02 ตุลาคม 2557 SIS ส่ง Wiko (วีโก) จากฝรั่งเศส ด้านการตลาดราว 200 ล้านบาท จับลุ่มราคากลางล่าง หรือ 2,000-7,000 บาทและหวังว่าในปีหน้าจะมีส่วนแบ่งในตลาดสมาร์ทโฟน 10%
ประเด็นหลัก
ล่าสุดนำเข้าโทรศัพท์มือถือจากฝรั่งเศสแบรนด์ Wiko (วีโก) เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย เริ่มต้นมี 7 รุ่น ระดับราคาตั้งแต่ 2,000-7,000 บาท เป็นสมาร์ทโฟนทั้งหมด ได้แก่ รุ่น Sunset หน้าจอ ขนาด 4 นิ้ว ซีพียูดูอัลคอร์ ความเร็ว 1.3 GHz กล้อง 2 ล้านพิกเซล ราคา 2,490 บาท และรุ่น Highway Signs หน้าจอ 4.7 นิ้ว ซีพียูออคต้าคอร์ ความเร็ว 1.4 GHz กล้อง 8 ล้านพิกเซล ราคา 6,990 บาท เป็นต้น ซึ่งทุกรุ่นเจาะกลุ่มผู้ใช้งานฟีเจอร์โฟนเดิมที่ต้องการเปลี่ยนมาใช้สมาร์ท โฟน และผู้ที่ต้องการทดลองสินค้าแบรนด์ยุโรป
เอสไอเอสร่วมกับวีโก โมบายจากประเทศฝรั่งเศส ในลักษณะกิจการร่วมค้าตั้งบริษัทในไทยชื่อบริษัท วีโก โมบาย (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อดูแลด้านการทำตลาดทั้งหมด มีทุนจดทะเบียนบริษัท 100 ล้านบาท ซึ่งในปีแรกจะใช้งบ ประมาณด้านการตลาดราว 200 ล้านบาท เพื่อโปรโมตแบรนด์ "วีโก" ให้ติดตลาด ทั้งโดยการโฆษณาในสื่อสิ่งพิมพ์, โทรทัศน์ และช่องทางออนไลน์"เราจะใช้จุดเด่นเรื่องแบรนด์ยุโรปเพื่อแข่งขันกับสินค้า คู่แข่งที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในกลุ่มราคากลางล่าง หรือ 2,000-7,000 บาทและหวังว่าในปีหน้าจะมีส่วนแบ่งในตลาดสมาร์ทโฟน 10%"
สำหรับตลาดรวมโทรศัพท์มือถือปีนี้ คาดว่าจะมียอดขาย 18-19 ล้านเครื่องใกล้เคียงปีที่แล้ว แต่มีจุดแตกต่างตรงสัดส่วนสมาร์ทโฟนเป็น 12 ล้านเครื่อง และฟีเจอร์โฟน 6 ล้านเครื่อง ซึ่งปีที่แล้วมีสัดส่วนเท่ากัน โดยกลุ่มสินค้าราคา 2,000-7,500 บาท จะคิดเป็น 70% ของจำนวนสมาร์ทโฟนที่จำหน่ายในปีนี้ ส่วนเครื่องที่ราคาสูงกว่า 15,000 บาท มีสัดส่วนเพียง 10% และคาดว่าปีหน้าตลาดสมาร์ทโฟนจะยังเติบโต 20% หรือมียอดขายที่ 15 ล้านเครื่อง เป็นฟีเจอร์โฟนเพียง 3 ล้านเครื่อง
______________________________
SIS ผนึกทุนฝรั่งเศส ปั้น "วีโก" ชิงเค้กสมาร์ทโฟน
"เอสไอเอส" ปักหลักลุยตลาดมือถือรุดร่วมทุนฝรั่งเศสนำสมาร์ทโฟนยี่ห้อ "วีโก" เข้ามาทำตลาดในไทย พร้อมอัดฉีดเงิน 200 ล้านบาทปั้นแบรนด์เต็มสูบปูพรมเจาะตลาดกลางถึงล่างราคา 2,000-7,000 บาท หวังปั๊มรายได้รวมถึงเป้า 20,000 ล้านบาท ขณะที่ตลาดไอทียังไม่กระเตื้อง
นายสมชัย สิทธิชัยศรีชาติ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดโทรศัพท์มือถือโดยเฉพาะสมาร์ทโฟนเติบโตอย่างรวดเร็ว จากราคาที่ถูกลง และความต้องการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กของผู้ บริโภคทำให้บริษัทเปิดเกมรุกตลาดสินค้ากลุ่มนี้ เพื่อหารายได้ชดเชยกลุ่มสินค้าไอทีที่ไม่เติบโต รวมถึงรักษาเป้าหมายรายได้ที่ 20,000 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ทำได้ 18,000 ล้านบาท ประมาณ 20%
"ถ้าอยู่แค่ฝั่งไอทีอย่างเดียวรายได้ตกแน่เพราะช่วงครึ่งปีแรกเหตุบ้านการเมืองไม่นิ่ง ผู้บริโภคไม่ซื้อสินค้าทำให้รายได้ครึ่งปีไม่ถึงหมื่นล้านบาทตามเป้า แต่เชื่อว่าครึ่งปีหลังโดยเฉพาะไตรมาสสุดท้ายจะพลิกรายได้กลับมา เพราะกระแสการซื้อสินค้าเริ่มดีอีกครั้ง"
บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์ มือถือ 4 แบรนด์ คือ ซัมซุง, แอลจี, เอซุส และเอเซอร์ ลดจากปีที่แล้วที่มีแบล็คเบอร์รี่และเอชทีซีด้วย โดยมีแผนขยายตัวแทนจำหน่ายเพิ่มจากเดิมที่มีแต่ฝั่งร้านค้าปลีกสินค้าไอที มายังโทรศัพท์มือถือ เช่น ทีจีโฟน, เจมาร์ท, บานาน่า โมบาย และแมงโก้ โมบาย เป็นต้น รวมถึงช่องทางออนไลน์สโตร์ของเซเว่นอีเลฟเว่น (www.shopat7.com) และลาซาด้า
ล่าสุดนำเข้าโทรศัพท์มือถือจากฝรั่งเศสแบรนด์ Wiko (วีโก) เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย เริ่มต้นมี 7 รุ่น ระดับราคาตั้งแต่ 2,000-7,000 บาท เป็นสมาร์ทโฟนทั้งหมด ได้แก่ รุ่น Sunset หน้าจอ ขนาด 4 นิ้ว ซีพียูดูอัลคอร์ ความเร็ว 1.3 GHz กล้อง 2 ล้านพิกเซล ราคา 2,490 บาท และรุ่น Highway Signs หน้าจอ 4.7 นิ้ว ซีพียูออคต้าคอร์ ความเร็ว 1.4 GHz กล้อง 8 ล้านพิกเซล ราคา 6,990 บาท เป็นต้น ซึ่งทุกรุ่นเจาะกลุ่มผู้ใช้งานฟีเจอร์โฟนเดิมที่ต้องการเปลี่ยนมาใช้สมาร์ท โฟน และผู้ที่ต้องการทดลองสินค้าแบรนด์ยุโรป
เอสไอเอสร่วมกับวีโก โมบายจากประเทศฝรั่งเศส ในลักษณะกิจการร่วมค้าตั้งบริษัทในไทยชื่อบริษัท วีโก โมบาย (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อดูแลด้านการทำตลาดทั้งหมด มีทุนจดทะเบียนบริษัท 100 ล้านบาท ซึ่งในปีแรกจะใช้งบ ประมาณด้านการตลาดราว 200 ล้านบาท เพื่อโปรโมตแบรนด์ "วีโก" ให้ติดตลาด ทั้งโดยการโฆษณาในสื่อสิ่งพิมพ์, โทรทัศน์ และช่องทางออนไลน์"เราจะใช้จุดเด่นเรื่องแบรนด์ยุโรปเพื่อแข่งขันกับสินค้า คู่แข่งที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในกลุ่มราคากลางล่าง หรือ 2,000-7,000 บาทและหวังว่าในปีหน้าจะมีส่วนแบ่งในตลาดสมาร์ทโฟน 10%"
สำหรับตลาดรวมโทรศัพท์มือถือปีนี้ คาดว่าจะมียอดขาย 18-19 ล้านเครื่องใกล้เคียงปีที่แล้ว แต่มีจุดแตกต่างตรงสัดส่วนสมาร์ทโฟนเป็น 12 ล้านเครื่อง และฟีเจอร์โฟน 6 ล้านเครื่อง ซึ่งปีที่แล้วมีสัดส่วนเท่ากัน โดยกลุ่มสินค้าราคา 2,000-7,500 บาท จะคิดเป็น 70% ของจำนวนสมาร์ทโฟนที่จำหน่ายในปีนี้ ส่วนเครื่องที่ราคาสูงกว่า 15,000 บาท มีสัดส่วนเพียง 10% และคาดว่าปีหน้าตลาดสมาร์ทโฟนจะยังเติบโต 20% หรือมียอดขายที่ 15 ล้านเครื่อง เป็นฟีเจอร์โฟนเพียง 3 ล้านเครื่อง
นายสมชัยกล่าวถึงภาพรวมตลาดไอทีในปีนี้ด้วยว่า ยังคงซบเซาอย่างต่อเนื่องเพราะในช่วงครึ่งปีแรกไม่มีสินค้าที่ถูกใจผู้ บริโภคออกมาจำหน่าย รวมถึงกระแสสมาร์ทดีไวซ์ยังแย่งกำลังซื้อสินค้าไอทีไปทำให้ต้องปรับแผน ธุรกิจมารับติดตั้งระบบ (SI) มากขึ้น เนื่องจากมีงานต่อเนื่อง เพราะไอทีช่วยเสริมศักยภาพธุรกิจทั้งภาครัฐมีการอัดฉีดงบประมาณในโครงการ ต่าง ๆ ขณะที่ส่วนต่างกำไรยังมากกว่าขายสินค้ากับผู้บริโภคทั่วไป
"เราหันมาลุยธุรกิจ SI เต็มตัว เพราะช่วยพยุงยอดขายสินค้าไอทีซึ่งเป็นรายได้หลักของเราไว้ด้วยความที่เรา ใหม่ในธุรกิจมือถือ ดังนั้น จะไปพึ่งฝั่งมือถืออย่างเดียวคงไม่ได้ โดยปีที่แล้วสัดส่วนรายได้ของเรามาจากการขายสินค้าให้ผู้บริโภคมากกว่า 60% ที่เหลือเป็นองค์กรรวมงานติดตั้งระบบด้วย แต่ปีนี้สัดส่วนจะใกล้เคียงกัน ผู้บริโภคทั่วไปน่าจะอยู่ 53% องค์กร 47% แต่ถ้าแบ่งตามสินค้า 40% เป็นคอมพิวเตอร์, 40% เป็นสินค้าองค์กรและอุปกรณ์เชื่อมต่ออื่น ๆ 20% เป็นโทรศัพท์มือถือ จากปีที่แล้วคิดเป็น 10% ของรายได้"
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1412239272
ล่าสุดนำเข้าโทรศัพท์มือถือจากฝรั่งเศสแบรนด์ Wiko (วีโก) เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย เริ่มต้นมี 7 รุ่น ระดับราคาตั้งแต่ 2,000-7,000 บาท เป็นสมาร์ทโฟนทั้งหมด ได้แก่ รุ่น Sunset หน้าจอ ขนาด 4 นิ้ว ซีพียูดูอัลคอร์ ความเร็ว 1.3 GHz กล้อง 2 ล้านพิกเซล ราคา 2,490 บาท และรุ่น Highway Signs หน้าจอ 4.7 นิ้ว ซีพียูออคต้าคอร์ ความเร็ว 1.4 GHz กล้อง 8 ล้านพิกเซล ราคา 6,990 บาท เป็นต้น ซึ่งทุกรุ่นเจาะกลุ่มผู้ใช้งานฟีเจอร์โฟนเดิมที่ต้องการเปลี่ยนมาใช้สมาร์ท โฟน และผู้ที่ต้องการทดลองสินค้าแบรนด์ยุโรป
เอสไอเอสร่วมกับวีโก โมบายจากประเทศฝรั่งเศส ในลักษณะกิจการร่วมค้าตั้งบริษัทในไทยชื่อบริษัท วีโก โมบาย (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อดูแลด้านการทำตลาดทั้งหมด มีทุนจดทะเบียนบริษัท 100 ล้านบาท ซึ่งในปีแรกจะใช้งบ ประมาณด้านการตลาดราว 200 ล้านบาท เพื่อโปรโมตแบรนด์ "วีโก" ให้ติดตลาด ทั้งโดยการโฆษณาในสื่อสิ่งพิมพ์, โทรทัศน์ และช่องทางออนไลน์"เราจะใช้จุดเด่นเรื่องแบรนด์ยุโรปเพื่อแข่งขันกับสินค้า คู่แข่งที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในกลุ่มราคากลางล่าง หรือ 2,000-7,000 บาทและหวังว่าในปีหน้าจะมีส่วนแบ่งในตลาดสมาร์ทโฟน 10%"
สำหรับตลาดรวมโทรศัพท์มือถือปีนี้ คาดว่าจะมียอดขาย 18-19 ล้านเครื่องใกล้เคียงปีที่แล้ว แต่มีจุดแตกต่างตรงสัดส่วนสมาร์ทโฟนเป็น 12 ล้านเครื่อง และฟีเจอร์โฟน 6 ล้านเครื่อง ซึ่งปีที่แล้วมีสัดส่วนเท่ากัน โดยกลุ่มสินค้าราคา 2,000-7,500 บาท จะคิดเป็น 70% ของจำนวนสมาร์ทโฟนที่จำหน่ายในปีนี้ ส่วนเครื่องที่ราคาสูงกว่า 15,000 บาท มีสัดส่วนเพียง 10% และคาดว่าปีหน้าตลาดสมาร์ทโฟนจะยังเติบโต 20% หรือมียอดขายที่ 15 ล้านเครื่อง เป็นฟีเจอร์โฟนเพียง 3 ล้านเครื่อง
______________________________
SIS ผนึกทุนฝรั่งเศส ปั้น "วีโก" ชิงเค้กสมาร์ทโฟน
"เอสไอเอส" ปักหลักลุยตลาดมือถือรุดร่วมทุนฝรั่งเศสนำสมาร์ทโฟนยี่ห้อ "วีโก" เข้ามาทำตลาดในไทย พร้อมอัดฉีดเงิน 200 ล้านบาทปั้นแบรนด์เต็มสูบปูพรมเจาะตลาดกลางถึงล่างราคา 2,000-7,000 บาท หวังปั๊มรายได้รวมถึงเป้า 20,000 ล้านบาท ขณะที่ตลาดไอทียังไม่กระเตื้อง
นายสมชัย สิทธิชัยศรีชาติ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดโทรศัพท์มือถือโดยเฉพาะสมาร์ทโฟนเติบโตอย่างรวดเร็ว จากราคาที่ถูกลง และความต้องการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กของผู้ บริโภคทำให้บริษัทเปิดเกมรุกตลาดสินค้ากลุ่มนี้ เพื่อหารายได้ชดเชยกลุ่มสินค้าไอทีที่ไม่เติบโต รวมถึงรักษาเป้าหมายรายได้ที่ 20,000 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ทำได้ 18,000 ล้านบาท ประมาณ 20%
"ถ้าอยู่แค่ฝั่งไอทีอย่างเดียวรายได้ตกแน่เพราะช่วงครึ่งปีแรกเหตุบ้านการเมืองไม่นิ่ง ผู้บริโภคไม่ซื้อสินค้าทำให้รายได้ครึ่งปีไม่ถึงหมื่นล้านบาทตามเป้า แต่เชื่อว่าครึ่งปีหลังโดยเฉพาะไตรมาสสุดท้ายจะพลิกรายได้กลับมา เพราะกระแสการซื้อสินค้าเริ่มดีอีกครั้ง"
บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์ มือถือ 4 แบรนด์ คือ ซัมซุง, แอลจี, เอซุส และเอเซอร์ ลดจากปีที่แล้วที่มีแบล็คเบอร์รี่และเอชทีซีด้วย โดยมีแผนขยายตัวแทนจำหน่ายเพิ่มจากเดิมที่มีแต่ฝั่งร้านค้าปลีกสินค้าไอที มายังโทรศัพท์มือถือ เช่น ทีจีโฟน, เจมาร์ท, บานาน่า โมบาย และแมงโก้ โมบาย เป็นต้น รวมถึงช่องทางออนไลน์สโตร์ของเซเว่นอีเลฟเว่น (www.shopat7.com) และลาซาด้า
ล่าสุดนำเข้าโทรศัพท์มือถือจากฝรั่งเศสแบรนด์ Wiko (วีโก) เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย เริ่มต้นมี 7 รุ่น ระดับราคาตั้งแต่ 2,000-7,000 บาท เป็นสมาร์ทโฟนทั้งหมด ได้แก่ รุ่น Sunset หน้าจอ ขนาด 4 นิ้ว ซีพียูดูอัลคอร์ ความเร็ว 1.3 GHz กล้อง 2 ล้านพิกเซล ราคา 2,490 บาท และรุ่น Highway Signs หน้าจอ 4.7 นิ้ว ซีพียูออคต้าคอร์ ความเร็ว 1.4 GHz กล้อง 8 ล้านพิกเซล ราคา 6,990 บาท เป็นต้น ซึ่งทุกรุ่นเจาะกลุ่มผู้ใช้งานฟีเจอร์โฟนเดิมที่ต้องการเปลี่ยนมาใช้สมาร์ท โฟน และผู้ที่ต้องการทดลองสินค้าแบรนด์ยุโรป
เอสไอเอสร่วมกับวีโก โมบายจากประเทศฝรั่งเศส ในลักษณะกิจการร่วมค้าตั้งบริษัทในไทยชื่อบริษัท วีโก โมบาย (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อดูแลด้านการทำตลาดทั้งหมด มีทุนจดทะเบียนบริษัท 100 ล้านบาท ซึ่งในปีแรกจะใช้งบ ประมาณด้านการตลาดราว 200 ล้านบาท เพื่อโปรโมตแบรนด์ "วีโก" ให้ติดตลาด ทั้งโดยการโฆษณาในสื่อสิ่งพิมพ์, โทรทัศน์ และช่องทางออนไลน์"เราจะใช้จุดเด่นเรื่องแบรนด์ยุโรปเพื่อแข่งขันกับสินค้า คู่แข่งที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในกลุ่มราคากลางล่าง หรือ 2,000-7,000 บาทและหวังว่าในปีหน้าจะมีส่วนแบ่งในตลาดสมาร์ทโฟน 10%"
สำหรับตลาดรวมโทรศัพท์มือถือปีนี้ คาดว่าจะมียอดขาย 18-19 ล้านเครื่องใกล้เคียงปีที่แล้ว แต่มีจุดแตกต่างตรงสัดส่วนสมาร์ทโฟนเป็น 12 ล้านเครื่อง และฟีเจอร์โฟน 6 ล้านเครื่อง ซึ่งปีที่แล้วมีสัดส่วนเท่ากัน โดยกลุ่มสินค้าราคา 2,000-7,500 บาท จะคิดเป็น 70% ของจำนวนสมาร์ทโฟนที่จำหน่ายในปีนี้ ส่วนเครื่องที่ราคาสูงกว่า 15,000 บาท มีสัดส่วนเพียง 10% และคาดว่าปีหน้าตลาดสมาร์ทโฟนจะยังเติบโต 20% หรือมียอดขายที่ 15 ล้านเครื่อง เป็นฟีเจอร์โฟนเพียง 3 ล้านเครื่อง
นายสมชัยกล่าวถึงภาพรวมตลาดไอทีในปีนี้ด้วยว่า ยังคงซบเซาอย่างต่อเนื่องเพราะในช่วงครึ่งปีแรกไม่มีสินค้าที่ถูกใจผู้ บริโภคออกมาจำหน่าย รวมถึงกระแสสมาร์ทดีไวซ์ยังแย่งกำลังซื้อสินค้าไอทีไปทำให้ต้องปรับแผน ธุรกิจมารับติดตั้งระบบ (SI) มากขึ้น เนื่องจากมีงานต่อเนื่อง เพราะไอทีช่วยเสริมศักยภาพธุรกิจทั้งภาครัฐมีการอัดฉีดงบประมาณในโครงการ ต่าง ๆ ขณะที่ส่วนต่างกำไรยังมากกว่าขายสินค้ากับผู้บริโภคทั่วไป
"เราหันมาลุยธุรกิจ SI เต็มตัว เพราะช่วยพยุงยอดขายสินค้าไอทีซึ่งเป็นรายได้หลักของเราไว้ด้วยความที่เรา ใหม่ในธุรกิจมือถือ ดังนั้น จะไปพึ่งฝั่งมือถืออย่างเดียวคงไม่ได้ โดยปีที่แล้วสัดส่วนรายได้ของเรามาจากการขายสินค้าให้ผู้บริโภคมากกว่า 60% ที่เหลือเป็นองค์กรรวมงานติดตั้งระบบด้วย แต่ปีนี้สัดส่วนจะใกล้เคียงกัน ผู้บริโภคทั่วไปน่าจะอยู่ 53% องค์กร 47% แต่ถ้าแบ่งตามสินค้า 40% เป็นคอมพิวเตอร์, 40% เป็นสินค้าองค์กรและอุปกรณ์เชื่อมต่ออื่น ๆ 20% เป็นโทรศัพท์มือถือ จากปีที่แล้วคิดเป็น 10% ของรายได้"
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1412239272
ไม่มีความคิดเห็น: