Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

04 มกราคม 2555 TOT เพยแผนการตลาด++ ใหเลูกค้าเดิมทดลอง 3G โดยแจกซิมFREE // ยกเลิกชุมสายเก่าเป็น Wireless

TOT เพยแผนการตลาด++ ใหเลูกค้าเดิมทดลอง 3G โดยแจกซิมFREE // ยกเลิกชุมสายเก่าเป็น Wireless


ประเด็นหลัก

***แผนการตลาดทีโอที ปี55

ในส่วนของแผนการตลาดในปี 55 ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ท้าทาย ในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กร โดยเฉพาะทีโอที 3G คาดว่าจะมีการเติบโตถึง 2 ล้านเลขหมาย และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทางสาย (ADSL) อีก 5แสนเลขหมาย และการเติบโต Wi-Fi ตามสถานที่ต่างๆทั่วประเทศ

โดยล่าสุดมีการปรับแผนการตลาด เปลี่ยนมาให้ลูกค้าได้ทดลองใช้บริการ 3G ก่อนโดยการแจกซิมการ์ด 3 แสนเลขหมาย แบ่งเป็น ระบบเติมเงิน และระบบรายเดือน เพื่อให้ลูกค้าทดลองใช้ จำนวน 2 แสนเลขหมาย แบ่งเป็นเขตนครหลวงจำนวน 1 แสนเลขหมาย ภูมิภาคจำนวน 9 หมื่นเลขหมาย และในส่วน MVNO อีกประมาณ 1 แสนเลขหมาย อีกทั้งจะเน้นทำแผนการตลาดในด้านแอปพลิเคชัน และคอนเทนต์ให้มากขึ้นในปี 55 เพื่อรองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มสูงขึ้นไม่ว่าจะเป็น 3G หรือ Wi-Fi ก็ตาม



นอกจากนี้แผนการลงทุนเพิ่มเติมที่ทีโอทีกำลัง ศึกษาอยู่คือโครงการขยายสถานีฐานทีโอที 3G เพิ่มให้มากขึ้น หลังจากติดตั้งสถานีฐานครบ 5,320 แห่งในเดือน พ.ค.55 ซึ่งในตอนนี้อยู่ระหว่างศึกษาแผนการขยายสถานีฐานดังกล่าว โดยจะต้องแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ค.55 เพื่อเป็นการต่อเนื่องกับโครงการขยายสถานีฐานทีโอที 3G ต่อไป โดยตั้งเป้าจะมีสถานีฐานให้ได้ 20,000 ไซต์เพื่อที่จะให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

'คงต้องศึกษาในเรื่องงบประมาณในการลงทุน การหาแหล่งเงินทุน และว่าที่ลูกค้าในอนาคตคือใคร เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามทีโอที 3G มีแนวทางในการทำตลาดในลักษณะการขายส่งเป็นหลักซึ่งเป็นไปตามมติครม.'

สำหรับการยกเลิกชุมสายเดิมที่มีอายุการใช้งานมานานจนหมดสภาพนั้นทางทีโอที มองว่า อาจจะใช้โอกาสช่วงยกเลิกชุมสายเก่ามาเป็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่เทคโนโลยีระบบ เครือข่ายไร้สาย(Wireless)ให้มากขึ้น เนื่องจากเป็นเทรนด์ของโลกที่กำลังก้าวไป


__________________________________________________________

เปิดมุมมอง 'อานนท์' ภาพรวมธุรกิจทีโอที ปี 55



อานนท์ ทับเที่ยง กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทีโอที ลั่นปี 55 จะเป็นผู้ขับเคลื่อนนโยบายของรัฐไปสู่สมาร์ทไทยแลนด์ พร้อมเดินหน้าเปิดบริการ 3G ที่สมบูรณ์แบบทั่วประเทศภายในเดือน พ.ค. เตรียมจัดเวิร์กชอปลดความซ้ำซ้อนการลงทุนเดือน ม.ค.และก้าวไปสู่ยุค FTTH - NGN เชื่อทุกอย่างจะส่งผลให้ธุรกิจทีโอทีอยู่รอดได้แม้ไม่มีรายได้จากสัญญาสัป ทานก็ตาม

นายอานนท์ ทับเที่ยง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที กล่าวถึงการเปิดให้บริการโทรศัพท์มือถือ 3G ว่า ในปี 2555 ยังคงมั่นใจ 100% ว่าแผนทั้งหมดที่เคยตั้งเป้าไว้ จะสามารถเสร็จตามกำหนดอย่างแน่นอน คือในวันที่ 18 พ.ค. 2555 จะสามารถเปิดบริการได้ครอบคลุมทั่วประเทศด้วยจำนวนสถานีฐาน 5,320 แห่ง

ทั้งนี้ก่อนจะไปถึงจุดดังกล่าวช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดคือทีโอทีจะต้องสามารถ ติดตั้งสถานีฐานให้ได้ 3,458 สถานีฐานภายในเดือน ก.พ. 55 เพื่อที่จะเปิดให้บริการใน 18 จังหวัด ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ระยอง ชลบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต นครราชสีมา อุบลราชธานี อุดรธานี ขอนแก่น หนองคาย เชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก และลำปาง

'ล่าสุดที่บอร์ดทีโอทีมีมติให้ทำโครงข่ายร่วม(โคไซต์)กับเอไอเอส ซึ่งเป็นสัญญาณชี้ชัดว่าโครงการทีโอที 3G ทั่วประเทศจะต้องเสร็จตามกำหนดเดิมแน่นอน ในตอนนี้ทีโอทีมีการทำโคไซต์อยู่ประมาณกว่า 2,000 สถานีฐานโดยเป็นการโคไซต์กับเอไอเอสมากที่สุด'

ขณะที่ภายหลังเปิดการให้บริการทีโอที 3G ทั่วประเทศในเดือนพ.ค. 55 ทีโอทีจะเดินหน้าเปิดให้เอกชนเช่าใช้โครงข่ายเพื่อทำการตลาดหรือMVNO ทันที โดยในตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการร่างแผนหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกเงื่อนไข คุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ามาเป็น MVNO โดยไม่จำกัดว่าเป็นรายเล็กหรือรายใหญ่

'มองว่าการเปิด MVNO จะทำให้ตลาดโทรคมนาคมไทยในปี 55 เกิดผู้เล่นหน้าใหม่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรายเล็ก หรือรายใหญ่ ส่งผลให้ตลาด 3G ในประเทศเติบโตแบบก้าวกระโดด เนื่องจากจะต้องมีการทำตลาด 3G ตั้งแต่ระดับคอนซูมเมอร์ จนถึงระดับลูกค้าไฮเอนด์'

นอกจากนี้ยังเป็นแรงผลักดันให้นโยบายของกระทรวงไอซีทีในการพัฒนาการให้ บริการบรอดแบนด์กับประชาชน โดยจะต้องขยายการให้บริการให้ครอบคลุมประชากรได้ไม่น้อยกว่า 80%-85% ทั่วประเทศเป็นจริงยิ่งขึ้น และยังเป็นการขับเคลื่อนไปสู่สมาร์ทไทยแลนด์ตามแผนไอซีทีแห่งชาติปี 2020 ในการกระจายดิจิตอลลงสู่ท้องถิ่น

***ภาพรวมตลาด 3G ปี 55

นายอานนท์ กล่าวว่า ตลาด 3G ในประเทศไทยปี 55 มองว่าจะมีการแข่งขันที่ดุเดือดอย่างแน่นอน เนื่องจากในช่วงไม่เกินปลายปี 55 คาดว่าทางคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะเปิดให้มีการประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่ 2.1 GHz หรือโทรศัพท์มือถือระบบ 3G ขึ้น ซึ่งจะทำให้โอเปอร์เรเตอร์เอกชนในตลาดโทรคมนาคมต่างก้าวเข้ามาประมูลเพื่อ ให้ได้ใบอนุญาตในการทำ 3G บนคลื่นความถี่ใหม่ ไม่ว่าจะเป็น เอไอเอส ดีแทค และทรูมูฟ อีกทั้งในอนาคตอันใกล้จะมีการเปิดการค้าเสรีขึ้นในประเทศด้วย ซึ่งจาก 2 ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ตลาด 3G ในประเทศเติบโตแบบก้าวกระโดด

อย่างไรก็ตามทีโอทีมีการวางแผนรับมือเรื่องดังกล่าวไว้ก่อนหน้านี้แล้วโดยชู จุดเด่นของการให้บริการทีโอที 3G ในลักษณะคอนเวอร์เจนซ์กับฟิกไลน์ และยังมีพันธมิตรในรูปแบบMVNO รวมไปถึงการใช้โครงข่ายร่วม (โรมมิ่ง)กับ เอไอเอส

ขณะที่แผน MVNO ทีโอที 3G นั้นจะเปิดกว้างให้ทุกบริษัทที่สนใจเข้าร่วมประมูลไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนาด เล็ก หรือบริษัทขนาดใหญ่ โดยจะยืนพื้น 5 รายเดิม คือ บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น, ล็อกซเล่ย์, เอ็มคอนเซาท์, 365 คอมมูนิเคชั่น และ ไออีซี

โดยขณะนี้ ทีโอที ต้องรอให้ฝ่ายบริหารเสนอกรอบการพิจารณา MVNO มาใหม่อีกครั้ง ว่าจะต้องมีวิธีการคัดเลือก และการยื่นข้อเสนออย่างไร คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ทั้งนี้เชื่อว่าจะสามารถเปิดประมูลได้ในช่วงเดือน เม.ย. 55 เพื่อจะได้มารองรับการให้บริการ MVNOทั้ง 5 รายที่ได้ทำ MOU ก่อนจะหมดสัญญา และก่อนติดตั้งสถานีฐานครบที่ตั้งเป้าไวเพื่อให้ทั้ง 5 รายเดิมได้เตรียมระบบหลังบ้านในการรองรับบริการ 3G ทั่วประเทศ

'ทีโอทีจะเป็นเสมือนตัวขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลไปสู่สมาร์ทไทยแลนด์ โดยเฉพาะการผลักดันให้ประชากรในประเทศสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ได้ 80% ของจำนวนประชากรทั้งหมดในประเทศภายในปี 2558'

***แผนการตลาดทีโอที ปี55

ในส่วนของแผนการตลาดในปี 55 ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ท้าทาย ในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กร โดยเฉพาะทีโอที 3G คาดว่าจะมีการเติบโตถึง 2 ล้านเลขหมาย และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทางสาย (ADSL) อีก 5แสนเลขหมาย และการเติบโต Wi-Fi ตามสถานที่ต่างๆทั่วประเทศ

โดยล่าสุดมีการปรับแผนการตลาด เปลี่ยนมาให้ลูกค้าได้ทดลองใช้บริการ 3G ก่อนโดยการแจกซิมการ์ด 3 แสนเลขหมาย แบ่งเป็น ระบบเติมเงิน และระบบรายเดือน เพื่อให้ลูกค้าทดลองใช้ จำนวน 2 แสนเลขหมาย แบ่งเป็นเขตนครหลวงจำนวน 1 แสนเลขหมาย ภูมิภาคจำนวน 9 หมื่นเลขหมาย และในส่วน MVNO อีกประมาณ 1 แสนเลขหมาย อีกทั้งจะเน้นทำแผนการตลาดในด้านแอปพลิเคชัน และคอนเทนต์ให้มากขึ้นในปี 55 เพื่อรองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มสูงขึ้นไม่ว่าจะเป็น 3G หรือ Wi-Fi ก็ตาม

***เวิร์กช็อปลดความซ้ำซ้อน

นายอานนท์ กล่าวว่า ในปี 55 เรื่องสำคัญอีกอย่างคือภายหลังที่น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที ได้สั่งการให้ ทีโอที และบริษัท กสท โทรคมนาคม หารือกันในเรื่องการลดความซ้ำซ้อนในการทำธุรกิจเพื่อให้เป็นไปตามแผนงานที่ กระทรวงวางไว้ เพราะปัจจุบันมีธุรกิจหลายประเภทที่ทั้ง 2 หน่วยงานยังคงแข่งขันกันทำตลาดอยู่ทั้งๆที่เป็นหน่วยงานใต้สังกัดเดียวกัน อาทิ Wi-Fi และโครงข่าย 3G เป็นต้น

ล่าสุดคณะกรรมการประสานงานร่วมได้มีการตกลงให้ภายในเดือน ม.ค. 2555 มีการจัดทำเวิร์กช็อปร่วมกันระหว่างผู้บริหารระดับสูง และบอร์ดของทั้ง 2 หน่วยงานเพื่อกำหนดบทบาทร่วมกันว่าทีโอที กับกสท ใครจะทำอะไรเพื่อไม่ให้เกิดการลงทุนซ้ำซ้อนขึ้นอีก ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของทั้ง 2 องค์กรที่จะมีการจัดเวิร์กชอปร่วมกัน

ทั้งนี้แนวทางดำเนินการดังกล่าวทางทีโอทีจะนำแนวทางที่รมว.ไอซีทีเคยได้ให้ ไว้ก่อนหน้านี้ คือให้ ทีโอที ทำธุรกิจเกี่ยวกับคอร์เน็ตเวิร์กทั้งหมด และเป็นผู้ให้บริการโครงข่าย(เน็ตเวิร์กโพรวายเดอร์) เนื่องจากเล็งเห็นว่ามีเน็ตเวิร์กทั่วประเทศอยู่ก่อนแล้ว ขณะที่กสท ควรจะทำธุรกิจคลาวด์ และดาต้าเซ็นเตอร์

***แผนลงทุนเพิ่มเติมในปี 55

สำหรับแผนการลงทุนเพิ่มเติมในปี 55 ของทีโอที มีแผนงานในส่วนของการลงทุนโครงการ Next generation network (NGN) ซึ่งจะต้องกลับมาทบทวนอีกครั้งเพราะเทคโนโลยี และสภาพแวดล้อมภายในประเทศมีการเปลี่ยนแปลงไป โดยในเบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบประมาณ 13,900 ล้านบาท โดยแบ่งโครงการออกเป็น 2 ส่วน คือ การหาโครงข่ายมาทดแทนระบบเดิม และสร้างโครงข่ายใหม่ให้เป็น NGN

รวมไปถึงการยกเลิกชุมสายเดิมที่มีอายุการใช้งานมานานจนหมดสภาพ หรือที่มีอายุการใช้งานเกิน 20 ปีแล้วโดยใช้งบประมาณ 2,000 กว่าล้านบาท และการลงทุน Fiber to the home หรือ FTTH จำนวน 470,000 เลขหมาย ใช้งบประมาณในการลงทุนสูงถึง 11,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเริ่มต้นดำเนินการได้ภายในปี 55 ทั้งนี้โครงการดังกล่าวถือเป็นโครงการใหญ่ดังนั้นจึงจำเป็นต้องนำเสนอต่อที่ ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติก่อนจะดำเนินการต่อไปได้

นอกจากนี้แผนการลงทุนเพิ่มเติมที่ทีโอทีกำลังศึกษาอยู่คือโครงการขยายสถานี ฐานทีโอที 3G เพิ่มให้มากขึ้น หลังจากติดตั้งสถานีฐานครบ 5,320 แห่งในเดือน พ.ค.55 ซึ่งในตอนนี้อยู่ระหว่างศึกษาแผนการขยายสถานีฐานดังกล่าว โดยจะต้องแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ค.55 เพื่อเป็นการต่อเนื่องกับโครงการขยายสถานีฐานทีโอที 3G ต่อไป โดยตั้งเป้าจะมีสถานีฐานให้ได้ 20,000 ไซต์เพื่อที่จะให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

'คงต้องศึกษาในเรื่องงบประมาณในการลงทุน การหาแหล่งเงินทุน และว่าที่ลูกค้าในอนาคตคือใคร เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามทีโอที 3G มีแนวทางในการทำตลาดในลักษณะการขายส่งเป็นหลักซึ่งเป็นไปตามมติครม.'

สำหรับการยกเลิกชุมสายเดิมที่มีอายุการใช้งานมานานจนหมดสภาพนั้นทางทีโอที มองว่า อาจจะใช้โอกาสช่วงยกเลิกชุมสายเก่ามาเป็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่เทคโนโลยีระบบ เครือข่ายไร้สาย(Wireless)ให้มากขึ้น เนื่องจากเป็นเทรนด์ของโลกที่กำลังก้าวไป

ส่วนกรณีที่ในปัจจุบันการใช้โทรศัพท์พื้นฐานตามบ้านมีไม่มากนักทั้งการ โทร.เข้า โทร.ออก ส่งผลให้รายได้ในส่วนดังกล่าวมีน้อยมาก เนื่องจากส่วนใหญ่จะใช้โทรศัพท์มือถือในการติดต่อเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นทีโอทีจะไม่เปลี่ยนไปสู่ยุค 3G ให้มากขึ้น หรือเทคโนโลยีอื่นๆแทนชุมสายเดิมที่ใช้มานานมากแล้ว นอกจากนี้ชุมสายเดิมที่ทำจากสายทองแดงของทีโอทีในแต่ละปีมีการลักขโมยสายทอง แดงไปขายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท

***ทิศทางบรอดแบนด์ในปี 55

ทิศทางธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบนด์) ในปี 2555 ของทีโอทีนั้น จะเป็นการก้าวกระโดดไปสู่ยุคของ Fiber to the home หรือ FTTH เนื่องจากความต้องการของประชาชนในการทำงาน ในการครองชีพ และไลฟ์สไตล์ต้องการใช้บรอดแบนด์ที่มีแบนด์วิธที่สูงขึ้น เพราะฉะนั้นบรอดแบนด์ของทีโอทีทั้งไร้สายอาทิ Wi-Fi และ 3G รวมทั้งระบบมีสายอย่าง ADSL จะผลักดันให้ FTTH เติบโตอย่างมากในปี 2555เช่นเดียวกัน

โดยตลาดบรอดแบนด์ในปี 2555จะแข่งขันกันในเรื่องความเร็ว ความแรง และเรื่องของคุณภาพเป็นหลัก รวมไปถึงคอนเทนต์ และแอปพลิเคชัน ซึ่งรายได้ที่สามารถนำเสนอเป็นโซลูชันได้ก็จะมีศักยภาพที่เหนือกว่าคู่แข่ง รายอื่นๆ

ดังนั้นในปี 55 นี้ ทีโอทีจะเน้นเรื่องคอนเทนต์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งล่าสุดบอร์ดได้มอบหมายให้สรรหาบุคคลกรที่มีความรู้ในด้านดังกล่าวเข้ามา พัฒนาคอนเทนต์ให้กับทีโอทีโดยเฉพาะ ซึ่งอาจมีรูปแบบลักษณะเป็นศูนย์บ่มเพาะ เป็นต้น โดยทีโอทีเปิดโอกาสให้กับทุกคนที่มีความรู้ความสามารถในการพัฒนาแอปพลิเคชัน หรือด้านคอนเทนต์เข้ามาช่วยกันพัฒนา

***แผนรับมือหลังหมดรายได้สัมปทาน

นับตั้งแต่ปี 2557 ทีโอทีจะสูญเสียรายได้ในส่วนของสัญญาสัมปทานโทรศัพท์มือถือที่เคยได้ปีละไม่ ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากสัมปทานดังกล่าวจะต้องส่งเป็นรายได้แผ่นดินตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ.2553 (พ.ร.บ.กสทช.)

ดังนั้นทีโอทีจึงต้องหาแนวทางในการรองรับโดยการมองหาธุรกิจที่จะเข้ามาทดแทน รายได้ที่สูญเสียไป โดยจะเน้นหนักในเรื่องการให้บริการทีโอที 3G มาช่วยรองรับรายได้ส่วนหนึ่งประมาณ 10,000 ล้านบาท และรายได้จาก FTTX, ธุรกิจคอนเทนต์ แลโซลูชั่นต่างๆในส่วนที่เหลือซึ่งเชื่อว่าจะสามารถทดแทนรายได้ที่หายไปได้ อย่างแน่นอน

'เราไม่กังวลหลังหากหมดรายได้จากสัญญาสัมปทานโทรศัพท์มือถือในปี 2557 แต่ก็ไม่ชะล่าใจโดยจะหารายได้ในส่วนอื่นๆเข้ามาทดแทน ซึ่งพระเอกในงานนี้เห็นจะหนีไม่พ้น ทีโอที 3G อย่างแน่นอน'

***ธุรกิจ Wi-Fi โตเท่าตัว

ธุรกิจในกลุ่มบริการอินเทอร์ความเร็วสูงไร้สาย (Wi-Fi) ในปี 54 ที่ผ่านมา ทีโอทีมีการลงทุนไปกว่า 100 ล้านบาทเพื่อขยายพื้นที่ให้บริการ โดยปัจจุบันทีโอทีมีพื้นที่ให้บริการ Wi-Fi ประมาณ 15,000-20,000 จุดทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าไว้ในปี 55 จะขยายเพิ่มรวมเป็น 50,000 จุดทั่วประเทศ

นอกจากนี้ยังตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจ Wi-Fi ในส่วนของการขายบัตรเติม และบริการรายเดือนในปี 54ไว้ที่ 50 ล้านบาท ขณะที่ในปี 55ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 100 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าในอนาคตจะมียอดขายเพิ่มขึ้นทุกปีภายหลังทีโอทีประกาศทำธุรกิจใน ลักษณะคอนเวอร์เจนซ์


ASTV ผู้จัดการ
http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9550000000879


ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.