Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

22 ตุลาคม 2559 ED ระบุ เพิ่มกำลังบุคลากรที่ศูนย์ปฏิบัติการความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (CSOC) ที่ตั้งอยู่ที่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) จำนวน 28 คน รวมกับศูนย์กองป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ปท.) จำนวน 30 คน

ประเด็นหลัก




วันนี้ (19 ต.ค.) ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าวว่า กระทรวงดีอีได้เร่งปราบปรามเว็บไซต์ไม่เหมาะสมตลอด โดยประสานงานกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ไอเอสพี) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ด้วยการใช้ประกาศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 26 ที่ระบุความผิดเกี่ยวกับ เนื้อหาที่กระทบต่อความมั่นคง ยั่วยุ หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ หากเข้าข่ายความผิดดังกล่าวรัฐบาลสามารถปิดเว็บหมิ่นได้ทันที ซึ่งส่วนใหญ่เว็บที่ถูกปิดจะเป็นเว็บในประเทศ






นอกจากนี้ ยังเพิ่มกำลังบุคลากรที่ศูนย์ปฏิบัติการความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (CSOC) ที่ตั้งอยู่ที่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) จำนวน 28 คน รวมกับศูนย์กองป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ปท.) จำนวน 30 คน ภายใต้กระทรวงดีอี บวกกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ของ สตช. จำนวน 60 คน รวมกว่า 100 คน เพื่อคอยมอนิเตอร์ตรวจสอบข้อความโซเชียลมีเดียที่ไม่เหมาะสมตลอด 24 ชั่วโมง


___________________________________________________






กระทรวงดีอีเพิ่มกำลังคนส่องเว็บหมิ่น 24ชม.วอนอย่าไลค์อย่าแชร์
“พล.อ.อ.ประจิน” ยืนยัน กระทรวงดีอี มอนิเตอร์เว็บหมิ่นเบื้องสูง 24 ชั่วโมง ด้วยกำลังคนกว่า 100 พร้อมประสานหน่วยงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขอประชาชนอย่ากดไลค์ แชร์ ข้อความที่ไม่เหมาะสม


วันนี้ (19 ต.ค.) ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าวว่า กระทรวงดีอีได้เร่งปราบปรามเว็บไซต์ไม่เหมาะสมตลอด โดยประสานงานกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ไอเอสพี) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ด้วยการใช้ประกาศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 26 ที่ระบุความผิดเกี่ยวกับ เนื้อหาที่กระทบต่อความมั่นคง ยั่วยุ หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ หากเข้าข่ายความผิดดังกล่าวรัฐบาลสามารถปิดเว็บหมิ่นได้ทันที ซึ่งส่วนใหญ่เว็บที่ถูกปิดจะเป็นเว็บในประเทศ

นอกจากนี้ ยังเพิ่มกำลังบุคลากรที่ศูนย์ปฏิบัติการความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (CSOC) ที่ตั้งอยู่ที่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) จำนวน 28 คน รวมกับศูนย์กองป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ปท.) จำนวน 30 คน ภายใต้กระทรวงดีอี บวกกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ของ สตช. จำนวน 60 คน รวมกว่า 100 คน เพื่อคอยมอนิเตอร์ตรวจสอบข้อความโซเชียลมีเดียที่ไม่เหมาะสมตลอด 24 ชั่วโมง

“ตลอดเวลากระทรวงดีอีไม่ได้นิ่งนอนใจ การทำงานมีเครือข่ายชัดเจน รัฐบาลไม่ต้องการให้ประชาชนถูกกระแสข่าวซ้ำเติมจิตใจไปมากกว่านี้ และไม่อยากให้ทุกอย่างออกไปในสื่อสาธารณะ จึงอยากให้เข้าใจว่า กระทรวงมีการทำงานต่อเนื่อง 24 ชม. ส่วนข้อมูลที่เป็นแหล่งข้อมูลจากต่างประเทศก็ได้มีการประสานไปยังสถานทูตให้ช่วยเจรจา  ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงแห่งชาติ ก็นำประเด็นดังกล่าวมาทำความเข้าใจและแก้ไขปัญหาร่วมกัน”  

ทั้งนี้ หากตรวจพบว่าเข้าข่ายกระทบความมั่นคง และกรณีละเมิดต่อสาบัน กระทรวงสามารถใช้อำนาจกฏหมายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเว็บไซต์ไม่เหมาะสมได้ทันที ส่วนเว็บเพจไหนพบว่ามีความผิดทาง พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ที่ระบุความผิดเกี่ยวกับลามก อนาจาร หมิ่นสถาบัน ซึ่งต้องมีการตรวจสอบหาหลักฐาน ซึ่งปกติใช้เวลา 15 วัน กว่าจะส่งเรื่องมาให้รัฐมนตรีดีอีตรวจสอบลงนาม และส่งเรื่องต่อไปยังศาลเพื่อขอหมายศาลและแจ้งไปยังผู้ให้บริการในต่างประเทศ โดยกระทรวงจะพยายามเร่งรัดขั้นตอนนี้ให้เร็วที่สุด

อย่างไรก็ตาม หลังจากวันที่ 14 ต.ค.59 พบเว็บหมิ่นสถาบันประมาณ 52 เว็บเพจ ขณะที่วันที่ 15 ต.ค.พบจำนวน 61 เว็บเพจ โดยสามารถปิดกั้นได้บางส่วน คิดเป็น 35% ของเว็บเพจที่ตรวจ ซึ่งเว็บเพจหมิ่นเบื้องสูงดังกล่าวยังพบว่ามีการแตกยอดไปหลายๆยูอาร์แอล จึงไม่อยากให้ระบุจำนวนทั้งหมด ซึ่งในส่วนของไอเอสพี ต่างประเทศ ได้ประสานกับผู้แทนให้ติดต่อแล้ว อาทิ ผู้ให้บริการคอนเทนท์รายใหญ่ อาทิ ไลน์ และเฟซบุ๊ค ซึ่งทุกฝ่ายเข้าใจถึงสภาพจิตใจของประชาชนคนไทยในขณะนี้ ซึ่งเมื่อพบข้อความที่หมิ่นสถาบัน ก็เร่งปิดให้ทันที  ซึ่งขณะนี้ พบว่ามีเว็บที่หมิ่นสถาบันในต่างประเทศราว 4 ราย ทั้งนี้ จึงอยากให้ประชาชนมั่นใจและอย่าเป็นเครื่องมือในการเผยแพร่ ถ้าพบข้อความไม่เหมาะสมก็ไม่ควรกดไลค์ให้ลบทันที และไม่ควรเผยแพร่ออกไป.
 ... อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/it/530988

http://www.dailynews.co.th/it/530988

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.