Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

25 มีนาคม 2556 (แก้ CAT TRUEผ่านไป268วันแล้ว) ฐากร ให้ กทค.อ่านก่อน 7วันสัปดาห์หน้าฟันเอง // ฐากรเห็นต่างจากคณะสอบบีเอฟเคที


ประเด็นหลัก



 สำหรับความคิดเห็นในส่วนของเลขาธิการซึ่งเป็นหนึ่งในข้อมูลเพิ่มเติมที่บอร์ด กทค.ให้คณะทำงานกลับไปรวบรวมใหม่นั้น ได้ระบุว่าตนมีความเห็นต่างจากความเห็นของคณะทำงานฯบีเอฟเคทีในประเด็นใหญ่ๆ หลายส่วน เนื่องจากคณะทำงานมองเพียงประเด็นเดียวในการตรวจสอบ
     
       “ในตอนนี้ผมไม่สามารถเปิดเผยความคิดเห็นส่วนตัวได้ เพราะต้องรอเข้าบอร์ด กทค.ก่อน แต่พูดได้เพียงว่าไม่สอดคล้องกับคณะทำงานบีเอฟเคทีแน่นอน ดังนั้นคงต้องรอเพียงมติบอร์ด กทค.ว่าจะเลือกเชื่อใคร”
     
       ก่อนหน้านี้ บอร์ด กทค.สั่งให้คณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเกี่ยวกับการดำเนินกิจการของบริษัท บีเอฟเคที (ประเทศไทย) จำกัด สอบในประเด็นกรณีการทำสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการโทรศัพท์มือถือรูปแบบใหม่บนคลื่นความถี่ 850 MHz กับบริษัท กสท โทรคมนาคม ว่าเข้าข่ายเป็นการกระทำผิดตามมาตรา 67 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 หรือไม่ (ประกอบการโดยไม่มีใบอนุญาต)
     
     ทั้งนี้ การสอบสวนข้อเท็จจริงบีเอฟเคทีนั้น บอร์ดกทค.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเกี่ยวกับการดำเนินกิจการของบีเอฟเคที กรณีการทำสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการโทรศัพท์มือถือรูปแบบใหม่บน คลื่นความถี่ 850 MHz กับบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ว่า เป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมตาม 67 พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 หรือไม่ และได้รับอนุญาตหรือไม่ โดยการทำสัญญาทรูกับกสท เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 ม.ค.2554 ที่ผ่านมา และได้มีการยื่นฟ้องร้องในหลายประเด็น ซึ่งบอร์ดกทค.ก็ได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาพิจารณาดังกล่าวเช่นกัน












_________________________________________



“ฐากร” ยันเห็นต่างจากคณะสอบบีเอฟเคที โยนลูกให้ กทค.ฟันธงเอง


       “ฐากร” ระบุความเห็นส่วนตัวไม่สอดคล้องผลสอบคณะทำงานฯ บีเอฟเคที เป็นหน้าที่บอร์ด กทค.ตัดสินว่าจะเลือกเชื่อใครภายในสัปดาห์หน้า ส่วนกรณีไอโฟน 5 ระเบิดส่งเครื่องไปให้บริษัท Exponent สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นที่ปรึกษาอิสระที่มีความเชี่ยวชาญทางเทคนิคในการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ ก่อนส่งผลพร้อมเครื่องที่ระเบิดให้สำนักงาน กสทช.ตรวจซ้ำอีกรอบ
     
       นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมาตนได้ส่งรายงานผลสอบและข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมทั้งความคิดเห็นส่วนตัวให้กับคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) แล้ว ซึ่งขั้นตอนต่อไปบอร์ด กทค.จะใช้เวลาในการอ่านผลสรุปดังกล่าวประมาณ 7 วัน จากนั้นจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมบอร์ด กทค.ภายในสัปดาห์หน้าเพื่อพิจารณาต่อไป
     
       สำหรับความคิดเห็นในส่วนของเลขาธิการซึ่งเป็นหนึ่งในข้อมูลเพิ่มเติมที่บอร์ด กทค.ให้คณะทำงานกลับไปรวบรวมใหม่นั้น ได้ระบุว่าตนมีความเห็นต่างจากความเห็นของคณะทำงานฯบีเอฟเคทีในประเด็นใหญ่ๆ หลายส่วน เนื่องจากคณะทำงานมองเพียงประเด็นเดียวในการตรวจสอบ
     
       “ในตอนนี้ผมไม่สามารถเปิดเผยความคิดเห็นส่วนตัวได้ เพราะต้องรอเข้าบอร์ด กทค.ก่อน แต่พูดได้เพียงว่าไม่สอดคล้องกับคณะทำงานบีเอฟเคทีแน่นอน ดังนั้นคงต้องรอเพียงมติบอร์ด กทค.ว่าจะเลือกเชื่อใคร”
     
       ก่อนหน้านี้ บอร์ด กทค.สั่งให้คณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเกี่ยวกับการดำเนินกิจการของบริษัท บีเอฟเคที (ประเทศไทย) จำกัด สอบในประเด็นกรณีการทำสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการโทรศัพท์มือถือรูปแบบใหม่บนคลื่นความถี่ 850 MHz กับบริษัท กสท โทรคมนาคม ว่าเข้าข่ายเป็นการกระทำผิดตามมาตรา 67 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 หรือไม่ (ประกอบการโดยไม่มีใบอนุญาต)
     
       นายฐากรกล่าวอีกว่า จากที่คณะกรรมการบริหารกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ ได้เปิดให้มีการยื่นขอรับการส่งเสริมและสนับสนุนเงินกองทุนตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค. - 28 ก.พ. 56 ที่ผ่านมานั้น ปรากฏว่าในตอนนี้มีผู้ยื่นขอรับเงินจากกองทุนจำนวน 223 โครงการ วงเงิน 2,635.45 ล้านบาท แบ่งเป็นกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ 138 โครงการ วงเงิน 1,269.37 ล้านบาท และกิจการโทรคมนาคม 85 โครงการ วงเงิน 1,366.08 ล้านบาท
     
       “เบื้องต้นจะมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการดังกล่าวภายใน 1-2 สัปดาห์เพื่อเสนอให้คณะกรรมการกองทุนเพิจารณาอนุมัติต่อไป”
     
       ปัจจุบันสถานะกองทุนมีเงินอยู่ราว 9,400 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่โอนมาจากกองทุนเพื่อการพัฒนากิจการโทรคมนาคม 3,400 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมใบอนุญาต 3.5% ซึ่งใบอนุญาตกิจการโทรคมนาคมมียอดตั้งแต่ปี 54-55 อีก 6,000 ล้านบาท
     
       สำหรับการใช้เงินจากกองทุนดังกล่าวนั้นแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกจะเป็นเงินสนับสนุนให้กับหน่วยงานของรัฐ สถานศึกษา สมาคม มูลนิธิ และนิติบุคคลที่ประสงค์ประกอบกิจการเพื่อประโยชน์สาธารณะโดยไม่แสวงหากำไรทางธุรกิจ ที่ได้ยื่นขอสนับสนุนเงินจากกองทุนฯ ในวงเงิน 3,400 ล้านบาท ส่วนอีก 6,000 ล้านบาท จะเป็นเงินที่นำมาใช้ในการกองทุนเพื่อการให้บริการโทรคมนาคมอย่างทั่วถึง ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอน โดยเปิดให้มีการเสนอประกวดราคาในแต่ละพื้นที่ให้เป็นไปตามเงื่อนไขจะให้บริการโทรคมนาคมอย่างทั่วถึง
     
       ขณะเดียวกัน กรณีไอโฟน 5 ระเบิดเมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น ล่าสุดสำนักงาน กสทช.ได้อนุญาติให้บริษัท ไวร์เลส ดีไวซ์ ซัพพลาย จำกัด หรือ WDS ซึ่งเป็นผู้นำเข้าโทรศัทพ์จากบริษัท แอปเปิ้ล เซาท์ เอเชีย (ประเทศไทย) นำเครื่องไอโฟน 5 ที่มีปัญหานำส่งไปให้บริษัท Exponent สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นที่ปรึกษาอิสระที่มีความเชี่ยวชาญทางเทคนิคในการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากสำนักงานไม่สามารถเปิดเครื่องไอโฟน 5 ดังกล่าวได้ และเมื่อบริษัทที่ปรึกษาดำเนินการแล้วเสร็จให้ส่งผลรายงานให้กับสำนักงาน กสทช.พร้อมตัวเครื่องที่มีปัญหา จากนั้นสำนักงาน กสทช.จะดำเนินการตรวจสอบซ้ำอีกรอบหนึ่งด้วย
     
       ส่วนเรื่องการเยียวยาให้กับผู้บริโภคเจ้าของโทรศัพท์เครื่องที่มีปัญหานั้น แม้ทางบริษัท WDS จะให้เครื่องใหม่ก็ตามแต่สำนักงาน กสทช.มองว่าควรที่จะมีการเยียวยาตามมาโดยสำนักงานจะเป็นคนกลางในการเจรจากับทางบริษัท และผู้บริโภค ซึ่งหากตกลงกันได้ขั้นตอนต่างๆ ก็จะยุติทันที แต่หากตกลงกันไม่ได้ก็จะเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องต่อไป รวมไปถึงค่าเสียโอกาส อาทิ ค่าเดินทางของผู้บริโภคคนดังกล่าวด้วย

http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9560000036182

_______________________________________



เลขาฯกสทช.ร่อนความเห็นสอบ'บีเอฟเคที'
หน้าหลัก » เศรษฐกิจ

“ฐากร” ร่อนความเห็นสอบบีเอฟเคทีถึงมือประธานบอร์ดกทค. ใช้อ่าน 7 วันก่อนชงบอร์ดกทค.พิจารณา เผยคนแห่ใช้เงินกองทุนทะลุ 2,600 ล้านบาท...

เมื่อวันที่ 25 มี.ค.2556 นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ได้ส่งรายงานความเห็นเกี่ยวกับกรณีบริษัท บีเอฟเคที (ประเทศไทย) จำกัด ให้ พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานกสทช.และประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) แล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยบอร์ดกทค.จะใช้เวลาในการพิจารณา 7 วันและหลังจากนั้นจึงจะนำเข้าสู่วาระการประชุมบอร์ดกทค. เพื่อพิจารณาในต้นเดือนเม.ย.56 นี้

“ผมไม่สามารถเปิดเผยความเห็นส่วนตัวได้ เพราะต้องรอให้บอร์ดกทค.พิจารณาก่อน เบื้องต้นความเห็นของผมไม่สอดคล้องกับคณะอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริงบีเอฟเคที ฉะนั้นต้องรอผลการประชุมบอร์ดกทค.ว่าจะเลือกความเห็นใด ขณะเดียวกันบอร์ดกทค.ก็ต้องเสนอความเห็นด้วย”

ทั้งนี้ การสอบสวนข้อเท็จจริงบีเอฟเคทีนั้น บอร์ดกทค.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเกี่ยวกับการดำเนินกิจการของบีเอฟเคที กรณีการทำสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการโทรศัพท์มือถือรูปแบบใหม่บน คลื่นความถี่ 850 MHz กับบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ว่า เป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมตาม 67 พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 หรือไม่ และได้รับอนุญาตหรือไม่ โดยการทำสัญญาทรูกับกสท เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 ม.ค.2554 ที่ผ่านมา และได้มีการยื่นฟ้องร้องในหลายประเด็น ซึ่งบอร์ดกทค.ก็ได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาพิจารณาดังกล่าวเช่นกัน

นายฐากร กล่าวต่อว่า จากที่คณะกรรมการบริหารกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ ได้เปิดให้มีการยื่นขอรับการส่งเสริมและสนับสนุนเงินกองทุนตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค.-28 ก.พ. 56 ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีผู้ยื่นขอรับเงินจากกองทุน จำนวน 223 โครงการ วงเงิน 2,635.45 ล้านบาท แบ่งเป็นกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ 138 โครงการ วงเงิน 1,269.37 ล้านบาท กิจการโทรคมนาคม 85 โครงการ วงเงิน 1,366.08 ล้านบาท โดยจะแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกลั่นกรองภายใน 1-2 สัปดาห์เพื่อเสนอให้คณะกรรมการกองทุนพิจารณาอนุมัติต่อไป

สำหรับสถานะกองทุนในปัจจุบันมีเงิน 9,400 ล้านบาท โดยเป็นเงินที่โอนมาจากกองทุนเพื่อการพัฒนากิจการโทรคมนาคม 3,400 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมใบอนุญาต 3.5% สำหรับใบอนุญาตกิจการโทรคมนาคม เมื่อปี 2554-2555 อีก 6,000 ล้านบาท โดยการใช้เงินจากกองทุนนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกจะเป็นเงินสนับสนุนให้กับหน่วยงานของรัฐ สถานศึกษา สมาคม มูลนิธิ และนิติบุคคลที่ประสงค์ประกอบกิจการเพื่อประโยชน์สาธารณะโดยไม่แสวงหากำไร ทางธุรกิจ ที่ได้ยื่นขอสนับสนุนเงินจากกองทุนฯ ในวงเงิน 3,400 ล้านบาท ส่วนอีก 6,000 ล้านบาท จะเป็นเงินที่นำมาใช้ในการกองทุนเพื่อการให้บริการโทรคมนาคมอย่างทั่วถึง ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอน โดยเปิดให้มีการเสนอประกวดราคาในแต่ละพื้นที่ว่า เป็นตามเงื่อนไขจะให้บริการโทรคมนาคมอย่างทั่วถึง.

โดย: ทีมข่าวเศรษฐกิจ
http://m.thairath.co.th/content/eco/334775

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.