Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

17 พฤษภาคม 2556 CTH เปิดแพกเกจ Premier League 899 บาทต่อเดือน ดูทุกคู่ // 399 บาทต่อเดือน พร้อมรับชมพรีเมียร์ลีกได้อย่างน้อย 1 คู่ต่อสัปดาห์


ประเด็นหลัก


“ซีทีเอช” แย้มแพกเกจพรีเมียร์ลีกสูงสุด เบ็ดเสร็จจ่าย 899 บาทต่อเดือน ได้ชมทุกแมตช์ ถือฤกษ์ดีจัดงานรีแบรนดิ้งโลโก้ใหม่ สู่รูปแบบบริการอย่างเป็นทางการอีก 35 วันข้างหน้า ฟากทรูวิชั่นส์เก้าอี้ร้อนเตรียมอัดงบการตลาดเพิ่ม 200 ล้านบาท ลุยศึกเคเบิลทีวีหลังพรีเมียร์ลีกหลุดมือ จากทั้งปีใช้งบ 400 ล้านบาท ประเดิมทุ่ม 20 ล้านบาท จัดงานแรก “Visions Ahead Magenta Party” ตอกย้ำเจ้าแห่งคอนเทนต์ระดับโลกชนซีทีเอชวันเดียวกัน
   
       นายสุรพล ซีประเสริฐ ประธานกรรมการ บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) เดิม คือ บริษัท เคเบิลไทย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางบริษัทฯ ได้จัดทำแพกเกจรองรับคอนเทนต์ฟุตบอลอังกฤษพรีเมียร์ลีกได้เกืิอบเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยจะมีการเปิดตัวแพกเกจอย่างเป็นทางการกลางเดือน มิ.ย.ที่จะถึงนี้ เบื้องต้นลูกค้าที่ต้องการรับชมช่องรายการแบบมาตรฐานปกติจำนวน 120 ช่อง จะเีสียค่าบริการที่ 399 บาทต่อเดือน พร้อมรับชมพรีเมียร์ลีกได้อย่างน้อย 1 คู่ต่อสัปดาห์
   
       ส่วนแพกเกจที่จัดทำขึ้นเพื่อรองรับคอนเทนต์พรีเมียร์ลีกนั้น จะมีอยู่ 2-3 แพกเกจ สำหรับผู้ที่ต้องการรับชมแบบน้อยไปหามาก โดยราคาสูงสุดของแพกเกจพรีเมียร์ลีก แบบเบ็ดเสร็จ คือ 899 บาทต่อเดือน (รวม VAT แล้ว) สามารถรับชมพรีัเมียร์ลีกได้ครบทุกคู่พร้อมช่องรายการทั่วไปอีก 120 ช่อง ขณะที่งบการตลาดสำหรับพรีเมียร์ลีกจะใช้ 200 ล้านบาท เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 20 พ.ค.นี้เป็นต้นไป ภายหลังจากคู่การแข่งขันพรีเมียร์ลีกคู่สุดท้ายของฤดูกาลแข่งจบลงในคืนวันอาทิตย์ที่ 19 พ.ค.นี้



______________________________________







CTH เคาะแพกเกจดูบอลพรีเมียร์ลีก 899 บาท ทรูฯ ดิ้นเพิ่มงบตลาด 200 ล้านรั้งลูกค้า (ชมคลิป)


กฤษณัน วามผาติพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซีทีเอช เผยแผนก้าวไปข้างหน้าของซีทีเอชสู่ดิจิตอลบรอดแบนด์เซอร์วิส

       ASTV ผู้จัดการรายวัน - “ซีทีเอช” แย้มแพกเกจพรีเมียร์ลีกสูงสุด เบ็ดเสร็จจ่าย 899 บาทต่อเดือน ได้ชมทุกแมตช์ ถือฤกษ์ดีจัดงานรีแบรนดิ้งโลโก้ใหม่ สู่รูปแบบบริการอย่างเป็นทางการอีก 35 วันข้างหน้า ฟากทรูวิชั่นส์เก้าอี้ร้อนเตรียมอัดงบการตลาดเพิ่ม 200 ล้านบาท ลุยศึกเคเบิลทีวีหลังพรีเมียร์ลีกหลุดมือ จากทั้งปีใช้งบ 400 ล้านบาท ประเดิมทุ่ม 20 ล้านบาท จัดงานแรก “Visions Ahead Magenta Party” ตอกย้ำเจ้าแห่งคอนเทนต์ระดับโลกชนซีทีเอชวันเดียวกัน
     
       นายสุรพล ซีประเสริฐ ประธานกรรมการ บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) เดิม คือ บริษัท เคเบิลไทย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางบริษัทฯ ได้จัดทำแพกเกจรองรับคอนเทนต์ฟุตบอลอังกฤษพรีเมียร์ลีกได้เกืิอบเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยจะมีการเปิดตัวแพกเกจอย่างเป็นทางการกลางเดือน มิ.ย.ที่จะถึงนี้ เบื้องต้นลูกค้าที่ต้องการรับชมช่องรายการแบบมาตรฐานปกติจำนวน 120 ช่อง จะเีสียค่าบริการที่ 399 บาทต่อเดือน พร้อมรับชมพรีเมียร์ลีกได้อย่างน้อย 1 คู่ต่อสัปดาห์
     
       ส่วนแพกเกจที่จัดทำขึ้นเพื่อรองรับคอนเทนต์พรีเมียร์ลีกนั้น จะมีอยู่ 2-3 แพกเกจ สำหรับผู้ที่ต้องการรับชมแบบน้อยไปหามาก โดยราคาสูงสุดของแพกเกจพรีเมียร์ลีก แบบเบ็ดเสร็จ คือ 899 บาทต่อเดือน (รวม VAT แล้ว) สามารถรับชมพรีัเมียร์ลีกได้ครบทุกคู่พร้อมช่องรายการทั่วไปอีก 120 ช่อง ขณะที่งบการตลาดสำหรับพรีเมียร์ลีกจะใช้ 200 ล้านบาท เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 20 พ.ค.นี้เป็นต้นไป ภายหลังจากคู่การแข่งขันพรีเมียร์ลีกคู่สุดท้ายของฤดูกาลแข่งจบลงในคืนวันอาทิตย์ที่ 19 พ.ค.นี้


โลโก้ใหม่ของCTH

       ด้านนายกฤษณัน งามผาติพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ล่าสุดวานนี้ (16 พ.ค.) บริษัทฯ ได้จัดงานเปิดตัวการรีแบรนดิ้งโลโก้ใหม่ จากเดิมใช้สีสันที่ดูเหมือนช่องรายการโทรทัศน์ เปลี่ยนมาเป็นสีฟ้า-เทอร์ควอยส์ ซึ่งเป็นสีแห่งการเชื่องโยง ติดต่อสื่อสาร ให้เหมาะสมกับโพซิชันนิ่งของซีทีเอชที่จะก้าวสู่ความเป็นดิจิตอลบรอดแบนด์เซอร์วิส ที่มาพร้อมกับสโลแกน WE SHARE รวมถึงยังได้มีการปรับชื่อให้สั้นลงเป็นบริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) ด้วย หลังจากที่ชื่อนี้เป็นชื่อที่ทุกคนรู้จักกันดี ภายใต้งบการจัดงานครั้งนี้ประมาณ 2 แสนบาท
     
       สำหรับการปรับโลโก้ใหม่ครั้งนี้ถือเป็นก้าวแรกที่ซีทีเอชจะรุกตลาดอย่างจริงจัง โดยในอีก 35 วันข้างหน้า ซีทีเอชพร้อมเปิดตัวครั้งใหญ่อย่างเป็นทางการสำหรับการให้บริการและช่องรายการใหม่ทั้งหมด รวมถึงการเปิดตัวแพกเกจพรีเมียร์ลีก และสปอนเซอร์ที่สนับสนุนด้วย ขณะที่แผนการดำเนินธุรกิจของซีทีเอชสู่การเป็นดิจิตอลบรอดแบนด์เซอร์วิสนั้น ตั้งเป้าว่าภายใน 2 ปี จะมีฐานสมาชิกไม่ต่ำกว่า 7 ล้านราย และมีมูลค่ารายได้ร่วม 100,000 ล้านบาท จาก 6-7 กลุ่มธุรกิจที่จะให้บริการได้มากขึ้น เช่น โฮมชอปปิ้ง, บีทูบี, รีเสิร์ตมาร์เก็ตติ้ง, เคเบิลทีวี และดิจิตอลมีเดีย เป็นต้น โดยธุรกิจด้านเคเบิลน่าจะทำรายได้อยู่ที่ 30% ของรายได้รวมในขณะนั้น


ทรู วิชั่นส์ ไม่ยอมน้อยหน้าเปิดตัวแพคเกจใหม่สู้ศึกเคเบิ้ลหลังไม่มีฟุตบอลพรัเมียร์ลึกของอังกฤษแล้ว

       ทรูวิชั่นส์ อัดเพิ่ม 200 ล้านรักษาฐานสมาชิก
     
       นายองอาจ ประภากมล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายคอมเมอร์เชียล บริษัท ทรู วิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปกติบริษัทฯ จะใช้งบการตลาดราวปีละ 400 ล้านบาท ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาใช้ไปแล้ว 300 ล้านบาท ดังนั้นในช่วงครึ่งปีหลังที่จะไม่มีคอนเทนต์พรีเมียร์ลีก คาดว่าจะต้องใช้งบเพิ่มอีกราว 200 ล้านบาท รวมแล้วครึ่งปีหลังน่าจะใช้งบการตลาดไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท
     
       ด้านนายอาณัติ เมฆไพบูลย์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า ล่าสุดวานนี้ (16 พ.ค.) ทุ่มงบ 20 ล้านบาท สำหรับการจัดงาน Visions Ahead Magenta Party เพื่อยืนยันความแข็งแกร่งทางด้านพันธมิตรทางธุรกิจจากทั่วโลกในการเป็นผู้นำการให้บริการโทรทัศน์บอกรับสมาชิกของไทย
     
       พร้อมกันนี้ยังได้เปิดตัว 2 แพกเกจใหม่ด้วย คือ 1. ซูเปอร์โนว-เลจ แพกเกจ ราคา 590 บาทต่อเดือน รับชมได้ 116 ช่อง โดยมีช่องรายการเพิ่มเข้ามาใหม่ 7 ช่อง คือ Discovery Home&Health, Discovery Turbo, Discovery Science, TLC, Discovery Kids และ H2 และ 2. ซูเปอร์สปอร์ต แพกเกจ ราคา 495 บาทต่อเดือน รับชมได้ 95 ช่อง ซึ่งเดิมแพกเกจนี้มีอยู่แล้ว ในราคาเดิมคือ 495.15 บาท แต่ครั้งนี้ได้เพิ่ม 4 ช่อง ใหม่ คือ TrueSport HD2, Golf Channel Thailand HD, TrueSport6 และ TrueSport7
     
       ส่งผลให้ปัจจุบันทรูวิชั่นส์มีทั้งหมด 6 แพกเกจ โดย 4 แพกเกจที่เหลือ คือ 1. แพลทินัม แพกเกจ ราคา 2,155.15 บาทต่อเดือน รับชมได้ 145 ช่อง และเป็น HD 23 ช่อง 2. โกลด์ แพกเกจ ราคา1,568.12 บาทต่อเดือน รับชมได้ 124 ช่อง เป็น HD 16 ช่อง 3. ซูเปอร์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ แพกเกจ ราคา 790 บาทต่อเดือน รับชมได้ 115 ช่อง และเป็น HD 8 ช่อง และ 4. โนวเลดจ์ แพกเกจ ราคา 299 บาทต่อเดือน รับชมได้ 88 ช่อง
     
       อย่างไรก็ตาม เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลการแข่งขันพรีเมียร์ลีกจบลงครั้งนี้เชื่อว่ายอดสมาชิกที่ต้องการชมแต่พรีเมียร์ลีกจริืงๆ จะหายไปเป็นตัวเลข 1 หลักเมื่อเทียบกับฐานสมาชิกโดยรวมทั้งหมด ซึ่งทางบริษัทฯ พร้อมนำเสนอคอนเทนต์รายการอื่นๆ ที่มีคุณภาพมาเสริมทัพให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ทั้งภาพยนตร์ และกีฬาอื่นๆ รวมถึงจะเพิ่มช่อง HD ให้เป็น 30 ช่อง ภายในไตรมาส 3 นี้ จากปัจจุบันมีอยู่แล้ว 23 ช่อง ภายใต้งบการซื้อคอนเทนต์ของปีนี้กว่า 4,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปกติ 1,000 ล้านบาท เชื่อว่าจะส่งผลให้ยอดสมาชิกยังเติบโตต่อเนื่องในตัวเลข 1 หลัก จากฐานสมาชิกในปีที่ผ่านมาที่มีอยู่ราว 2 ล้านราย

http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000059060&Keyword=%b7%c3%d9

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.