Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

14 พฤษภาคม 2556 (เกาะติดประมูลDigital TV) มาแล้ว วิธีประมูล!!! เวลาต่อช่อง ภายใน 1 ชั่วโมง ยกเว้นมีผู้ชนะในแต่ละประเภทมีมากกว่าที่กำหนด ต่อเวลาครั้งละ ครั้งละ 5 นาที (แต่ยังไม่ได้กำหนดคุณสมบัติครับ)


ประเด็นหลัก


ประธาน กสท. กล่าวด้วยว่า วิธีการประมูลจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1 ชั่วโมง เบื้องต้นผู้เข้าประมูลแต่ละบริษัทจะเข้าได้เพียง 3 คน และสามารถเคาะประมูลได้อย่างไม่จำกัด จนครบเวลา 1 ชั่วโมง ยกเว้นมีผู้ชนะในแต่ละประเภทมีมากกว่าที่กำหนด จึงจะขยายเวลาออกไปครั้งละ 5 นาที จนกว่าจะได้ผู้ชนะ และหลังจากนั้นจะทราบผลผู้ชนะทันที โดย กสทช.จะแบ่งกลุ่มการประมูลออกเป็น 4 กลุ่ม และไม่ได้ประมูลพร้อมกันในช่วงเวลา หรือวันเดียวกัน โดยผู้ประกอบการที่ชนะประมูลจะได้ใบอนุญาตหลังประมูลจบ 60 วัน มีอายุ 15 ปี โดยขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดวันเวลา และประเภทที่จะเริ่มประมูลก่อนอย่างแน่ชัด แต่มีแนวโน้มว่าอาจจะมีการประมูลช่องรายการทั่วไปประเภท HD เป็นลำดับแรก และช่องรายการเด็กเป็นประเภทสุดท้าย

สำหรับมาตรการป้องกันการฮั้วประมูลนั้น จะใช้กฎของสำนักงานหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แต่ กสทช. ไม่ได้กำหนดคุณสมบัติของบริษัทที่เข้าร่วมประมูลว่า ต้องมีทุนจดทะเบียนมากน้อยเพียงใด แต่ต้องเป็นนิติบุคคล เป็นบริษัท จำกัด หรือมหาชน


สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมการประมูล จะต้องเสียเงินค่าซื้อซองจำนวน 1 ล้านบาท ต่อ 1 ช่องรายการ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหามีจำนวนคนมาขอรับซองมาก แล้วถึงเวลายื่นซองกลับเหลือเพียงไม่กี่ราย และหลังยื่นขอใบอนุญาตแล้ว จะต้องวางมัดจำค่ายื่นซอง 10% ของช่องรายการ เช่น ช่องรายการเด็กราคาเริ่มต้น 140 ล้านบาท ต้องวางมัดจำ จำนวน 14 ล้านบาท ช่องข่าวราคาเริ่มต้น 220 ล้านบาท ต้องวางมัดจำ 22 ล้านบาท สำหรับค่าประกันซอง 10% นั้นจะคืนให้ภายใน 30 วัน หากผู้เข้าร่วมไม่ชนะการประมูล



สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการการชำระงวดค่าไลเซ่น ทีวีดีจิทัลประเภทช่องธุรกิจ จะแบ่งออกเป็นการชำระเงิน เป็น 2 ส่วน โดยจำนวนเงินส่วนที่ 1 เป็นการชำระราคาขั้นต่ำ กำหนดชำระ 4 งวด ปีที่ 1 ชำระจำนวน 50% ของราคาประมูลปีที่ 2 จำนวน 30% และปีที่ 3 - 4 ปีละ 10% ส่วนที่ 2 เป็นการชำระเงินประมูลที่เพิ่มจากการแข่งขันการประมูล โดยแบ่งเป็นการชำระทั้งหมด 6 งวด ปีที่ 1-2 จำนวน 10% และปีที่ 3 - 6 จำนวน 20% โดยการชำระเงินทั้งหมดจะต้องชำระเป็นเวลา 6 ปี



______________________________________






กสทช. เผยวิธีประมูลทีวีดิจิตอล 24 ช่อง


บอร์ด กสท. เผยวิธีประมูลทีวีดิจิตอลประเภทธุรกิจ 24 ช่อง แบบฟอร์เวิร์ดออปชั่น แล้วเสร็จใน 1 ชั่วโมง วางเงินมัดจำ 10% ของช่องรายการ และซื้อซอง 1 ล้านบาท 1 ช่องรายการ...

เมื่อวันที่ 14 พ.ค. พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ (กสท.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) กสท. ว่า ที่ประชุมอนุมัติร่างประกาศ หลักเกณฑ์ และวิธีการ การให้บริการทีวีดิจิตอลช่องธุรกิจ โดยร่างดังกล่าวมีความสำคัญเรื่องวิธีการและกระบวนการให้บริการช่องธุรกิจ โดยจะเสนอบอร์ด กสทช.วันที่ 22 พ.ค.2556 ก่อนรับฟังความเห็นสาธารณะสำหรับร่างประกาศฉบับดังกล่าว จะเกี่ยวกับกระบวนการทั้งหมดที่จัดประมูลคลื่นความถี่ทีวีดิจิตอลประเภทธุรกิจทั้ง 24 ช่อง โดยผู้ได้รับใบอนุญาตมีเงื่อนไข ได้แก่ จะต้องจัดให้มีการตรวจสอบระบบตามที่คณะกรรมการกำหนด จัดให้มีกระบวนการรับเรื่องร้องเรียน และจัดให้มีบริการที่เหมาะสม เพื่อประโยชน์เพิ่มเติมตามข้อเสนอแนะของอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค

ประธาน กสท. กล่าวต่อว่า กสทช. กำหนดรูปแบบการประมูลช่องธุรกิจ 24 ช่อง โดยให้แต่ละรายประมูลได้ไม่เกิน 1 ช่องรายการ และผู้ประมูลทั่วไป จะประมูลในช่องข่าวไม่ได้ ส่วนราคาเริ่มต้นการประมูล เป็นไปตามที่ประกาศไว้ก่อนหน้า และการเพิ่มราคาประมูลในแต่ละครั้งจะกำหนดไว้ชัดเจน ได้แก่ ช่องรายการทั่วไป คุณภาพคมชัดสูง (ไฮเดฟิเนชั่น) หรือ HD 7 ช่อง ราคาช่องละ 1,510 ล้านบาท เพิ่มขึ้นครั้งละ 10 ล้านบาท ช่องรายการทั่วไป คุณภาพคมชัดปกติ (สแตนดาร์ด) หรือ SD 7 ช่อง ราคาช่องละ 380 ล้านบาท เพิ่มขึ้นครั้งละ 5 ล้านบาท ช่องข่าว 7 ช่อง ราคาช่องละ 220 ล้านบาท เพิ่มขึ้นช่องละ 2 ล้านบาท และช่องเด็กเยาวชนและครอบครัว 3 ช่อง ราคาช่องละ 140 ล้านบาท เพิ่มขึ้นครั้งละ 1 ล้านบาท

พ.อ.นที กล่าวอีกว่า การชำระเงินของผู้เข้าประมูล แบ่งเป็น 2 ก้อน ได้แก่ ก้อนแรกเป็นราคาขั้นต่ำ หรือราคาเริ่มต้นการประมูลในแต่ละช่อง จะแบ่งเป็น 4 งวด หรือภายใน 4 ปี คือ 50% 30% 10% และ 10% เพื่อให้สอดคล้องกับการขยายโครงขยาย และสนับสนุนคูปองในการเปลี่ยนผ่านให้ประชาชน โดยคาดว่าจะเริ่มต้นแจกคูปองได้ในช่วงต้นปี 2557 ส่วนเงินก้อนที่สอง เป็นเงินที่เพิ่มจากการแข่งขัน แบ่งออกเป็น 6 งวด ระยะเวลา 6 ปี คือ งวดแรกและงวดสอง จ่าย 10% ของเงินที่เพิ่มมาจากการแข่งขัน ส่วนงวดที่สามถึงหก จ่ายงวดละ 20% โดยเงินส่วนนี้จะนำเข้ากองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (USO) โดยหลังจากการพิจารณาจากบอร์ด กสทช. ในวันที่ 22 พ.ค.นี้ จะเข้าสู่กระบวนการรับฟังความเห็นสาธารณะ ซึ่งกรอบเวลาการประมูลจะอยู่ในช่วง ส.ค.-ก.ย.2556 หรืออาจขยายออกไปไม่เกินกว่า 1-2 เดือน

ประธาน กสท. กล่าวด้วยว่า วิธีการประมูลจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1 ชั่วโมง เบื้องต้นผู้เข้าประมูลแต่ละบริษัทจะเข้าได้เพียง 3 คน และสามารถเคาะประมูลได้อย่างไม่จำกัด จนครบเวลา 1 ชั่วโมง ยกเว้นมีผู้ชนะในแต่ละประเภทมีมากกว่าที่กำหนด จึงจะขยายเวลาออกไปครั้งละ 5 นาที จนกว่าจะได้ผู้ชนะ และหลังจากนั้นจะทราบผลผู้ชนะทันที โดย กสทช.จะแบ่งกลุ่มการประมูลออกเป็น 4 กลุ่ม และไม่ได้ประมูลพร้อมกันในช่วงเวลา หรือวันเดียวกัน โดยผู้ประกอบการที่ชนะประมูลจะได้ใบอนุญาตหลังประมูลจบ 60 วัน มีอายุ 15 ปี โดยขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดวันเวลา และประเภทที่จะเริ่มประมูลก่อนอย่างแน่ชัด แต่มีแนวโน้มว่าอาจจะมีการประมูลช่องรายการทั่วไปประเภท HD เป็นลำดับแรก และช่องรายการเด็กเป็นประเภทสุดท้าย

สำหรับมาตรการป้องกันการฮั้วประมูลนั้น จะใช้กฎของสำนักงานหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แต่ กสทช. ไม่ได้กำหนดคุณสมบัติของบริษัทที่เข้าร่วมประมูลว่า ต้องมีทุนจดทะเบียนมากน้อยเพียงใด แต่ต้องเป็นนิติบุคคล เป็นบริษัท จำกัด หรือมหาชน

“การประมูลแบบนี้ เรียกว่ารูปแบบวิธีการประมูล การประมูลคลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอลในการบริการธุรกิจระดับชาติ เป็นวิธีการประมูลปกติ หรือฟอร์เวิร์ดออปชั่น หมายถึงมาประมูลแข่งขันเพื่อซื้อของ โดยจะต้องเพิ่มราคาประมูลขึ้นเรื่อยๆ จะไม่สามารถเพิ่มแบบกระโดดได้ เพราะไม่ต้องการให้ผู้ชนะการประมูลมีราคาที่แตกต่างกันมาก สำหรับผู้ชนะการประมูลจะได้รับสิทธิ์ 3 ข้อ คือ เป็นเจ้าของช่องตามมาตรฐาน กสทช. กำหนด 2.จะได้เป็นผู้เลือกช่องก่อน 3.จะได้รับสิทธิ์เลือกโครงข่าย โดยการใช้ลำดับตัดสินการเลือกโครงข่าย” พ.อ.นทีกล่าว

สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมการประมูล จะต้องเสียเงินค่าซื้อซองจำนวน 1 ล้านบาท ต่อ 1 ช่องรายการ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหามีจำนวนคนมาขอรับซองมาก แล้วถึงเวลายื่นซองกลับเหลือเพียงไม่กี่ราย และหลังยื่นขอใบอนุญาตแล้ว จะต้องวางมัดจำค่ายื่นซอง 10% ของช่องรายการ เช่น ช่องรายการเด็กราคาเริ่มต้น 140 ล้านบาท ต้องวางมัดจำ จำนวน 14 ล้านบาท ช่องข่าวราคาเริ่มต้น 220 ล้านบาท ต้องวางมัดจำ 22 ล้านบาท สำหรับค่าประกันซอง 10% นั้นจะคืนให้ภายใน 30 วัน หากผู้เข้าร่วมไม่ชนะการประมูล







โดย: ไทยรัฐออนไลน์
http://m.thairath.co.th/content/tech/344802

_____________________________________________


กสท.เปิดทางร่างประมูลทีวีดิจิทัลแล้ว
วันอังคารที่ 14 พฤษภาคม 2556 เวลา 16:44 น.

กสท.เดินเครื่องอนุมัติ ร่างประมูลทีวีดิจิทัลธุรกิจ 24 ช่อง นำสู่เวทีประชาพิจารณ์ ชี้แบ่งเงินประมูล 2 ส่วน หนุนคูปองส่วนลด 690 บาท เฮ เตรียมนำเข้า เซต ทอป บ็อกซ์ มิ.ย. นี้
วันนี้(14พ.ค.)ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) พ.อ.ดร.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกสทช.และประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.)เปิดเผยว่า  ที่ประชุมกสท.อนุมัติร่างประกาศหลักเกณฑ์ และวิธีการและเงื่อนไขการประมูลคลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิทัลประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติ จำนวน 24 ช่อง เตรียมเสนอเข้าที่ประชุมกสทช.วันที่ 22 พ.ค.56 เพื่อขอความเห็นชอบนำไปเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น(ประชาพิจารณ์)

โดยสาระร่างประกาศกำหนดเงื่อนไขประมูลธุรกิจ ที่ผู้เข้าร่วมประมูลจะต้องวางเงินการันตี 10% ของราคาเริ่มต้นประมูลช่องนั้นๆ  และต้องเคาะราคาเพิ่มขึ้นครั้งละ 1 ล้านบาทสำหรับช่องเด็ก ช่องข่าวเพิ่มครั้งละ 2 ล้านบาท ช่องทั่วไปครั้งละ 5 ล้านบาท และ ช่องคุณภาพสูง(ไฮเดฟ)ครั้งละ 10 ล้านบาท  นอกจากนี้จะแบ่งกลุ่มการประมูลเป็น 4 กลุ่ม และไม่ได้ประมูลพร้อมกัน โดยใบอนุญาตมีอายุ 15 ปี

พ.อ.ดร.นที กล่าวต่อว่า สำหรับการชำระเงินค่าประมูลทีวีดิจิทัลแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ เงินเริ่มต้นการประมูลแบ่งจ่ายเป็น 4 งวด ได้แก่ ปีแรก จำนวน 50 % , ปีที่ 2  จำนวน 30% , ปีที่ 3  จำนวน 10 % และปีที่ 4 จำนวน 10 % ส่วนเงินที่ได้เพิ่มเติมจากการเคาะแบ่งจ่าย 6 งวด ดังนั้นการแจกคูปองส่วนลดเงินสดใบละ 690 บาท สำหรับซื้อกล่องเซต ทอป บ็อกซ์หรือกล่องแปลงสัญญาณ เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านทีวีระบบดิจิทัล จำนวน 22 ล้านครัวเรือน สามารถเริ่มแจกคูปองได้ต้นปี 2557 หลังจากเสร็จสิ้นการประมูล

นอกจากนี้กสท.ได้อนุมัติร่างประกาศเรื่อง การตรวจสอบและรับรองมาตรฐานของเครื่องวิทยุคมนาคมและอุปกรณ์ในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ โดยจะขอความเห็นชอบที่ประชุมกสทช.เพื่อนำไปประกาศลงราชกิจจานุเบกษา ดังนั้นในเดือน มิ.ย.56 ผู้ประกอบการจะเริ่มจำหน่ายกล่องเซต ทอป บ็อกซ์ ได้

http://www.dailynews.co.th/technology/204496

______________________________________________________



กสท เคาะเกณฑ์ประมูลทีวีดิจิทัล


กสท เคาะวิธีประมูลทีวีดิจิทัลช่องธุรกิจ 24 ช่อง พร้อมกำหนดชำระงวดค่าไลเซ่นงวดแรก 50% ภายใน 6 ปี ยันกรอบประมูลเดิม ส.ค.-ก.ย.นี้ แจกคูปองปี57

พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจโทรทัศน์ (กสท) เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ด กสท ในวันนี้ (14 พ.ค.) ว่า ที่ประชุมมีมติอนุมัติร่าง ประกาศ กสทช.ทั้ง 2 ร่างประกาศ ได้แก่ 1.ร่างประกาศฯ กสทช. เรื่อง การตรวจสอบและรับรองมาตรฐานของเครื่องวิทยุคมนาคมและอุปกรณ์ในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ 2556 (อุปกรณ์แปลงสัญญาณ หรือ เซ็ท ท็อป บ๊อกซ์) 2.ร่างฯ หลักเกณฑ์วิธีและเงื่อนไขการประมูลทีวีดิจิทัลประเภทบริการธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ร่างประกาศฯ ทั้ง 2 ร่างฯ ดังกล่าว จะนำเข้าสู่ที่ประชุมบอร์ดกสทช.ในวันที่ 22 พ.ค.นี้ และจะเข้าสู่กระบวนการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะโดยกำหนดให้มีระยะเวลาในการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ(ประชาพิจารณ์) ราว 30 วัน เพื่อประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

ทั้งนี้ เบื้องต้น ร่างประกาศฯ หลักเกณฑ์การประมูลทีวีดิจิทัล เป็นร่างฯ หลักเกณฑ์ วิธีและเงื่อนไขการประมูลคลื่นความถี่ เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิทัล ประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติ (ประเภทธุรกิจ 24 ช่องรายการ) โดย บอร์ด กสท.มีการปรับปรุงเพิ่มเติมตามข้อเสนอแนะของคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ประกอบด้วย 1.ผู้รับใบอนุญาต (ไลเซ่น) ต้องจัดให้มีการตรวจสอบผังเนื้อหารายการ 2จะต้องจัดให้มีการรองรับเรื่องร้องเรียน 3. จัดให้มีบริการที่เหมาะสมเพื่อคนพิการ

สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการการชำระงวดค่าไลเซ่น ทีวีดีจิทัลประเภทช่องธุรกิจ จะแบ่งออกเป็นการชำระเงิน เป็น 2 ส่วน โดยจำนวนเงินส่วนที่ 1 เป็นการชำระราคาขั้นต่ำ กำหนดชำระ 4 งวด ปีที่ 1 ชำระจำนวน 50% ของราคาประมูลปีที่ 2 จำนวน 30% และปีที่ 3 - 4 ปีละ 10% ส่วนที่ 2 เป็นการชำระเงินประมูลที่เพิ่มจากการแข่งขันการประมูล โดยแบ่งเป็นการชำระทั้งหมด 6 งวด ปีที่ 1-2 จำนวน 10% และปีที่ 3 - 6 จำนวน 20% โดยการชำระเงินทั้งหมดจะต้องชำระเป็นเวลา 6 ปี

ทั้งนี้ จำนวนเงินงวดที่จะต้องนำส่งเพื่อเป็นคูปองเงินสนับสนุนในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ทีวีดิจิทัล จะสิ้นสุดในปีที่ 4 ของการชำระเงินงวด โดยผู้ชนะการประมูลไลเซ่น จะได้รับสิทธิ 3 ประเภท ประกอบด้วย 1.เป็นเจ้าของช่องรายการ 2. เลือกหมายเลขช่องรายการ 3. เลือกผู้ให้บริการโครงข่าย ขณะเดียวกันการขยายโครงข่ายให้สอดคล้องกับข้อกำหนดการให้บริการโครงข่ายที่ผู้ประกอบการจะต้องปฏิบัติอย่างน้อย ปีที่ 1 จะต้องขยายโครงข่ายไม่ต่ำกว่า 50% ของพื้นที่ และปีที่ 2 ไม่ต่ำกว่า 80%, ปีที่ 3 ไม่ต่ำกว่า 90% และปีที่ 4 ไม่ต่ำกว่า 100%

"ผู้ประกอบการที่จะเข้ามายื่นของซองการประมูลจะต้องชำระค่าซองประมูลซอง 1 ล้านบาท ต่อช่องรายการ โดยการจ่ายเงินค่ามัดจำจำนวน 10% ของเงินประมูล หากผู้เข้าร่วมประมูลไม่ชนะการประมูล กสทช.จะคืนเงินดังกล่าวให้ และหากชนะจะนำไปหักในเงินวางมัดจำ ส่วนการแจกคูปองจะเป็นการเริ่มต้นแจกคูปองส่วนลดในปี 2557"

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/it/20130514/505527/%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%97-
%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B9
%8C%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0
%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%A5.
html

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.