Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

4 เมษายน 2556 ข่าวค่ำ!! TECHTVTHAILAND โทรคมนาคมและการสือสาร 3 ข่าวเด่น ประจำวันที่ 04/04/2556 By So Magawn ( โส มกร )

ข่าวค่ำ!! TECHTVTHAILAND โทรคมนาคมและการสือสาร 3 ข่าวเด่น ประจำวันที่ 04/04/2556 By So Magawn ( โส มกร )(งดรูป1วัน)

1.... รายงานข่าวDTACนำเข้าอุปกรณ์3G2100 เมื่อสป.ที่แล้ว1000 สถานีฐาน// โม้UPอุปกรณ์ได้ทันที่300 สถานีต่อสัปดาห์
2.... หมอลี่เดินหน้ามุกใหม่!! SMS กวนใจปรับค่ายมือถือ 100000บาท // ศาลปกครองยกฟ้อง!!! AIS TRUE ชี้กสทช.มีสิทธิปรับวันละ100000บาทถือว่าเป็นนเครื่องมือในการบริหารบริการสาธารณะ
3.... (แก้ CAT TRUEผ่านไป278วันแล้ว) กทค.เตรียมฟ้อกผิด TRUE H (BFTK) พรุ่งนี้++ล่าสุดจากรายงานพบ!!BFTKผิดแต่ไม่เจตนา

หมอลี่เดินหน้ามุกใหม่!! SMS กวนใจปรับค่ายมือถือ 100000บาท // ศาลปกครองยกฟ้อง!!! AIS TRUE ชี้กสทช.มีสิทธิปรับวันละ100000บาทถือว่าเป็นนเครื่องมือในการบริหารบริการสาธารณะ

ประเด็นหลัก

สำหรับการดำเนินการเพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคนั้น ในส่วนมาตรการทางปกครองกรณีผู้ให้บริการ ซึ่งเป็นผู้รับใบอนุญาตหากมีการกระทำอันเข้าลักษณะเป็นการใช้เครือข่ายหรือการโฆษณาก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้ใช้บริการแล้ว กสทช. มีอำนาจสั่งระงับการดำเนินการได้ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับทางปกครองไม่เกิน 5 ล้านบาท และปรับอีกวันละไม่เกิน 1 แสนบาท ตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฎิบัติตามคำสั่ง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำหลักเกณฑ์ในส่วนรายละเอียดว่าการกระทำใดบ้างที่เข้าลักษณะดังกล่าว แต่แม้ว่ายังไม่ได้มีหลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นกฎใช้บังคับทั่วไป แต่ กสทช.ก็มีอำนาจตามที่กฎหมายกำหนดในการออกคำสั่งทางปกครองเฉพาะรายเพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคได้

น.พ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชนเปิดเผยถึงกรณีที่สำนักงาน กสทช. ได้มีคำสั่งปรับผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืนข้อกำหนดการห้ามผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบเรียกเก็บค่าบริการล่วงหน้า (แบบ pre-paid) กำหนดการใช้บริการในลักษณะบังคับให้เร่งใช้บริการ ในอัตราวันละ 100,000 บาท ซึ่งปรากฏว่ามีผู้ให้บริการอย่างน้อย 2 ราย คือ บริษัท ทรูมูฟ จำกัด และ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ฟ้องคดีต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว รวมทั้งขอทุเลาการบังคับตามคำสั่ง โดยล่าสุดศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งออกมาแล้วในคดีที่ เอไอเอส เป็นผู้ฟ้อง โดยศาลสั่งยกคำขอของ เอไอเอสและชี้ว่า มาตรการกำหนดค่าปรับทางปกครองของสำนักงาน กสทช. นั้นเป็นเครื่องมือในการบริหารบริการสาธารณะด้านโทรคมนาคม

“คำสั่งนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกับคำสั่งในคดีที่ทรูมูฟฟ้องร้องซึ่งศาลปกครองกลางได้ตัดสินตั้งแต่เมื่อช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2555 ว่า คำสั่งปรับของ เลขาธิการ กสทช.ได้กระทำโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายโดยชอบแล้ว ดังนั้น ผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือจึงไม่มีข้ออ้างที่จะยื้อเวลาการจ่ายค่าปรับออกไป ขณะเดียวกันสำนักงาน กสทช. ก็ควรต้องเร่งบังคับอย่างจริงจังให้ได้ค่าปรับที่เป็นตัวเงินจริงๆ มาเสียที ไม่ใช่แค่ปรับลม เพราะนับจากที่ได้แจ้งปรับไป เวลาก็ล่วงเลยมากว่า 10 เดือนแล้ว โดยยังไม่เคยมีการจ่ายค่าปรับกันจริงๆ แม้แต่บาทเดียว เมื่อศาลสั่งชัดเช่นนี้ ทุกฝ่ายจึงมีหน้าที่ต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย” น.พ.ประวิทย์ กล่าว

นส่วนมาตรการทางอาญา กรณีไม่ว่าจะเป็น content provider หรือผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ ถ้ามีเจตนาปกปิดเงื่อนไขดังกล่าวมาตั้งแต่ต้นจนได้เงินหรือทรัพย์สินของผู้ถูกหลอกไป อาจเข้าลักษณะความผิดอาญาเรื่องฉ้อโกง ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือในกรณีฉ้อโกงต่อประชาชนก็จะเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมีโทษสูงขึ้นจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ในส่วนของ SMS ที่มีการส่งข้อความโฆษณา อาจผิดในเรื่องของการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้บริการได้ โดยหากผู้ใช้บริการได้รับความเสียหายก็อาจดำเนินการฟ้องร้องทางแพ่ง เพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ได้เช่นกัน

นอกจากนี้ หากการให้บริการ SMS ผู้รับใบอนุญาตมีการเปิดเผยเลขหมายของผู้ใช้บริการให้แก่ content provider โดยผู้ใช้บริการไม่ยินยอมและไม่ใช่ทำเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการกิจการโทรคมนาคม ย่อมเป็นการฝ่าฝืนประกาศ กทช. เรื่อง มาตรการคุ้มครองสิทธิของผู้ใช้บริการโทรคมนาคมเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิในความเป็นส่วนตัว และเสรีภาพในการสื่อสารถึงกันโดยทางโทรคมนาคม เลขาธิการ กสทช. สามารถใช้อำนาจทางปกครองออกคำสั่งตามมาตรา 64 แห่ง พ.ร.บ. การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 ได้อีกด้วย

สำนักข่าวที่อ้างอิงในประเด็นนี
http://www.dailynews.co.th/technology/195186
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=177506%3A-sms-&catid=176%3A2009-06-25-09-26-02&Itemid=524
http://www.thaipost.net/news/050413/71842
http://www.posttoday.com/%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8
%A5%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%9F%E0%B9%8C/214305/%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%97%E0
%B8%8A-
%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%
B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87SMS%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%
81%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%
B9%89%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3

__________________________________________________

รายงานข่าวDTACนำเข้าอุปกรณ์3G2100 เมื่อสป.ที่แล้ว1000 สถานีฐาน// โม้UPอุปกรณ์ได้ทันที่300 สถานีต่อสัปดาห์

ประเด็นหลัก

ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานปฏิบัติการโครงข่าย ดีแทค กล่าวอีกว่า ยอมรับว่าในการอัพเกรดสถานีฐานนั้นจำเป็นต้องใช้เวลาและทีมงานจำนวนมาก อีกทั้งยังต้องดำเนินการอัพเกรดมากถึงหลักหมื่นสถานี ขณะที่บริษัทสามารถดำเนินการได้ประมาณ 300 สถานีต่อสัปดาห์ แต่อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญกับคลื่น 2.1 กิกะเฮิรตซ์ เป็นหลัก เพื่อรองรับการใช้งานที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ส่วนการขยายหรือพัฒนาคลื่น 850 เมกะเฮิรตซ์ นั้นจะมีการพิจารณาในภายหลัง ส่วนการเปิดให้บริการ 4จี นั้น บริษัทมองว่าสามารถทำได้ทันที เนื่องจากได้มีการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ให้พร้อมรองรับเทคโนโลยีใหม่แล้ว แต่มองว่ายังไม่เกิดประโยชน์ต่อผู้บริโภค เนื่องจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่รองรับเทคโนโลยี 4จี ในปัจจุบันยังมีไม่มาก

ก่อนหน้านี้มีประเด็นว่าดีแทคไม่มีการนำเข้าอุปกรณ์โครงข่าย 3จี ใหม่ ครั้งนี้จึงต้องการพิสูจน์ให้เห็นว่ามีอุปกรณ์และดำเนินการติดตั้งอยู่จริงที่ชุมสายหลายๆ แห่ง โดยมีทั้งแบรนด์หัวเว่ยและอีริคสัน และมั่นใจว่าจะทำได้รวดเร็วกว่าคู่แข่ง เพราะอุปกรณ์อื่นๆในโครงข่ายได้ปรับเปลี่ยนตั้งแต่ 2 ปีที่ผ่านมาแล้ว”นายประเทศกล่าว

ทั้งนี้ ดีแทคไม่จำเป็นต้องรีบร้อนติดตั้งอุปกรณ์โครงข่าย 3จี 2.1 กิกะเฮิรตซ์ เพราะมีการให้บริการ 3จี บนคลื่นความถี่ 850 เมกะเฮิรตซ์อยู่แล้วด้วย ซึ่งมีเสาสัญญาณกว่า 5,000 แห่งทั่วประเทศ ดังนั้นดีแทคจะดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ อย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อให้คุณภาพออกมาดีที่สุด ซึ่งดีแทคไม่ต้องเร่งรีบเหมือนกับผู้ให้บริการรายอื่นที่สัญญาร่วมการงานใกล้จะหมดอายุ

ด้านบริษัท ทรูมูฟ ระบุว่ามีแผนขยายโครงข่าย 3จี 2.1 กิกะเฮิรตซ์จำนวน 5,000 แห่งในปีนี้ รวมกับสถานีฐานบนคลื่น 850 เมกะเฮิรตซ์ที่มีแผนขยายเป็น 1.35 หมื่นแห่ง รวมเป็น 1.85 หมื่นแห่ง เพื่อรองรับลูกค้า 3จี เป้าหมาย 6 ล้านราย จากเดิมสิ้นปี 55 มีลูกค้า 2.89 ล้านราย

รายงานข่าวจากสำนักงานกสทช.แจ้งว่า บริษัท ดีแทค เนทเวอร์ค บริษัทในเครือดีแทคเพิ่งได้รับอนุมัตินำเข้าอุปกรณ์สำหรับติดตั้งสถานีฐาน 3จี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนำเข้าอุปกรณ์ผ่านเวนเดอร์ผู้ติดตั้งทั้งของอีริคสัน และหัวเว่ย ซึ่งมีจำนวนสถานีฐานรวมกันทั้งสิ้น 1,000 แห่ง โดยจะเป็นทั้งระบบคอร์ เน็ตเวิร์ค ทรานมิชชั่น และสวิตซ์ซิ่ง แต่หากเป็นสถานีฐานที่พร้อมใช้งานจริงจะมีจำนวน 500 แห่ง

สำนักข่าวที่อ้างอิงในประเด็นนี
http://www.posttoday.com/ดิจิตอ%E
0%B8%A5%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%9F%E0%B9%8C/214401/%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B
2%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E
0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%9A%E0%B8
%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A33%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%9E-%E0%B8%84-
%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89
http://m.thairath.co.th/content/tech/336905
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/it/20130404/498961/ดีแ%
E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%87%E
0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0
%B8%B1%E0%B8%9A3%E0%B8%88%E0%B8%B5.html

____________________________________________

(แก้ CAT TRUEผ่านไป278วันแล้ว) กทค.เตรียมฟ้อกผิด TRUE H (BFTK) พรุ่งนี้++ล่าสุดจากรายงานพบ!!BFTKผิดแต่ไม่เจตนา

ประเด็นหลัก

ตามที่ปรากฏข่าวว่า ในวันศุกร์ที่ 5 เมษายนนี้ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) จะพิจารณาวาระการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับการดำเนินกิจการของบริษัท บีเอฟเคที (ประเทศไทย) จำกัด กรณีการทำสัญญาเกี่ยวกับการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รูปแบบใหม่บนคลื่นความถี่ 800 MHz กับบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ซึ่งคณะทำงานของสำนักงาน กสทช. เสนอรายงานฉบับแก้ไขล่าสุดมาแล้ว หลังจากรายงานฉบับก่อนถูก กทค. ตีกลับให้ไปแก้ไขภายใต้ข้อสังเกต 4 ประเด็น ได้แก่ 1) ให้หาเหตุผลสนับสนุนว่า เหตุใดจึงเชื่อว่าบีเอฟเคทีไม่มีเจตนาทำผิด และพิจารณาข้อกฎหมายว่า กทค. จำเป็นต้องร้องทุกข์กล่าวโทษหรือไม่ 2) ให้ความกระจ่างในประเด็นที่คณะทำงานชี้ว่า การดำเนินกิจการในลักษณะในเช่าเครื่องและอุปกรณ์โทรคมนาคมต้องได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม เนื่องจากที่ผ่านมา จากยุค กทช. จนถึง กสทช. ยังไม่เคยมีแนวนโยบายหรือคำตัดสินที่ชัดเจนว่าการดำเนินการดังกล่าวถือเป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมหรือไม่ 3) ประเด็นการให้ความหมายของคำว่า “บุคคลอื่นทั่วไป” ที่ปรากฏในมาตรา 4 แห่ง พรบ. ประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 และ 4) ให้รวบรวมรายงานการศึกษาของคณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา และมติ กทช. ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนวิเคราะห์ผลกระทบจากการวินิจฉัยของ กทค. เพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป

ทั้งนี้ ตามรายงานล่าสุดของคณะทำงานยังคงยืนยันว่า การดำเนินกิจการของบริษัท บีเอฟเคที เข้าลักษณะเป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมแล้ว ตาม พ.ร.บ. การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 และ พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 ดังนั้นบริษัทบีเอฟเคที จึงเข้าข่ายกระทำความผิดฐานประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 67 (3) แห่ง พ.ร.บ. การประกอบกิจการโทรคมนาคมฯ อันเป็นความผิดทางอาญา มีโทษทั้งจำและปรับ แต่นอกจากพิจารณาพฤติกรรมแล้ว คณะทำงานเสนอว่า กทค. ควรพิจารณาในส่วนของเจตนาประกอบด้วย หากไม่ครบทั้งองค์ประกอบภายนอกและองค์ประกอบภายใน ก็ไม่ควรร้องทุกข์กล่าวโทษ

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสนใจว่า ในส่วนการวิเคราะห์ผลกระทบกรณี กทค. เห็นด้วยกับข้อเสนอของคณะทำงานที่จะไม่ร้องทุกข์กล่าวโทษบริษัทบีเอฟเคที คณะทำงานก็ชี้เองว่าจะมีผล 3 ประการคือ 1) กทค. และสำนักงาน กสทช. อาจถูกกล่าวหามีความผิดฐานเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งมีโทษถึงจำคุก 2) กทค. และสำนักงาน กสทช. อาจถูกตรวจสอบจากหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบ เช่น วุฒิสภา ปปช. เป็นต้น และ 3) ผู้มีส่วนได้เสียในกรณีนี้อาจฟ้อง กทค. และสำนักงาน กสทช.

นอกจากนี้ ในการประชุม กทค. เมื่อวันพุธที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา ทางสำนักงาน กสทช. ยังได้นำเสนอเรื่องการแก้ไขสัญญาระหว่างบีเอฟเคทีกับ บมจ. กสท โทรคมนาคม ที่ กทค. มีมติสั่งให้แก้ไขเพื่อไม่ให้ขัดต่อมาตรา 46 แห่ง พรบ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 ซึ่ง กทค. มีมติตั้งแต่เมื่อกลางปี 2555 โดยให้ดำเนินการใน 30 วัน แต่ต่อมา บมจ. กสท ได้ขอขยายระยะเวลาหลายครั้ง และล่าสุดมีการแจ้งเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2555 ว่ายังไม่สามารถจัดทำสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมได้ แต่คู่สัญญาได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันแล้วและได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเพื่อยืนยันถึงเจตนาที่จะแก้ไขสัญญาต่อไป

ทั้งนี้ สำนักงาน กสทช. รายงานว่าได้พิจารณาทบทวนบันทึกความเข้าใจของคู่สัญญาแล้ว พบว่า แนวการแก้ไขสัญญาเช่าเครื่องและอุปกรณ์วิทยุคมนาคมที่คู่สัญญาตกลงกันยังไม่ชัดเจนว่า บมจ. กสท จะมีสิทธิในการควบคุมสิทธิการใช้งานเครื่องและอุปกรณ์ของบริษัทบีเอฟเคทีอย่างสมบูรณ์ผ่าน Network Operation Center (NOC) เนื่องจากร่างสัญญาแก้ไขยังคงให้สิทธิแก่บริษัทบีเอฟเคทีสามารถปฏิบัติงานกับเครื่องและอุปกรณ์ได้ ส่วนตามสัญญาบริการขายส่งบริการบนโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ HSPA คู่สัญญาได้ตกลงให้ข้อผูกพันการรับซื้อความจุสามารถรองรับผู้ใช้บริการจำลองของ บจ. เรียล มูฟ ได้ทั้งสิ้นกว่า 13.33 ล้านราย หรือใช้ความจุได้ถึงร้อยละ 80 ซึ่งทำให้การกำหนดความจุตามสัญญาดังกล่าวยังไม่เป็นไปตามกลไกตลาด ดังนั้นสำนักงาน กสทช. จึงเห็นว่าเงื่อนไขของข้อสัญญายังไม่ชัดเจนว่าสอดคล้องและเป็นไปตามมติ กทค.

ตัดภาพมาที่สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นดีกว่าวันที่ 5 เม.ย.จะมีการพิจารณาเรื่องผลสอบข้อกฎหมายบริษัท บีเอฟเคที (ประเทศไทย) ที่สร้างโครงข่ายมือถือให้บริษัท กสท โทรคมนาคม เช่ามาให้บริการขายปลีกขายส่งกับบริษัท เรียลมูฟ แค่เขียนยังงง นับประสาอะไรกับกลุ่มสัญญาเกี่ยวกับการให้บริการโทรศัพท์มือถือรูปแบบใหม่ ที่มีมากมายหลายฉบับ โดยหากแยกย่อยนำมาปฏิบัติทีละฉบับ ก็ไม่สามารถให้บริการได้ ต้องนำมามัดรวมกันถึงจะผลิตเป็นบริการให้ ณ เดช กับน้องยาย่า มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ โฆษณาชวนเชื่อดึงดูดลูกค้าได้

งานนี้แว่วว่า หมอลี่ กำลังจะเป็นพระเอกเรื่องโดดเดี่ยวผู้น่ารักอีกครั้ง หลังกทค. 4 คนจะลงมติให้บีเอฟเคที ไร้มลทิน ตามที่คณะทำงานฯและเลขาฯฐากร เสนอมา ประเภทถึงแม้บีเอฟเคทีจะได้ชื่อว่าเป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคม จำเป็นต้องมีใบอนุญาต แต่ไม่มีความผิดทางอาญา ไม่ต้องให้สำนักงานกสทช.ไปร้องทุกข์กล่าวโทษแต่อย่างใด เพราะไม่มีเจตนา อย่างมากก็แค่มาขอรับใบอนุญาตให้ถูกต้องเท่านั้น

งานนี้หมอลี่ แจกแจงให้ฟังชัดเจนว่า ตามมาตรา 59 ประมวลกฎหมายอาญา บัญญัติว่า ' การกระทำโดยเจตนา ได้แก่ กระทำโดยรู้สำนึกในการกระทำและในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือ ย่อมเล็งเห็นผลว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น' แล้วประเภทที่สร้างโครงข่ายผลิตแอร์ไทม์จนมาให้บริการได้ มันไม่รู้สำนึกตรงไหน หรือ มันไม่ประสงค์ผลตรงไหน

เห็นได้ชัดว่าเจตนามันมี มันบรรลุแล้ว แต่จะผิดหรือถูกกฎหมาย ก็ไปว่ากันตามกระบวนการ ไม่ใช่กทค.มาตัดสินเอง ซึ่งการพ่วงเรื่องเจตนาเข้ามาด้วย ก็น่าสงสัยแล้วตั้งแต่เลขาฯฐากร ทำหนังสือแย้งผลสอบคณะทำงานฯ ครั้งแรก ลงวันที่ 13 ก.ย. 2555 โดยให้ไปหาข้อเท็จจริงและรายละเอียดเพิ่มเติมในประเด็นที่ว่า 'หากคณะทำงานเห็นว่ามีการกระทำความผิดซึ่งมีโทษทางอาญา ในรายงานจะต้องแสดงถึงพฤติกรรมแวดล้อมที่เพียงพอที่จะรับฟังได้ว่ากสทกับบีเอฟเคที เข้าข่ายว่าได้กระทำความผิดโดยมีเจตนาอย่างไร'

ตลกร้ายกว่านั้นคือ หมอลี่ขอผลสอบคณะทำงานฯ ครั้งแรก (ที่สรุปว่ากสท กับบีเอฟเคที มีการดำเนินกิจการในลักษณะเข้าข่ายเป็นความผิดฐานใช้ความถี่โดยไม่ได้รับ อนุญาต ตามมาตรา 11 วรรค 3 ของพ.ร.บ.วิทยุคมนาคม 2498 และความผิดฐานประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตและใช้ความถี่เพื่อประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 67(3) ของพ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม 2544

และกสท มีส่วนกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่บีเอฟเคที ใช้ความถี่โดยไม่ได้รับอนุญาต ประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตและใช้ความถี่เพื่อการประกอบกิจการ โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 86 พ.ร.บ.ประมวลกฎหมายอาญา ประกอบมาตรา 11 วรรค 3 พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม 2498 และมาตรา 67 (3) พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม 2544 ซึ่งสำนักงานกสทช.จะต้องดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษตามกฎหมายต่อไป) จากเลขาฯฐากรตั้งแต่เดือนก.ย.2555 เพิ่งจะมาได้ตอนเดือนมี.ค.2556 เรียกได้ว่าเป็นกสทช.คนเดียวในกทค.ที่ไม่เห็นเอกสารฉบับเต็ม

ศึกบีเอฟเคทีครั้งนี้ ถือว่าใหญ่กว่าศึกวันทรงชัยเยอะ เพราะจะเป็นบทพิสูจน์ศักดิ์ศรีขององค์กรอิสระว่าจะเลือกตัดสินใจบนความถูกต้องหรืออยู่ภายใต้อิทธิพลการครอบงำของกลุ่มทุนหรือกลุ่มการเมืองรายใด เฉพาะแค่ผลสอบคณะทำงานฯ ก็มีถึง 3 ชุด ต้องปรับต้องเปลี่ยนต้องชงให้กลมกล่อม แต่สิ่งที่ยังน่ายกย่องคณะทำงานฯ ที่ต้องทำผลสรุปภายใต้แรงกดดัน ยังให้ความเห็นผลกระทบกทค.ว่าหากไม่ร้องทุกข์กล่าวโทษตามที่คณะทำงานฯมีความเห็น กทค.อาจเจอ ม.157 และกระบวนการตรวจสอบจากกรรมาธิการ รวมทั้งป.ป.ช. ด้วย เรียกว่าให้สรุปตามใจก็ได้ แต่ระวังตัวล่ะกัน



สำนักข่าวที่อ้างอิงในประเด็นนี
http://manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9560000040693
http://www.dailynews.co.th/technology/195276
http://www.adslthailand.com/board/showthread.php?t=62977

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.