Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

29 กรกฎาคม 2558 CAT พร้อมรับลูกค้าเต็มสูบ ทุ่ม 500 ล้านบาท เปิดตัว “CAT data center Nonthaburi II” ชูมาตรฐานแห่งแรก และแห่งเดียวในอาเซียน ได้ครบวงจร และมีเสถียรภาพสูงสุด ซึ่งเป็นแห่งแรก และแห่งเดียวในอาเซียนที่ผ่านการรับรองตามมาตรฐานระดับสากล TrustedSite Infrastructure Certificate (TSI Certificate) Level 3 จากสถาบัน TUVIT อีกด้วย

ประเด็นหลัก




       ด้าน นายชัยยุทธ สันทนานุการ ที่ปรึกษาอาวุโส รักษาการในตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดและการขาย บริษัท กสท โทรคมนาคม กล่าวว่า กสท โทรคมนาคมมีความพร้อมในการรองรับความต้องการจากทั้งภาครัฐ และเอกชนอย่างเต็มที่ ซึ่งปัจจุบัน กสท โทรคมนาคม มีศูนย์ดาต้า เซ็นเตอร์ อยู่ 7 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี ชลบุรี ภูเก็ต ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่ โดยล่าสุด เพิ่งเปิดตัว “CAT data center Nonthaburi II” แห่งที่สอง ที่ จ.นนทบุรี โดยใช้เงินลงทุนมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท เป็นอาคารที่ออกแบบก่อสร้างขึ้นมาสำหรับให้บริการดาต้า เซ็นเตอร์โดยเฉพาะ เพื่อรองรับความต้องการใช้บริการ ดาต้า เซ็นเตอร์ได้ครบวงจร และมีเสถียรภาพสูงสุด ซึ่งเป็นแห่งแรก และแห่งเดียวในอาเซียนที่ผ่านการรับรองตามมาตรฐานระดับสากล TrustedSite Infrastructure Certificate (TSI Certificate) Level 3 จากสถาบัน TUVIT อีกด้วย
     
       ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการได้หลากหลายรูปแบบ ได้แก่ 1.Server Co-Location service บริการให้เช่าพื้นที่ติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ภายในศูนย์ ดาต้า เซ็นเตอร์ 2.Managed service บริการบริหารจัดการระบบของลูกค้า ซึ่งมีบริการในรูปแบบ Smart Hand และ Managed Security Service 3.Temp Office service บริการให้เช่าพื้นที่สำนักงานชั่วคราว พร้อมอุปกรณ์สำนักงาน และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และ 4.Disaster Recovery service บริการศูนย์สำรองข้อมูล ด้วยศูนย์ดาต้า เซ็นเตอร์ ที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย จึงทำให้ลูกค้าสามารถใช้บริการ CAT data center เป็นทั้งไซต์หลัก และไซต์สำรอง และทำการแบ็กอัปข้อมูลระหว่างไซต์ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือต่อภัยพิบัติได้






___________________________________________



กสท-ทีโอที ยิ้มรับ “ดาต้า เซ็นเตอร์แห่งชาติ”




        รมว.ไอซีที ชี้บอร์ดดีอีไฟเขียวให้หน่วยงานภาครัฐเช่าใช้ดาต้า เซ็นเตอร์ ของ กสท โทรคมนาคม และทีโอที ไปก่อนระหว่างรอโครงการดาต้า เซ็นเตอร์แห่งชาติแล้วเสร็จ มั่นใจ 2 รัฐวิสาหกิจสามารถพิสูจน์ฝีมือได้ ด้าน กสท โทรคมนาคม เผยพร้อมรับลูกค้าเต็มสูบ ทุ่ม 500 ล้านบาท เปิดตัว “CAT data center Nonthaburi II” ชูมาตรฐานแห่งแรก และแห่งเดียวในอาเซียน
     
       นายพรชัย รุจิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที กล่าวถึงความคืบหน้าในการสำรวจความต้องการใช้ดาต้า เซ็นเตอร์ ของภาครัฐว่า ขณะนี้ได้สำรวจหน่วยงานภาครัฐไปแล้วกว่า 80% พบว่ามีความต้องการใช้งานอยู่ที่ 30,000 ตารางเมตร ซึ่งในจำนวนนี้รัฐต้องเสียค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาถึงปีละ 8,000-9,000 ล้านบาท ดังนั้น ระหว่างที่โครงการดาต้า เซ็นเตอร์แห่งชาติ ยังสร้างไม่เสร็จเพราะต้องใช้ระยะเวลาถึง 2 ปี และหน่วยงานภาครัฐก็ถูกสั่งให้งดการใช้งบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างในการทำดาต้า เซ็นเตอร์ของตนเอง ที่ประชุมคณะกรรมการเตรียมการดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา จึงมีมติเห็นชอบให้หน่วยงานภาครัฐทั้งหมดมาเช่าใช้ ดาต้า เซ็นเตอร์ ของ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ไปก่อนจนกว่าโครงการจะแล้วเสร็จ
     
       ทั้งนี้ คาดว่าภายในปีนี้น่าจะมีดาต้า เซ็นเตอร์ ของภาครัฐที่ใช้งานเกิน 7 ปี จำนวน 10,000 ตารางเมตร ต้องเปลี่ยนระบบใหม่เริ่มมาใช้งานกับทีโอที และ กสท โทรคมนาคม จากนั้นคาดว่าดาต้า เซ็นเตอร์ที่เหลือจะทยอยเปลี่ยนระบบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทีโอที และ กสท โทรคมนาคม เองก็มีความพร้อมทั้งเรื่องของพื้นที่ในการจัดเก็บ โดย กสท โทรคมนาคม มีดาต้า เซ็นเตอร์อยู่ 7 แห่ง มีพื้นที่ในการจัดเก็บ 1,100 แรค คิดเป็น 4,400 ตารางเมตร ขณะที่ทีโอที มีพื้นที่ในการจัดเก็บ 300 แรค คิดเป็น 1,200 ตารางเมตร ส่วนหลังจากนี้เมื่อโครงการดาต้า เซ็นเตอร์เสร็จแล้วหน่วยงานภาครัฐที่ใช้งานของทีโอที และ กสท โทรคมนาคม จะย้ายข้อมูลไปที่ศูนย์ใหม่หรือไม่ขึ้นอยู่กับทีโอที และ กสท โทรคมนาคมเองว่าจะสามารถดึงดูดให้หน่วยงานเหล่านี้อยู่ได้นานแค่ไหน แต่เชื่อว่าความต้องการในการใช้ดาต้า เซ็นเตอร์ของภาครัฐจะมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อถึงเวลาที่โครงการแล้วเสร็จก็น่าจะมีความต้องการใหม่ๆ เข้ามา
     
       “เมื่อเห็นความต้องการของภาครัฐที่มากขนาดนี้แล้ว กสท โทรคมนาคม และทีโอทีเองก็ต้องเร่งตื่นตัวปรับตัวในการพัฒนาคุณภาพของบริการรวมถึงการขยายศูนย์ดาต้า เซ็นเตอร์ในการให้บริการด้วย ขณะที่เอกชนที่จะเข้ามาลงทุนก็ยังมีโอกาสอีกจำนวนมากซึ่งเราการันตีให้หน่วยงานภาครัฐมาใช้งานอยู่แล้วที่ 50% ของความต้องการที่มีทั้งหมด”
     
       อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีเอกชนที่สนใจแสดงเจตจำนงในการเข้าร่วมโครงการแล้ว 26 บริษัท คาดว่าภายในต้นเดือน ก.ย.จะสามารถทำกระบวนการแสดงความคิดเห็นสาธารณะ (ประชาพิจารณ์) เรื่องคุณสมบัติของผู้สมัครเข้าร่วมโครงการแล้วเสร็จ จากนั้นจะเปิดรับสมัครในเดือน ต.ค. เพื่อเริ่มสร้างศูนย์ต้นปี คาดว่าจะสามารถสร้างได้ 30 แห่งๆ ละ 3,000 ตารางเมตร
     
       ด้าน นายชัยยุทธ สันทนานุการ ที่ปรึกษาอาวุโส รักษาการในตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดและการขาย บริษัท กสท โทรคมนาคม กล่าวว่า กสท โทรคมนาคมมีความพร้อมในการรองรับความต้องการจากทั้งภาครัฐ และเอกชนอย่างเต็มที่ ซึ่งปัจจุบัน กสท โทรคมนาคม มีศูนย์ดาต้า เซ็นเตอร์ อยู่ 7 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี ชลบุรี ภูเก็ต ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่ โดยล่าสุด เพิ่งเปิดตัว “CAT data center Nonthaburi II” แห่งที่สอง ที่ จ.นนทบุรี โดยใช้เงินลงทุนมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท เป็นอาคารที่ออกแบบก่อสร้างขึ้นมาสำหรับให้บริการดาต้า เซ็นเตอร์โดยเฉพาะ เพื่อรองรับความต้องการใช้บริการ ดาต้า เซ็นเตอร์ได้ครบวงจร และมีเสถียรภาพสูงสุด ซึ่งเป็นแห่งแรก และแห่งเดียวในอาเซียนที่ผ่านการรับรองตามมาตรฐานระดับสากล TrustedSite Infrastructure Certificate (TSI Certificate) Level 3 จากสถาบัน TUVIT อีกด้วย
     
       ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการได้หลากหลายรูปแบบ ได้แก่ 1.Server Co-Location service บริการให้เช่าพื้นที่ติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ภายในศูนย์ ดาต้า เซ็นเตอร์ 2.Managed service บริการบริหารจัดการระบบของลูกค้า ซึ่งมีบริการในรูปแบบ Smart Hand และ Managed Security Service 3.Temp Office service บริการให้เช่าพื้นที่สำนักงานชั่วคราว พร้อมอุปกรณ์สำนักงาน และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และ 4.Disaster Recovery service บริการศูนย์สำรองข้อมูล ด้วยศูนย์ดาต้า เซ็นเตอร์ ที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย จึงทำให้ลูกค้าสามารถใช้บริการ CAT data center เป็นทั้งไซต์หลัก และไซต์สำรอง และทำการแบ็กอัปข้อมูลระหว่างไซต์ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือต่อภัยพิบัติได้


http://manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9580000084792

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.