14 พฤศจิกายน 2557 อดิเรก.ATCI ระบุ ภาครัฐควรเร่งปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีมากขึ้น เอกชนกว่า 80% พร้อมที่จะลงทุน แต่เชื่อมต่อกับภาครัฐไม่สะดวก การทำธุรกรรมผ่านอินเทอร์เน็ต
ประเด็นหลัก
ขณะที่นายอดิเรก ปฏิทัศน์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย (ATCI) เปิดเผยว่า ภาครัฐควรเร่งปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีมากขึ้น เอกชนกว่า 80% พร้อมที่จะลงทุน แต่เชื่อมต่อกับภาครัฐไม่สะดวก เช่น การทำธุรกรรมผ่านอินเทอร์เน็ต ที่ธนาคารมีโมบายแบงกิ้งให้ใช้ได้ แต่กลับไม่สะดวกที่จะใช้เสียภาษีกับภาครัฐ ทั้งที่ทำให้ง่ายขึ้นได้
"ทิศทางเรื่องดิจิทัลอีโคโนมีไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ขาดการเชื่อมโยงที่ดีในหน่วยงานรัฐด้วยกัน หากมีภาพใหญ่จากรัฐบาลก็จะทำให้การทำงานทั้งภาครัฐสู่ภาครัฐ ภาครัฐสู่ธุรกิจ และภาครัฐสู่ประชาชนดีขึ้น ซึ่งแต่ละปีสมาคมใช้งบฯปีละกว่า 25-30 ล้านบาท เพื่อช่วยส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี"
______________________________
สภาอุตฯติงรัฐปลดล็อกกฎหมาย ผุดแคมเปญดึงเอสเอ็มอีใช้ไอที
สภาอุตสาหกรรม สมาคม ATCI-ATSI จี้ภาครัฐปลดล็อกอุปสรรคธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เสนอให้สร้างแคมเปญจูงใจ กระตุ้น SMEs ใช้ไอทีพัฒนาธุรกิจรับนโยบายดิจิทัลอีโคโนมี
นายจำรัส สว่างสมุทร ผู้อำนวยการใหญ่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าแต่ละปีสมาชิกสภาอุตสาหกรรมมียอดขายรวมกันกว่า 13 ล้านล้านบาท สิ่งที่ต้องคิดคือจะนำเทคโนโลยีผลักดันให้เกิดการเติบโตได้อย่างไร โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs
"โจทย์คือจะทำอย่างไรให้เกิดอีซัพพลายเชนในอุตสาหกรรมโดยรวม เพื่อเปลี่ยนการทำธุรกิจจากระบบแมน่วลมาเป็นอิเล็กทรอนิกส์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า ซึ่งภาครัฐจะต้องแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรค อาทิ การออกใบกำกับภาษี หรือการเซ็นรับสินค้าที่ยังต้องใช้รูปแบบกระดาษถึงจะเป็นหลักฐานทางคดีได้"
นายสมพร มณีรัตนะกูล นายกสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย (ATSI) กล่าวเสริมว่า ระบบไอทีที่องค์กรธุรกิจใช้ มักพัฒนามาเพื่อใช้เฉพาะภายในองค์กร แลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานภายนอกไม่ได้
"นโยบายภาครัฐต้องชัดเจน ไม่ใช่ภาพรวมแบบหลวม ๆ เหมือนที่ผ่านมา ต้องชัดว่าบูรณาการแล้วจะเป็นแบบไหน ถ้าไม่เปลี่ยนจะเกิดอะไรขึ้น และต้องสร้างแรงจูงใจ กระตุ้นให้เอกชนอยากเข้าร่วม เพื่อให้ได้สิทธิประโยชน์บางอย่างเพิ่ม"
ขณะที่นายอดิเรก ปฏิทัศน์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย (ATCI) เปิดเผยว่า ภาครัฐควรเร่งปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีมากขึ้น เอกชนกว่า 80% พร้อมที่จะลงทุน แต่เชื่อมต่อกับภาครัฐไม่สะดวก เช่น การทำธุรกรรมผ่านอินเทอร์เน็ต ที่ธนาคารมีโมบายแบงกิ้งให้ใช้ได้ แต่กลับไม่สะดวกที่จะใช้เสียภาษีกับภาครัฐ ทั้งที่ทำให้ง่ายขึ้นได้
"ทิศทางเรื่องดิจิทัลอีโคโนมีไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ขาดการเชื่อมโยงที่ดีในหน่วยงานรัฐด้วยกัน หากมีภาพใหญ่จากรัฐบาลก็จะทำให้การทำงานทั้งภาครัฐสู่ภาครัฐ ภาครัฐสู่ธุรกิจ และภาครัฐสู่ประชาชนดีขึ้น ซึ่งแต่ละปีสมาคมใช้งบฯปีละกว่า 25-30 ล้านบาท เพื่อช่วยส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี"
ด้านนายมนู อรดีดลเชษฐ์ หนึ่งในคณะทำงานด้านดิจิทัลอีโคโนมีกล่าวว่า คาดว่าภายในเดือน ธ.ค.รัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการแห่งชาติของเศรษฐกิจดิจิทัลที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานได้เรียบร้อย
ขณะที่คณะทำงานมีแผนที่จะทำงานร่วมกับสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ผลักดัน SMEs ในต่างจังหวัดให้ใช้การค้าแบบอีคอมเมิร์ซ ซึ่งจะเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ 1-2%
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1415865450
ขณะที่นายอดิเรก ปฏิทัศน์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย (ATCI) เปิดเผยว่า ภาครัฐควรเร่งปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีมากขึ้น เอกชนกว่า 80% พร้อมที่จะลงทุน แต่เชื่อมต่อกับภาครัฐไม่สะดวก เช่น การทำธุรกรรมผ่านอินเทอร์เน็ต ที่ธนาคารมีโมบายแบงกิ้งให้ใช้ได้ แต่กลับไม่สะดวกที่จะใช้เสียภาษีกับภาครัฐ ทั้งที่ทำให้ง่ายขึ้นได้
"ทิศทางเรื่องดิจิทัลอีโคโนมีไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ขาดการเชื่อมโยงที่ดีในหน่วยงานรัฐด้วยกัน หากมีภาพใหญ่จากรัฐบาลก็จะทำให้การทำงานทั้งภาครัฐสู่ภาครัฐ ภาครัฐสู่ธุรกิจ และภาครัฐสู่ประชาชนดีขึ้น ซึ่งแต่ละปีสมาคมใช้งบฯปีละกว่า 25-30 ล้านบาท เพื่อช่วยส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี"
______________________________
สภาอุตฯติงรัฐปลดล็อกกฎหมาย ผุดแคมเปญดึงเอสเอ็มอีใช้ไอที
สภาอุตสาหกรรม สมาคม ATCI-ATSI จี้ภาครัฐปลดล็อกอุปสรรคธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เสนอให้สร้างแคมเปญจูงใจ กระตุ้น SMEs ใช้ไอทีพัฒนาธุรกิจรับนโยบายดิจิทัลอีโคโนมี
นายจำรัส สว่างสมุทร ผู้อำนวยการใหญ่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าแต่ละปีสมาชิกสภาอุตสาหกรรมมียอดขายรวมกันกว่า 13 ล้านล้านบาท สิ่งที่ต้องคิดคือจะนำเทคโนโลยีผลักดันให้เกิดการเติบโตได้อย่างไร โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs
"โจทย์คือจะทำอย่างไรให้เกิดอีซัพพลายเชนในอุตสาหกรรมโดยรวม เพื่อเปลี่ยนการทำธุรกิจจากระบบแมน่วลมาเป็นอิเล็กทรอนิกส์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า ซึ่งภาครัฐจะต้องแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรค อาทิ การออกใบกำกับภาษี หรือการเซ็นรับสินค้าที่ยังต้องใช้รูปแบบกระดาษถึงจะเป็นหลักฐานทางคดีได้"
นายสมพร มณีรัตนะกูล นายกสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย (ATSI) กล่าวเสริมว่า ระบบไอทีที่องค์กรธุรกิจใช้ มักพัฒนามาเพื่อใช้เฉพาะภายในองค์กร แลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานภายนอกไม่ได้
"นโยบายภาครัฐต้องชัดเจน ไม่ใช่ภาพรวมแบบหลวม ๆ เหมือนที่ผ่านมา ต้องชัดว่าบูรณาการแล้วจะเป็นแบบไหน ถ้าไม่เปลี่ยนจะเกิดอะไรขึ้น และต้องสร้างแรงจูงใจ กระตุ้นให้เอกชนอยากเข้าร่วม เพื่อให้ได้สิทธิประโยชน์บางอย่างเพิ่ม"
ขณะที่นายอดิเรก ปฏิทัศน์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย (ATCI) เปิดเผยว่า ภาครัฐควรเร่งปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีมากขึ้น เอกชนกว่า 80% พร้อมที่จะลงทุน แต่เชื่อมต่อกับภาครัฐไม่สะดวก เช่น การทำธุรกรรมผ่านอินเทอร์เน็ต ที่ธนาคารมีโมบายแบงกิ้งให้ใช้ได้ แต่กลับไม่สะดวกที่จะใช้เสียภาษีกับภาครัฐ ทั้งที่ทำให้ง่ายขึ้นได้
"ทิศทางเรื่องดิจิทัลอีโคโนมีไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ขาดการเชื่อมโยงที่ดีในหน่วยงานรัฐด้วยกัน หากมีภาพใหญ่จากรัฐบาลก็จะทำให้การทำงานทั้งภาครัฐสู่ภาครัฐ ภาครัฐสู่ธุรกิจ และภาครัฐสู่ประชาชนดีขึ้น ซึ่งแต่ละปีสมาคมใช้งบฯปีละกว่า 25-30 ล้านบาท เพื่อช่วยส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี"
ด้านนายมนู อรดีดลเชษฐ์ หนึ่งในคณะทำงานด้านดิจิทัลอีโคโนมีกล่าวว่า คาดว่าภายในเดือน ธ.ค.รัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการแห่งชาติของเศรษฐกิจดิจิทัลที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานได้เรียบร้อย
ขณะที่คณะทำงานมีแผนที่จะทำงานร่วมกับสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ผลักดัน SMEs ในต่างจังหวัดให้ใช้การค้าแบบอีคอมเมิร์ซ ซึ่งจะเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ 1-2%
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1415865450
ไม่มีความคิดเห็น: