27 พฤษภาคม 2556 กสทช. ฟัน รายการปากโป้ง ช่อง8 นื้อหารายการขัดศีลธรรม (ตักเตือนก่อน) ชี้พูดไม่สุภาพและเหมาะสม ให้คำนึงถึงหลักวิชาชีพและสื่อสารมวลชน
ประเด็นหลัก
เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 56 พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และประธานคณะกรรมการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ (กสท.) กล่าวว่า กรณีของการให้สัมภาษณ์รายการ "ปากโป้ง" ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ของบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวหลังจากที่ได้มีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนโดยคณะอนุกรรมการเนื้อหารายการและผังรายการของ กสท.แล้ว คณะกรรมการ กสท.ได้มีมติเห็นชอบในหลักการการพิจารณาการกระทำของผู้อำนวยการสถานีและผู้รับใบอนุญาต คือ อาร์เอส ว่ามีการกระทำและพฤติกรรมที่เข้าข่ายเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 37 วรรค 1 ที่มีการแพร่ภาพรายการซึ่งมีเนื้อหารายการขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน
ประธาน กสท. กล่าวต่อว่า ส่วนการกำหนดโทษความผิดดังกล่าวนั้น ให้สำนักงาน กสทช.พิจารณาทบทวน โดยให้คำนึงถึงพฤติกรรมแห่งการกระทำ ผลกระทบ และความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง จากกระทำความผิดของผู้ถูกร้องเรียนตามประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการ การรวบรวมข้อเท็จจริงการกระทำความผิด ที่มีโทษตามปกครอง พ.ศ.2556 โดยให้นำเสนอที่ประชุมในครั้งต่อไป นอกจากนี้ ยังให้ผู้อำนวยการสถานีและผู้รับใบอนุญาตดำเนินการลงโทษ หรือตักเตือนผู้ดำเนินรายการและพิธีกร โดยให้คำนึงถึงหลักวิชาชีพและสื่อสารมวลชน ที่จะต้องมีความเป็นกลาง ใช้ภาษาสุภาพและเหมาะสม โดยให้รายงานผลการลงโทษ หรือตักเตือนดังกล่าวให้ กสทช.รับทราบด้วย
______________________________________
'อาร์เอส'หนาว กสทช.ฟัน'ปากโป้ง' เนื้อหารายการขัดศีลธรรม
บอร์ด กสท.ชี้ การสัมภาษณ์รายการ "ปากโป้ง" ช่อง 8 อาร์เอส มีการกระทำและพฤติกรรมที่เข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 37 วรรค 1 คาดโทษตักเตือน ปรับ พักใช้ และเพิกถอนใบอนุญาต...
เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 56 พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และประธานคณะกรรมการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ (กสท.) กล่าวว่า กรณีของการให้สัมภาษณ์รายการ "ปากโป้ง" ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ของบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวหลังจากที่ได้มีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนโดยคณะอนุกรรมการเนื้อหารายการและผังรายการของ กสท.แล้ว คณะกรรมการ กสท.ได้มีมติเห็นชอบในหลักการการพิจารณาการกระทำของผู้อำนวยการสถานีและผู้รับใบอนุญาต คือ อาร์เอส ว่ามีการกระทำและพฤติกรรมที่เข้าข่ายเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 37 วรรค 1 ที่มีการแพร่ภาพรายการซึ่งมีเนื้อหารายการขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน
ประธาน กสท. กล่าวต่อว่า ส่วนการกำหนดโทษความผิดดังกล่าวนั้น ให้สำนักงาน กสทช.พิจารณาทบทวน โดยให้คำนึงถึงพฤติกรรมแห่งการกระทำ ผลกระทบ และความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง จากกระทำความผิดของผู้ถูกร้องเรียนตามประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการ การรวบรวมข้อเท็จจริงการกระทำความผิด ที่มีโทษตามปกครอง พ.ศ.2556 โดยให้นำเสนอที่ประชุมในครั้งต่อไป นอกจากนี้ ยังให้ผู้อำนวยการสถานีและผู้รับใบอนุญาตดำเนินการลงโทษ หรือตักเตือนผู้ดำเนินรายการและพิธีกร โดยให้คำนึงถึงหลักวิชาชีพและสื่อสารมวลชน ที่จะต้องมีความเป็นกลาง ใช้ภาษาสุภาพและเหมาะสม โดยให้รายงานผลการลงโทษ หรือตักเตือนดังกล่าวให้ กสทช.รับทราบด้วย
พ.อ.นที กล่าวอีกว่า กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือน ม.ค.2556 ที่ผ่านมา เป็นกรณีที่รายการ "ปากโป้ง" มีการนำเอาเด็กที่เป็นออทิสติกมาออกรายการ และสัมภาษณ์ถึงกรณีที่เด็กคนดังกล่าวโดนกระทำชำเราในลักษณะที่ผิดศีลธรรมตามมาตรา 37 คือเป็นการสอบถามในรายการค่อนข้างที่จะยาวนานและลงในรายละเอียดค่อนข้างมาก โดยคณะอนุกรรมการได้เชิญผู้แทนจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาสอบถามความเห็นในประเด็นเหล่านี้ และท้ายที่สุดก็ได้นำผลสรุปต่อคณะกรรมการ กสท.
ประธาน กสท. กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นคณะกรรมการเห็นชอบในหลักการว่ากรณีนี้เข้าข่าย แต่ในเรื่องของความผิดต่างๆ ให้เป็นไปตามประกาศของ กสทช. โดยรวบรวมข้อเท็จจริงและกระบวนการให้ถูกต้องก่อนที่จะตัดสินต่อไป ซึ่งทางอาร์เอสได้มาชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว และมีการประชุมคณะอนุกรรมการไม่ต่ำกว่า 4-5 ครั้ง ซึ่งการลงโทษเป็นไปได้ตั้งแต่การตักเตือน ปรับ พักใช้ และเพิกถอนใบอนุญาต.
โดย: ไทยรัฐออนไลน์
http://m.thairath.co.th/content/tech/347453
ไม่มีความคิดเห็น: