Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

20 พฤษภาคม 2556 CTH เตรียมโชว์เหนือถ่ายสดพรีเมียร์ลีก ทคโนโลยี 4 จอ (สามารถดูบอลได้ 4 คู่ภายในเวลาเดียว) มั่นใจเป็นผู้นำอินเตอร์เน็ตบบรอดแบนด์ที่สมบูรณ์


ประเด็นหลัก



ขณะที่คู่แข่งอย่าง "ซีทีเอช"  ก่อนที่จะเปิดตัวแสดงความเป็นเจ้าของ "อังกฤษพรีเมียร์ลีก"  หลังจากที่ทุ่มเงินก้อนโตชิงสิทธิ์การถ่ายทอดมาได้  ก็ประกาศรีแบรนด์ภาพลักษณ์ตัวเองครั้งใหญ่  เพื่อสร้างความจดจำ ที่ทันสมัย ถือเป็นการปูทางก่อนขึ้นเป็น "ดิจิตอล บรอดแบนด์ เซอร์วิส"  โดยนายกฤษณัน  งามผาติพงศ์  ประธานกรรมการบริหาร บมจ.  ซีทีเอช  กล่าวว่า การรีแบรนด์บริษัทครั้งนี้ เป็นการเปลี่ยนชื่อจากเดิม บริษัท เคเบิล ไทย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)  เป็นบริษัท  ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) และเปลี่ยนรูปลักษณ์โลโกใหม่  พร้อมทั้งวางแผนโรดแมป ในระยะเวลาอีก 2 ปีจากนี้บริษัทจะสามารถสร้างรายได้ถึง 1 แสนล้านบาท พร้อมทั้งวางตัวเองขึ้นเป็น ดิจิตอล บรอดแบนด์ เซอร์วิส ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีระบบดังกล่าวในปีหน้าให้มีระบบ ดิจิตอล รีเสิร์ช , โฮมช้อปปิ้ง , B2B , เดต้าเบส มาร์เก็ตติ้ง เป็นต้น
    ทั้งนี้บริษัทมองว่าการพัฒนาระบบดังกล่าวนั้นจะช่วยให้มีรายได้ 2 ปีต่อจากนี้ถึง 1 แสนล้านบาท  ขณะเดียวกันการรีแบรนด์ของซีทีเอชครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการให้บริการบรอดแบนด์ครบวงจรเจ้าแรกของประเทศไทย  พร้อมทั้งยกระดับการรับชมคนไทยให้ดีขึ้น นอกจากนี้บริษัทวางเป้าหมายจะเปลี่ยนบรอดแบนด์ให้สมบูรณ์ 100% ได้ภายในระยะเวลา 2 ปี
     "การเปลี่ยนบรอดแบนด์ให้สมบูรณ์  เราเปรียบเทียบเหมือนกับท่อน้ำส่งเข้าบ้าน  ซึ่งผู้บริโภคสามารถเลือกดื่มได้ว่าจะทานน้ำเขียว หรือน้ำเปล่า ซึ่งทั่วโลกมองว่าการเปลี่ยนบรอดแบนด์ให้สมบูรณ์เป็นเรื่องยาก  แต่บริษัทเชื่อมั่นว่าซีทีเอชจะสามารถเปลี่ยนได้และขึ้นเป็นที่ 1 ของโลกสำหรับบรอดแบนด์ที่สมบูรณ์  "
 ++โชว์เหนืออนาคต  ไม่มีกล่อง
    พร้อมทั้งบริษัทยังวางเป้าพัฒนาเทคโนโลยี  ซึ่งในอนาคตสมาชิกไม่จำเป็นต้องใช้กล่องรับสัญญาณ  หากบริษัททำสำเร็จจะจดลิขสิทธิ์เป็นของตัวเอง  ขณะเดียวกันสมาชิกยังสามารถรับชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในรูปแบบเทคโนโลยี 4 จอ (สามารถดูบอลได้ 4 คู่ภายในเวลาเดียว)
     "ปัจจุบันเรามั่นใจว่ารายการของเรามีครบแน่นอน โดยเฉพาะรายการระดับโลกที่เป็นที่ชื่นชอบของผู้ชม นอกจากพรีเมียร์ลีกและ  ฟ็อกซ์ แล้วเรายังมีกีฬามันระดับโลกอื่นๆ อาทิ เทนนิส กอล์ฟ และไฟท์สปอร์ต ในส่วนของภาพยนตร์และซีรีส์ เรายังมีช่องชั้นนำอย่าง KIX และ Thrill มารวมไว้ด้วย  ขณะเดียวกันปีนี้บริษัทใช้งบคอนเทนต์ 1.9 -2 พันล้านบาทต่อปี"
 ++สู้ศึกแข่งช่อง HD
    ปัจจุบันฐานลูกค้า ทรู วิชั่นส์มีจำนวนสมาชิกทั้งสิ้นจำนวน 2 ล้านครัวเรือน มีช่องทั้งหมด 145 ช่อง แบ่งเป็นช่องเอชดี 23 ช่อง และภายในไตรมาสสามทรู วิชั่นส์จะเพิ่มช่องเป็น 30 ช่อง โดยช่องเอชดี พร้อมทั้งปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้สิ้นปีตัวเลขหลักเดียว
    ขณะที่ซีทีเอช ปัจจุบันมีผู้ประกอบการเคเบิลทีวี  170 แห่งทั่วประเทศเป็นผู้ดูแลลูกค้ากว่า 900 อำเภอ ทั่วประเทศโดยแต่ละผู้ประกอบการมีฐานลูกค้าอยู่แล้วกว่า 2.5 ล้านครัวเรือน  ขณะนี้ได้ทยอยเปลี่ยนกล่อง Set-top-box ให้สมาชิกเก่าจนครบก่อน  พร้อมทั้งในส่วนของช่องรายการปัจจุบันของซีทีเอชปัจจุบันมีทั้งสิ้น 120 ช่อง แบ่งเป็นเอชดี 34 ช่องโดยในอนาคตซีทีเอชจะปรับให้ทุกช่องเป็นเอชดี  รวมถึงสมาชิกที่ดูพรีเมียร์ลีกจะสามารถดูช่องเอชดีได้ทั้งหมด
    การชิงความเป็นผู้นำในโลก "เคเบิลทีวี"  เริ่มปะทุขึ้น  และสนามรบแห่งนี้ยังเปิดกว้างสำหรับผู้เล่นที่พร้อมตลอดเวลา


______________________________________







ทรู วิชั่นส์ VS ซีทีเอช ลั่นกลองรบ!!

กลายเป็น "คู่เอก"  ที่ต้องจับตาในวงการเคเบิลทีวีเมืองไทย  สำหรับ "ทรู วิชั่นส์และซีทีเอช"   หลังจาก (เคย) ปะทะกันในการประมูลการชิงสิทธิ์ ถ่ายทอดฟุตบอลอังกฤษพรีเมียร์ลีกไปเมื่อปีก่อน  เหมือนเป็นการประกาศศึกสงครามอย่างชัดเจน

  หากย้อนรอยไป "ทรู วิชั่นส์" ในอดีตจุดเริ่มต้นเริ่มจากการวางตัวเองเป็น พรีเมียม เพย์ทีวีรายแรกในประเทศที่เปิดให้บริการ  ขณะที่ "ซีทีเอช" ในอดีตเคยเป็นเคเบิลท้องถิ่น และปัจจุบันผนึกกำลังกับเคเบิลรายเล็กทั่วประเทศกว่า 100 ราย สร้างความแข็งแกร่ง เติบใหญ่เป็น เคเบิลระดับประเทศ พร้อมทุนสนับสนุนก้อนโต
     ล่าสุด 2 บริษัทได้เปิดแผนรุกตลาด หวังโชว์พลัง พร้อมกลยุทธ์ แท็กติกส์ทั้งด้านบริการ เทคโนโลยี เพื่อชิงฐานลูกค้าที่นับวันจะมีแต่ขยายเพิ่มขึ้นๆ
อาณัติ เมฆไพบูลย์วัฒนา ++ ทรู วิชั่นส์ โชว์ 4 King Content
    ด้วยเป้าหมายตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านคอนเทนต์  การประกาศยุทธศาสตร์ในการรุกครั้งนี้ ของ "ทรู วิชั่นส์"  จึงชูความโดดเด่นโดยเทน้ำหนักไปที่ "คอนเทนต์"  เป็นหลัก
    โดยนายอาณัติ เมฆไพบูลย์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บมจ. ทรู วิชั่นส์  กล่าวว่า  เป้าหมายของบริษัท คือ การก้าวขึ้นเป็นผู้นำทั้ง 5 ด้าน คือ คอนเทนต์ , แพ็กเกจ , เทคโนโลยี  , บริการ และสิทธิพิเศษ ซึ่งบริษัทมองว่าสมาชิกของลูกค้าทรู วิชั่นส์ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มครอบครัว  แม้ในครั้งนี้จะไม่มีคอนเทนต์พรีเมียร์ลีกแล้วก็ตาม  แต่บริษัทเชื่อมั่นว่ายังมีสมาชิกจำนวนมากที่ต้องการคอนเทนต์ที่หลากหลาย  บริษัทจึงพยายามหาคอนเทนต์มาตอบโจทย์สมาชิกให้ครบถ้วน
     "ยอมรับว่ามีบ้างที่กลุ่มคนดูคอนเทนต์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอย่างเดียวหายไป  แต่เป็นจำนวนเล็กน้อย  แต่ก็ยังมีสมาชิกจำนวนมากที่ยังชมทรู วิชั่นส์อยู่   เพราะผู้ที่เป็นสมาชิกของทรู วิชั่นส์ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มครอบครัว  ซึ่งมีความต้องการการรับชมคอนเทนต์ที่แตกต่างกัน  อีกทั้งบริษัทมองว่าการลดราคาแพ็กเกจไม่สำคัญเท่ากับการมีคอนเทนต์ที่หลากหลาย  และเชื่อว่าคอนเทนต์จำนวนมากจะสามารถดึงกลุ่มลูกค้าเข้ามาได้เพิ่มขึ้น  โดยปีนี้บริษัทมุ่งเน้น 4 คอนเทนต์หลัก คือ ภาพยนตร์, สาระความรู้ , กีฬา และเอนเตอร์เทนเมนต์  พร้อมทั้งปีนี้บริษัทได้เพิ่มงบคอนเทนต์จากปีที่แล้วอีก 1 พันล้านบาท จากเดิมใช้งบอยู่ที่ประมาณ 3.5 พันล้านบาท  รวมปีนี้บริษัทใช้งบดังกล่าว 4.5 พันล้านบาท"
 ++เปิดตัว 2 แพ็กเกจใหม่  อุดจุดบอดการตลาด
    ล่าสุดทรู วิชั่นส์ ได้เปิดตัว 2 แพ็กเกจใหม่ คือ  ซูเปอร์โนว-เลจ แพ็กเกจ และ ซูเปอร์สปอร์ตส์ แพ็กเกจ ในราคาที่จับต้องได้ และสามารถเข้าถึงได้ทุกครัวเรือน พร้อมดึงช่องรายการมากมายมารวมอยู่ใน 2 แพ็กเกจใหม่  อาทิ ซูเปอร์โนว-เลจ แพ็กเกจ เป็นแพ็กเกจที่เน้นช่องรายการสาระความรู้ที่เป็นประโยชน์ และส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพความรู้ด้านต่างๆ จำนวน 116 ช่อง นำโดย Discovery Home & Health ช่องสารคดีสำหรับผู้หญิง, Discovery Turbo เจาะกลุ่มคนรักยานยนต์, Discovery Science ตอบทุกเรื่องเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี, TLC ช่องสารคดีเกี่ยวกับการท่องเที่ยว อาหาร และความบันเทิง, H2 ช่องสารคดียอดนิยมในระบบไฮเดฟินิชัน ช่องใหม่จากเครือ History, BBC Lifestyle ช่องรายการไลฟ์สไตล์จากเกาะอังกฤษ และอื่นๆ ในราคา 590 บาทต่อเดือน
    ขณะที่ ซูเปอร์สปอร์ตส์ แพ็กเกจ โฉมใหม่จะเน้นรายการกีฬาระดับโลกและระดับประเทศ พร้อมกับ 11 ช่องรายการกีฬา รวม 95 ช่องครบทุกกลุ่มรายการ เน้นเพิ่มเติมการถ่ายทอดสดและยกระดับอรรถรสความบันเทิงด้วยการรับชมกีฬาโปรดในระบบไฮเดฟินิชันมากขึ้น นำโดย ช่อง TrueSport HD2, Golf Channel Thailand HD, TrueSport2, TrueSport5, TrueSport6, TrueSport7, สยามกีฬา ทีวี, สตาร์ซอคเกอร์ ทีวี, ฟุตบอลสยาม ทีวี, T-Sports และ Speed Channel ซึ่งสมาชิกสามารถรับชมกีฬาทั้งฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ฟุตบอลกัลโช่ เซเรีย อา, ฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก, มวย รายการดังอย่าง Thai Fight,  สนุกเกอร์ และกอล์ฟหลายรายการ อาทิ PGA TOUR, ASIAN TOUR และ RYDER CUP ใน ราคา  495 บาทต่อเดือน
    ทั้งนี้จากเดิมบริษัทมีแพ็กเกจทั้งสิ้น คือ Platinum HD , Gold HD , Super Entertainment พร้อมทั้งคาดว่า 2 แพ็กเกจใหม่นี้จะมีผู้สมัครแพ็กเกจเข้ามากว่า 1 แสนราย ขณะเดียวกันปีนี้บริษัทได้เพิ่มงบโฆษณาอีก 200 ล้านบาทจากปีที่แล้ว จากเดิมใช้อยู่ที่ประมาณ 400 ล้านบาทต่อปี
กฤษณัน งามผาติพงศ์ ++ซีทีเอช  วางเป้า 2 ปีทะยานรายได้แสนล้าน
    ขณะที่คู่แข่งอย่าง "ซีทีเอช"  ก่อนที่จะเปิดตัวแสดงความเป็นเจ้าของ "อังกฤษพรีเมียร์ลีก"  หลังจากที่ทุ่มเงินก้อนโตชิงสิทธิ์การถ่ายทอดมาได้  ก็ประกาศรีแบรนด์ภาพลักษณ์ตัวเองครั้งใหญ่  เพื่อสร้างความจดจำ ที่ทันสมัย ถือเป็นการปูทางก่อนขึ้นเป็น "ดิจิตอล บรอดแบนด์ เซอร์วิส"  โดยนายกฤษณัน  งามผาติพงศ์  ประธานกรรมการบริหาร บมจ.  ซีทีเอช  กล่าวว่า การรีแบรนด์บริษัทครั้งนี้ เป็นการเปลี่ยนชื่อจากเดิม บริษัท เคเบิล ไทย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)  เป็นบริษัท  ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) และเปลี่ยนรูปลักษณ์โลโกใหม่  พร้อมทั้งวางแผนโรดแมป ในระยะเวลาอีก 2 ปีจากนี้บริษัทจะสามารถสร้างรายได้ถึง 1 แสนล้านบาท พร้อมทั้งวางตัวเองขึ้นเป็น ดิจิตอล บรอดแบนด์ เซอร์วิส ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีระบบดังกล่าวในปีหน้าให้มีระบบ ดิจิตอล รีเสิร์ช , โฮมช้อปปิ้ง , B2B , เดต้าเบส มาร์เก็ตติ้ง เป็นต้น
    ทั้งนี้บริษัทมองว่าการพัฒนาระบบดังกล่าวนั้นจะช่วยให้มีรายได้ 2 ปีต่อจากนี้ถึง 1 แสนล้านบาท  ขณะเดียวกันการรีแบรนด์ของซีทีเอชครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการให้บริการบรอดแบนด์ครบวงจรเจ้าแรกของประเทศไทย  พร้อมทั้งยกระดับการรับชมคนไทยให้ดีขึ้น นอกจากนี้บริษัทวางเป้าหมายจะเปลี่ยนบรอดแบนด์ให้สมบูรณ์ 100% ได้ภายในระยะเวลา 2 ปี
     "การเปลี่ยนบรอดแบนด์ให้สมบูรณ์  เราเปรียบเทียบเหมือนกับท่อน้ำส่งเข้าบ้าน  ซึ่งผู้บริโภคสามารถเลือกดื่มได้ว่าจะทานน้ำเขียว หรือน้ำเปล่า ซึ่งทั่วโลกมองว่าการเปลี่ยนบรอดแบนด์ให้สมบูรณ์เป็นเรื่องยาก  แต่บริษัทเชื่อมั่นว่าซีทีเอชจะสามารถเปลี่ยนได้และขึ้นเป็นที่ 1 ของโลกสำหรับบรอดแบนด์ที่สมบูรณ์  "
 ++โชว์เหนืออนาคต  ไม่มีกล่อง
    พร้อมทั้งบริษัทยังวางเป้าพัฒนาเทคโนโลยี  ซึ่งในอนาคตสมาชิกไม่จำเป็นต้องใช้กล่องรับสัญญาณ  หากบริษัททำสำเร็จจะจดลิขสิทธิ์เป็นของตัวเอง  ขณะเดียวกันสมาชิกยังสามารถรับชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในรูปแบบเทคโนโลยี 4 จอ (สามารถดูบอลได้ 4 คู่ภายในเวลาเดียว)
     "ปัจจุบันเรามั่นใจว่ารายการของเรามีครบแน่นอน โดยเฉพาะรายการระดับโลกที่เป็นที่ชื่นชอบของผู้ชม นอกจากพรีเมียร์ลีกและ  ฟ็อกซ์ แล้วเรายังมีกีฬามันระดับโลกอื่นๆ อาทิ เทนนิส กอล์ฟ และไฟท์สปอร์ต ในส่วนของภาพยนตร์และซีรีส์ เรายังมีช่องชั้นนำอย่าง KIX และ Thrill มารวมไว้ด้วย  ขณะเดียวกันปีนี้บริษัทใช้งบคอนเทนต์ 1.9 -2 พันล้านบาทต่อปี"
 ++สู้ศึกแข่งช่อง HD
    ปัจจุบันฐานลูกค้า ทรู วิชั่นส์มีจำนวนสมาชิกทั้งสิ้นจำนวน 2 ล้านครัวเรือน มีช่องทั้งหมด 145 ช่อง แบ่งเป็นช่องเอชดี 23 ช่อง และภายในไตรมาสสามทรู วิชั่นส์จะเพิ่มช่องเป็น 30 ช่อง โดยช่องเอชดี พร้อมทั้งปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้สิ้นปีตัวเลขหลักเดียว
    ขณะที่ซีทีเอช ปัจจุบันมีผู้ประกอบการเคเบิลทีวี  170 แห่งทั่วประเทศเป็นผู้ดูแลลูกค้ากว่า 900 อำเภอ ทั่วประเทศโดยแต่ละผู้ประกอบการมีฐานลูกค้าอยู่แล้วกว่า 2.5 ล้านครัวเรือน  ขณะนี้ได้ทยอยเปลี่ยนกล่อง Set-top-box ให้สมาชิกเก่าจนครบก่อน  พร้อมทั้งในส่วนของช่องรายการปัจจุบันของซีทีเอชปัจจุบันมีทั้งสิ้น 120 ช่อง แบ่งเป็นเอชดี 34 ช่องโดยในอนาคตซีทีเอชจะปรับให้ทุกช่องเป็นเอชดี  รวมถึงสมาชิกที่ดูพรีเมียร์ลีกจะสามารถดูช่องเอชดีได้ทั้งหมด
    การชิงความเป็นผู้นำในโลก "เคเบิลทีวี"  เริ่มปะทุขึ้น  และสนามรบแห่งนี้ยังเปิดกว้างสำหรับผู้เล่นที่พร้อมตลอดเวลา

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=183273:--vs--&catid=107:2009-02-08-11-34-25&Itemid=456

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.