Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

2 พฤษภาคม 2556 เดอะ วอลล์สตรีต เจอร์นัล ชี้ (ตลาดกล้องมีปัญหาเพราะสมาร์ทโฟน) นินเทนโด้น่าจะขาดทุนประมาณสุทธิ 5,150 ล้านเยนในปีที่แล้ว(โชคยังดีทีค่าเงินเยนอ่อนตัว)


ประเด็นหลัก


"เดอะ วอลล์สตรีต เจอร์นัล" รายงานว่า ในการแถลงผลประกอบการของแคนนอนและนินเทนโดเมื่อ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา ทำให้เห็นว่าสองยักษ์ใหญ่จากสองธุรกิจได้รับผลกระทบจากสมาร์ทโฟนแตกต่างกันไป กล่าวคือยอดจัดส่งกล้องดิจิทัลของ "แคนนอน" หดตัวลงต่อเนื่อง เพราะสมาร์ทโฟนไปแย่งความต้องการซื้อกล้องคอมแพค และทำให้เครื่องเล่นเกมรุ่นใหม่ของ "นินเทนโด" มีบทบาทในตลาดยากลำบากขึ้น จากกระแสการเล่นเกมฟรีในสมาร์ทโฟนที่เพิ่มสูงขึ้นมาก



ผลการคำนวณของ "วอลล์สตรีต เจอร์นัล" ทำให้เห็นว่า นินเทนโด้น่าจะขาดทุนประมาณ 30,550 ล้านเยน ระหว่าง ม.ค.-มี.ค. เพิ่มจากยอดขาดทุน 20,910 ล้านเยนในช่วงเดียวกันปีก่อน ที่ขาดทุนสุทธิในไตรมาสเดียวกัน 7,450 ล้านเยน เพิ่มจากยอดขาดทุนสุทธิ 5,150 ล้านเยนในปีที่แล้ว

ฝั่ง "แคนนอน" ให้ข้อมูลว่า มีกำไรสุทธิไตรมาสที่ผ่านมาลดลง 34% แม้ยอดขายและรายได้จะได้รับผลประโยชน์จากการที่เงินเยนอ่อนค่าลง โดยธุรกิจ "Imaging-System" ที่มียอดขายจากกล้องกว่า 70% มียอดขายลดลง 1.8% ในไตรมาสแรกหากวัดจากค่าเงินเยน แต่เมื่อตัดปัจจัยเรื่องค่าเงินเยนจะพบว่ายอดขายลดลงถึง 14% ส่วนต่างผลกำไรยังลดเหลือ 9.6% จากที่เคยอยู่ที่ 15% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน

"โทชิโซ ทานากะ" หัวหน้าฝ่ายการเงิน "แคนนอน" กล่าวว่า ความต้องการซื้อกล้องคอมแพคหดตัวลงทั้งในตลาดประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา จากปัญหาเศรษฐกิจ และความนิยมในสมาร์ทโฟน

การที่ค่าเงินเยนอ่อนตัว ช่วยให้บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ของญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากกระแสการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีน้อยลง โดย "นินเทนโด" คาดว่ากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น 7 เท่า เพราะได้ประโยชน์จากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

หมายความว่าค่าเงินเยนต้องคงตัวในระดับปัจจุบัน ส่วนแคนนอนก็เพิ่มการคาดการณ์รายได้ปี 2556 ซึ่งน่าจะมีเหตุผลมาจากค่าเงินเยนที่อ่อนตัวเพียงอย่างเดียว หากปราศจากเรื่องค่าเงิน ยอดขายทั้งปีจะค่อนข้างนิ่ง และกำไรอาจลดลงกว่าเดิมได้

"วอลล์สตรีต เจอร์นัล" มองว่า ประสิทธิภาพของกล้องถ่ายรูปในโทรศัพท์สมาร์ทโฟนมีการพัฒนาขึ้นมาก เมื่อบวกกับความต้องการของผู้บริโภคในการแชร์รูปทันทีผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กทำให้กล้องถ่ายรูปประเภทเล็งและถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็วมีความต้องการลดลง ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวกินสัดส่วนยอดส่งกล้องดิจิทัลกว่า 75%



สำหรับ "นินเทนโด" การเปิดตัว Wii U และ 3DS ที่ไม่ราบรื่นนักเป็นสัญญาณชัดเจน เมื่อเทียบกับการเติบโตของเกม "โซเชียลเน็ตเวิร์ก" บนสมาร์ทโฟนที่ค่อนข้างก้าวกระโดด เช่น เกมแก้ปริศนา Puzzle & Dragons ที่ได้รับความนิยมมากในญี่ปุ่น หรือเกมวางแผนยุทธการ Clash of Clans ที่ได้รับการตอบรับดีในสหรัฐอเมริกา โดยนินเทนโดให้ข้อมูลว่า เครื่องเล่นเกม Wii U ที่เปิดตัวใน พ.ย. มียอดขาย 3.45 ล้านเครื่อง หากนับจากปลาย มี.ค.ที่ผ่านมา ไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 4 ล้านเครื่อง แม้จะเคยปรับลดมาแล้วจากที่ตั้งไว้ที่ 5.5 ล้านเครื่อง

3DS ซึ่งเปิดตัวตั้งแต่ 2 ปีที่แล้วทำยอดขายได้ไม่ถึงเป้าเช่นกัน โดยปีงบประมาณที่ผ่านมา "นินเทนโด" ขาย 3DS ไปได้ 13.95 ล้านเครื่อง ต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ที่ 15 ล้านเครื่องใน ม.ค. หลังปรับลดต่อเนื่องถึงสองครั้ง เป้าครั้งแรกใน ก.ค.ปีที่แล้วอยู่ที่ 18.5 ล้านเครื่อง ลดลงเหลือ 17.5 ล้านเครื่องใน ต.ค.















______________________________________





ปรากฏการณ์ "สมาร์ทโฟน" บีบ "นินเทนโด-แคนนอน" เร่งปรับตัว


กระแสสมาร์ทโฟนนอกจากจะมีผลกับตลาดฟีเจอร์โฟนและคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเต็ม ๆ แล้ว ยังส่งแรงสะเทือนไปถึงยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นอย่างแคนนอนและนินเทนโดถึงกับกุมขมับ

"เดอะ วอลล์สตรีต เจอร์นัล" รายงานว่า ในการแถลงผลประกอบการของแคนนอนและนินเทนโดเมื่อ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา ทำให้เห็นว่าสองยักษ์ใหญ่จากสองธุรกิจได้รับผลกระทบจากสมาร์ทโฟนแตกต่างกันไป กล่าวคือยอดจัดส่งกล้องดิจิทัลของ "แคนนอน" หดตัวลงต่อเนื่อง เพราะสมาร์ทโฟนไปแย่งความต้องการซื้อกล้องคอมแพค และทำให้เครื่องเล่นเกมรุ่นใหม่ของ "นินเทนโด" มีบทบาทในตลาดยากลำบากขึ้น จากกระแสการเล่นเกมฟรีในสมาร์ทโฟนที่เพิ่มสูงขึ้นมาก

ปีนี้ยอดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกน่าจะไปถึง 1,000 ล้านเครื่องส่งผลให้อุปกรณ์ไอทีตั้งแต่คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลไปจนถึงเครื่องเล่นเพลงมียอดขายตกต่ำลงถ้วนหน้า



ที่ปรึกษาด้านเกมบนโทรศัพท์มือถือในโตเกียวมองว่า โทรศัพท์คือเครื่องเล่นเกมพกพาที่แฝงตัวมาในกระเป๋าคนทั่วไป

นินเทนโดระบุว่า ไม่สามารถทำผลกำไรและยอดขายในไตรมาสแรกได้เท่าเป้าหมายที่วางไว้ (สิ้นสุดเดือน มี.ค. 2556) เหตุผลหลักมาจากการที่เครื่องเล่นเกมเรือธง 2 รุ่นทำยอดขายได้แย่กว่าที่หวังไว้

ผลการคำนวณของ "วอลล์สตรีต เจอร์นัล" ทำให้เห็นว่า นินเทนโด้น่าจะขาดทุนประมาณ 30,550 ล้านเยน ระหว่าง ม.ค.-มี.ค. เพิ่มจากยอดขาดทุน 20,910 ล้านเยนในช่วงเดียวกันปีก่อน ที่ขาดทุนสุทธิในไตรมาสเดียวกัน 7,450 ล้านเยน เพิ่มจากยอดขาดทุนสุทธิ 5,150 ล้านเยนในปีที่แล้ว

ฝั่ง "แคนนอน" ให้ข้อมูลว่า มีกำไรสุทธิไตรมาสที่ผ่านมาลดลง 34% แม้ยอดขายและรายได้จะได้รับผลประโยชน์จากการที่เงินเยนอ่อนค่าลง โดยธุรกิจ "Imaging-System" ที่มียอดขายจากกล้องกว่า 70% มียอดขายลดลง 1.8% ในไตรมาสแรกหากวัดจากค่าเงินเยน แต่เมื่อตัดปัจจัยเรื่องค่าเงินเยนจะพบว่ายอดขายลดลงถึง 14% ส่วนต่างผลกำไรยังลดเหลือ 9.6% จากที่เคยอยู่ที่ 15% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน

"โทชิโซ ทานากะ" หัวหน้าฝ่ายการเงิน "แคนนอน" กล่าวว่า ความต้องการซื้อกล้องคอมแพคหดตัวลงทั้งในตลาดประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา จากปัญหาเศรษฐกิจ และความนิยมในสมาร์ทโฟน

การที่ค่าเงินเยนอ่อนตัว ช่วยให้บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ของญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากกระแสการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีน้อยลง โดย "นินเทนโด" คาดว่ากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น 7 เท่า เพราะได้ประโยชน์จากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

หมายความว่าค่าเงินเยนต้องคงตัวในระดับปัจจุบัน ส่วนแคนนอนก็เพิ่มการคาดการณ์รายได้ปี 2556 ซึ่งน่าจะมีเหตุผลมาจากค่าเงินเยนที่อ่อนตัวเพียงอย่างเดียว หากปราศจากเรื่องค่าเงิน ยอดขายทั้งปีจะค่อนข้างนิ่ง และกำไรอาจลดลงกว่าเดิมได้

"วอลล์สตรีต เจอร์นัล" มองว่า ประสิทธิภาพของกล้องถ่ายรูปในโทรศัพท์สมาร์ทโฟนมีการพัฒนาขึ้นมาก เมื่อบวกกับความต้องการของผู้บริโภคในการแชร์รูปทันทีผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กทำให้กล้องถ่ายรูปประเภทเล็งและถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็วมีความต้องการลดลง ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวกินสัดส่วนยอดส่งกล้องดิจิทัลกว่า 75%

ข้อมูลจากสมาคมกล้องถ่ายรูปและผลิตภัณฑ์ด้านภาพระบุว่า ยอดส่งกล้องดิจิทัลทั่วโลกช่วงเติบโตสูงสุดจะอยู่ที่ 121.8 ล้านเครื่องในปี 2553 แต่ปีนี้แคนนอนคาดว่าจะอยู่ที่ 70 ล้านเครื่อง ลดลงจากที่เคยคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 83 ล้านตัวในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา โดยบริษัทยังคาดการณ์ว่า ยอดส่งกล้องดิจิทัลงปีนี้จะลดเหลือ 14.5 ล้านเครื่อง จากที่ก่อนหน้านี้เคยคาดว่าจะทำได้ถึง 17 ล้านเครื่อง

ปัจจุบันแคนนอนให้ความสำคัญกับตลาดไฮเอนด์ ซึ่งเป็นผู้นำตลาดจากผลิตภัณฑ์กล้องซิงเกิลเลนส์รีเฟล็กซ์ หรือ "SLR" ที่ยังทำกำไรได้ แคนนอนเข้ามาในตลาด Mirrorless (สายผลิตภัณฑ์กล้องคอมแพคที่ให้ภาพถ่ายสวยงามและเปลี่ยนเลนส์ได้) ค่อนข้างช้า แต่มีสินค้าที่เหมาะกับการแข่งขัน คาดว่าสายผลิตภัณฑ์นี้จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต

สำหรับ "นินเทนโด" การเปิดตัว Wii U และ 3DS ที่ไม่ราบรื่นนักเป็นสัญญาณชัดเจน เมื่อเทียบกับการเติบโตของเกม "โซเชียลเน็ตเวิร์ก" บนสมาร์ทโฟนที่ค่อนข้างก้าวกระโดด เช่น เกมแก้ปริศนา Puzzle & Dragons ที่ได้รับความนิยมมากในญี่ปุ่น หรือเกมวางแผนยุทธการ Clash of Clans ที่ได้รับการตอบรับดีในสหรัฐอเมริกา โดยนินเทนโดให้ข้อมูลว่า เครื่องเล่นเกม Wii U ที่เปิดตัวใน พ.ย. มียอดขาย 3.45 ล้านเครื่อง หากนับจากปลาย มี.ค.ที่ผ่านมา ไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 4 ล้านเครื่อง แม้จะเคยปรับลดมาแล้วจากที่ตั้งไว้ที่ 5.5 ล้านเครื่อง

3DS ซึ่งเปิดตัวตั้งแต่ 2 ปีที่แล้วทำยอดขายได้ไม่ถึงเป้าเช่นกัน โดยปีงบประมาณที่ผ่านมา "นินเทนโด" ขาย 3DS ไปได้ 13.95 ล้านเครื่อง ต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ที่ 15 ล้านเครื่องใน ม.ค. หลังปรับลดต่อเนื่องถึงสองครั้ง เป้าครั้งแรกใน ก.ค.ปีที่แล้วอยู่ที่ 18.5 ล้านเครื่อง ลดลงเหลือ 17.5 ล้านเครื่องใน ต.ค.

บริษัทผู้ผลิตเครื่องเล่นเกมรายนี้ยังยืนยันว่า สมาร์ทโฟนและเกมเล่นฟรีที่หารายได้จากการให้ผู้เล่นซื้ออาวุธและอุปกรณ์ในเกม ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เครื่องเล่นเกม 2 รุ่นล่าสุดไม่ได้ผลตอบรับดีเท่าที่ควร "ซาโตรุ อิวาตะ" ประธาน บริษัทนินเทนโด กล่าวว่า คำตอบของปัญหานี้คือ การทำเกมที่น่าสนใจซึ่งเกมบนสมาร์ทโฟนไม่สามารถเลียนแบบได้ "นินเทนโด" จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพเพื่อสร้างเกมที่คนทั่วไปต้องการเล่น แม้จะทำให้บริษัทอาจต้องพบความล่าช้าในการพัฒนาซอฟต์แวร์มากขึ้นไปอีก

อีกบริษัทที่ได้รับหางเลขจากความนิยมสมาร์ทโฟนคือ ยักษ์ใหญ่เกมออนไลน์บนโซเชียลเน็ตเวิร์ก "ซิงก้า" ที่ปรับตัวไม่ทันล่าสุดแม้จะประกาศว่าทำกำไรได้มากกว่าที่หลายฝ่ายคาดหวังไว้ในไตรมาสแรก แต่ยอดขายรวมกลับลดลง 18% บ่งชี้ให้เห็นสัญญาณว่า ความร้อนแรงของตลาดเกมออนไลน์ทั่วโลกเริ่มตกต่ำ "ซิงก้า" ยังคาดว่า จะกลับมาขาดทุนในไตรมาส 2 และมีรายได้รวมลดลงตามกันไปด้วย

แม้จะทำกำไรได้จากกลยุทธ์การลดต้นทุนในองค์กร แต่ "ซิงก้า" รายงานว่า รายได้จากเกมตั้งแต่ยอดขายสินค้าภายในเกมและขายโฆษณาลดลงถึง 30% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ทั้งคาดว่าไตรมาส 2 จะตกต่ำลงกว่าเดิม

"มาร์ก พินคัส" ซีอีโอ "ซิงก้า" กล่าวว่า บริษัทรับรู้ถึงปัจจัยแวดล้อมทีท้าทายในตลาดขณะนี้ โดยปี 2556 เป็นปีแห่งความเปลี่ยนผ่าน ผลประกอบการของบริษัทคงแปรปรวนพอสมควร ซิงก้าพยายามหาทางขยายธุรกิจเข้าไปในตลาดมือถือมากขึ้น แต่ยังไม่เร็วพอที่จะทดแทนความนิยมเกมบนเว็บไซต์ที่ตกลงต่อเนื่องได้

นอกจากพยายามขยายตัวไปในตลาดเกมมือถือแล้วยังลดจำนวนเกมที่จะเปิดให้บริการให้น้อยลงกว่าเดิมด้วย


http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1367423555&grpid=09&catid=06&subcatid=0603

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.