608

_______________________________________




ซีทีเอชทุ่มพันล.อัดคอนเทนต์ ดึงละครดัง

นายกฤษณัน งามผาติพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคเบิลไทยโฮลดิ้ง จำกัดหรือซีทีเอช เปิดเผยถึงการร่วมมือกับบริษัท Celestial  Tiger Entertainment จำกัด หรือ CTE  ในการนำละครดีที่มีคุณภาพมาเสนอต่อผู้ชมคนไทย โดยประกาศเปิดตัว 3 ช่องคอนเทนต์ ได้แก่ KIK ช่องภาพยนตร์แอกชัน

,Thrill ช่องภาพยนตร์สยองขวัญ ลึกลับ และ Celestial  Classic Movies ช่องภาพยนตร์จีนที่เคยโด่งดังในอดีต ผ่านแพลตฟอร์มของCTH  ที่ต้องการขยายฐานกลุ่มผู้ชมให้เพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีฐานลูกค้าอยู่จำนวน 3.5 ล้านครัวเรือน ทั้งนี้บริษัทยังได้เตรียมงบประมาณอีกกว่า 1 พันล้านบาทเพื่อซื้อคอนเทนต์ทั้งในและต่างประเทศในปีนี้
    ขณะเดียวกันภายในไม่เกินสิ้นเดือนกุมภาพันธ์  บริษัทจะเลิกออกอากาศผ่านดาวเทียม และเปลี่ยนเป็นการรับชมผ่านระบบสายไฟเบอร์ออพติก เพื่อเตรียมตัวเดินหน้าเข้าสู่เทคโนโลยีดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบ โดยเบื้องต้นจะเริ่มการทดลองออกอากาศกว่า 120 ช่อง อีกทั้งบริษัทตั้งเป้าหมายภายในระยะเวลา 3 – 4 เดือนจากนี้ไป บริษัทจะทยอยนำกล่องรับสัญญาณทีวีดาวเทียมล็อตแรกจำนวน 5 แสนกล่องที่นำเข้าแล้วแจกให้กับลูกค้าเก่าให้ครบก่อน  ขณะเดียวกันในเรื่องของแพ็กเกจราคาการรับชมบริษัทยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากการแข่งขันของตลาดทีวีดาวเทียมค่อนข้างรุนแรง
    สำหรับแพ็กเกจราคาการรับชมสื่อซีทีเอชครั้งใหม่ บริษัทยังไม่สามารถบอกรายละเอียด  แต่จากการทำสำรวจพบว่าผู้ชมส่วนใหญ่จะสามารถรับราคาที่ต่ำกว่า 1,600 บาทได้   ส่วนการขายแพ็กเกจดังกล่าวจะไม่ขายแบบวิธีเดิมๆที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบัน  แต่จะเลือกขายโดยให้ผู้บริโภคสามารถเลือกเองได้
    นอกจากนี้ในเรื่องของกล่องการรับชมสื่อ บริษัทได้นำเทคโนโลยี DVB-T2 , DVB-C2 และ HD เข้ามาไว้ในกล่องด้วยซึ่งเทคโนโลยีที่บริษัทนำเข้ามาใส่กล่องนั้น  ผู้ชมจะสามารถรองรับการรับชมทีวีดิจิตอลได้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=165603:2013-01-28-02-37-43&catid=85:2009-02-08-11-22-45&Itemid=417

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.