Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

10 กรกฎาคม 2557 (ปฏิบัติการคสช.ล้างบางการสื่อสาร) 'ซุปเปอร์บอร์ด' ตั้ง 3 อนุกก.กำกับรสก.สนองนโยบาย คสช. รวมถึงพิจารณาแผนโครงการลงทุนมูลค่าเกิน 100 ล้านบาทของแต่ละรัฐวิสาหกิจ


ประเด็นหลัก

เมื่อวันที่ 9 ก.ค. นายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ หรือซุปเปอร์บอร์ดครั้งแรก ซึ่งมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. เป็นประธานการประชุมฯ โดยได้กล่าวก่อนการประชุมว่า ซุปเปอร์บอร์ดจะต้องทำหน้าที่สร้างความไว้วางใจให้กับประชาชน เพราะการทำงานของรัฐวิสาหกิจจะกระทบกับประชาชนส่วนใหญ่ ดังนั้นการทำงานจะต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ และให้ร่วมกันแก้ปัญหาที่เป็นข้อบกพร่องของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด ซึ่งอาจต้องแทรกงานด้านความมั่นคงเข้าไปในหน่วยงานต่างๆของรัฐวิสาหกิจ เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่เออีซี


อย่างไรก็ตาม การประชุมครั้งนี้ยังไม่ได้มีการพูดถึงการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และเรื่องการตัดสิทธิประโยชน์ของผู้ที่เป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ รวมถึงพิจารณาแผนโครงการลงทุนมูลค่าเกิน 100 ล้านบาทของแต่ละรัฐวิสาหกิจ แต่ในเรื่องนี้ สคร.กำลังรวบรวมพิจารณาอยู่ ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ สคร. โดยขณะนี้มีทั้งโครงการที่มีมูลค่าถึง 1 หมื่นล้านบาท และ 1 แสนล้านบาท ที่ยังเสนอเข้ามา ส่วนการจะนำงานด้านความมั่นคง เข้ามามีส่วนร่วมกับรัฐวิสาหกิจก็เพื่อเพิ่มความมั่นคง เพิ่มศักยภาพ ในแต่ละรัฐวิสาหกิจให้เกิดการแข่งขัน.




______________________________________

'ซุปเปอร์บอร์ด' ตั้ง 3 อนุกก.กำกับรสก.สนองนโยบาย 'บิ๊กตู่' เน้นโปร่งใส


"ซุปเปอร์บอร์ด"ตั้ง 3 อนุกรรมการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจให้มีประสิทธิภาพ กำหนดแผนยุทธศาสตร์ คุมจัดซื้อจัดจ้างให้โปร่งใส สนองนโยบาย"ประยุทธ์" ดันงานความมั่นคงเข้าไปในหน่วยงานเพิ่มศักยภาพแข่งขัน รองรับเออีซี...

เมื่อวันที่ 9 ก.ค. นายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ หรือซุปเปอร์บอร์ดครั้งแรก ซึ่งมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. เป็นประธานการประชุมฯ โดยได้กล่าวก่อนการประชุมว่า ซุปเปอร์บอร์ดจะต้องทำหน้าที่สร้างความไว้วางใจให้กับประชาชน เพราะการทำงานของรัฐวิสาหกิจจะกระทบกับประชาชนส่วนใหญ่ ดังนั้นการทำงานจะต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ และให้ร่วมกันแก้ปัญหาที่เป็นข้อบกพร่องของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด ซึ่งอาจต้องแทรกงานด้านความมั่นคงเข้าไปในหน่วยงานต่างๆของรัฐวิสาหกิจ เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่เออีซี

นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้สคร.ไปหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ ทั้งด้านการเงิน และตัวบุคคลให้มีความทันสมัย มีประสิทธิภาพ คล่องตัว และเหมาะสมกับรัฐวิสาหกิจ พร้อมให้ความสำคัญในเรื่องการสร้างความโปร่งใส และการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมอบหมายให้ สคร.ไปดำเนินการสรรหากระบวนการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมาตรฐานสากล เพื่อความโปร่งใสในรัฐวิสาหกิจไทย โดยให้นำรูปแบบจากต่างประเทศ อาทิ ระบบการประมูลงานจากธนาคารโลก ธนาคารพัฒนาเอเชีย(เอดีบี) เป็นต้น

ขณะเดียวกันที่ประชุม ยังมีการพิจารณาจัดตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 3 ชุด ประกอบด้วย 1.คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจในองค์รวม โดยให้แต่ละรัฐวิสาหกิจเสนอแผนการปรับปรุงงานที่รูปธรรม โดยคณะอนุกรรมการดังกล่าวจะเป็นผู้ตรวจสอบและช่วยดูแผนงานควรจะมีการปรับปรุงในด้านใด 2.คณะอนุกรรมการกำหนดกรอบทิศทางแผนยุทธศาสตร์รัฐวิสาหกิจ เพื่อยกระดับรัฐวิสาหกิจให้มีประสิทธิภาพสามารถแข่งขันในระบบสากลได้ และ3.คณะอนุกรรมการพัฒนากำกับดูแลรัฐวิสาหกิจในระยะยาว โดยเริ่มตั้งแต่กระบวนการสรรหาบอร์ดและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ และการวางรากฐานกระบวนการทำงาน การจัดซื้อจัดจ้าง ด้านบัญชี และการบริหารความเสี่ยง เพื่อให้ธรรมาภิบาล ซึ่งคณะอนุกรรมการทั้ง 3 ชุดจะดำเนินการจัดตั้งขึ้นให้เรียบร้อยภายในสัปดาห์หน้า

อย่างไรก็ตาม การประชุมครั้งนี้ยังไม่ได้มีการพูดถึงการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และเรื่องการตัดสิทธิประโยชน์ของผู้ที่เป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ รวมถึงพิจารณาแผนโครงการลงทุนมูลค่าเกิน 100 ล้านบาทของแต่ละรัฐวิสาหกิจ แต่ในเรื่องนี้ สคร.กำลังรวบรวมพิจารณาอยู่ ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ สคร. โดยขณะนี้มีทั้งโครงการที่มีมูลค่าถึง 1 หมื่นล้านบาท และ 1 แสนล้านบาท ที่ยังเสนอเข้ามา ส่วนการจะนำงานด้านความมั่นคง เข้ามามีส่วนร่วมกับรัฐวิสาหกิจก็เพื่อเพิ่มความมั่นคง เพิ่มศักยภาพ ในแต่ละรัฐวิสาหกิจให้เกิดการแข่งขัน.


http://www.thairath.co.th/content/435316

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.