06 มิถุนายน 2556 (เกาะติดประมูลDigital TV) M Channel พร้อมทุ่มงบ 400-500 ล้าน ก่อนรับสภาพขาดทุน 1- 2 ปีแรก//เตรียมใช้เงินลงทุนอีกกว่า 80 ล้านบาทในการซื้อคอนเทนต์ทั้งในและต่างประเทศและภายในปี 2557
ประเด็นหลัก
สยามรัศมิ์ เลาหสุขเกษม นายสยามรัศมิ์ เลาหสุขเกษม กรรมการผู้จัดการบริษัท เมเจอร์ กันตนา บรอดแคสติ้ง จำกัด ผู้ผลิตรายการ หรือคอนเทนต์โพรไวเดอร์ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า นโยบายของบริษัท พร้อมเข้าร่วมประมูลทีวีดิจิตอลในช่องทั่วไประบบ SD (ความคมชัดมาตรฐาน) จำนวน 1 ช่อง เนื่องจากบริษัทมองว่าช่องทีวีดิจิตอลเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจในการชิงเค้กก้อนใหญ่ของตลาดรวมรายได้โฆษณาทีวีกว่า 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งการประมูลครั้งนี้บริษัทได้เตรียมงบลงทุนราว 400-500 ล้านบาท เบื้องต้นประเมินว่า ใน 1-2 ปีแรกอาจจะต้องเผชิญปัญหาขาดทุน แต่บริษัทไม่กังวลเพราะมองว่าในอนาคตจะสามารถทำรายได้คุ้มทุนได้
นอกจากนี้บริษัทเตรียมใช้เงินลงทุนอีกกว่า 80 ล้านบาทในการซื้อคอนเทนต์ทั้งในและต่างประเทศ และภายในปี 2557 บริษัทจะผลิตคอนเทนต์ป้อนสู่ช่องทีวีประเทศเพื่อนบ้าน โดยเริ่มจากประเทศเมียนม่าร์ เนื่องจากบริษัทมองว่า เป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมาก ต่อจากนั้นเป็นลาว และเวียดนาม
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปีนี้บริษัทตั้งที่จะมีรายได้ราว 150 ล้านบาท หลังจากที่ปีก่อนมีรายได้กว่า 120 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปี 2554 ราว 100% แบ่งเป็นรายได้จากโฆษณา 80% เอสเอ็มเอส 3-5% และอื่นๆ 15% ซึ่งสาเหตุการเติบโตมาจากการวัดเรตติ้งของช่องทีวีดาวเทียมที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีรายได้เติบโตมาจากกลุ่มลูกค้าเอเยนซีกว่า 30%
ปัจจุบันอัตรารายได้ค่าโฆษณาของบริษัทอยู่ที่ 5 พัน - 1 หมื่นบาทต่อนาที โดยเป็นราคาที่ปรับเพิ่มขึ้นแล้วจากช่วงต้นปีกว่า 30% อีกทั้งในปีนี้บริษัทยังวางแผนร่วมกับเคเบิ้ลซีทีเอชผลิตคอนเทนต์ป้อนให้อีก 1 ช่องโดยไม่มีการโฆษณาภายในช่องแต่อย่างใด และเน้นการทำตลาดเพื่อสร้างแบรนด์เอ็มแชนแนล ผ่านทางสื่อนิตยสาร และหนังสือพิมพ์แจกฟรี (แท็บลอยด์) เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายทั้งในอะโบฟเดอะไลน์ และบีโลว์เดอะไลน์ด้วย
______________________________________
เอ็มแชนแนลจองเอสดีทีวีดิจิตอล
"เอ็มแชนแนล"มาแรง ขอเอี่ยวประมูลทีวีดิจิตอลหวังเพื่อช่องทางสร้างรายได้โฆษณาทางทีวี เผยพร้อมทุ่มงบ 400-500 ล้าน ก่อนรับสภาพขาดทุน 1- 2 ปีแรก ชี้เตรียมอัดฉีดงบ 80 ล้านบาทซื้อคอนเทนต์ไทย/เทศ เจาะทุกแพลตฟอร์ม และผลิตรายการป้อนเพื่อนบ้านทั้งเมียนมาร์ ลาว และเวียดนาม
สยามรัศมิ์ เลาหสุขเกษม นายสยามรัศมิ์ เลาหสุขเกษม กรรมการผู้จัดการบริษัท เมเจอร์ กันตนา บรอดแคสติ้ง จำกัด ผู้ผลิตรายการ หรือคอนเทนต์โพรไวเดอร์ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า นโยบายของบริษัท พร้อมเข้าร่วมประมูลทีวีดิจิตอลในช่องทั่วไประบบ SD (ความคมชัดมาตรฐาน) จำนวน 1 ช่อง เนื่องจากบริษัทมองว่าช่องทีวีดิจิตอลเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจในการชิงเค้กก้อนใหญ่ของตลาดรวมรายได้โฆษณาทีวีกว่า 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งการประมูลครั้งนี้บริษัทได้เตรียมงบลงทุนราว 400-500 ล้านบาท เบื้องต้นประเมินว่า ใน 1-2 ปีแรกอาจจะต้องเผชิญปัญหาขาดทุน แต่บริษัทไม่กังวลเพราะมองว่าในอนาคตจะสามารถทำรายได้คุ้มทุนได้
"ทีวีดิจิตอลเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการสื่ออย่างมาก รวมถึงบริษัทด้วยเช่นกัน เพราะในปัจจุบันบริษัทมีอุปกรณ์และคอนเทนต์กว่า 1 พันเรื่อง ทั้งที่ผลิตเองและซื้อมา ซึ่งการเจาะช่องทางสื่อทีวีดิจิตอลนั้นบริษัทต้องการให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่มจากเดิม ที่มีช่องเอ็มแชนแนลออกอากาศผ่านเคเบิลและทีวีดาวเทียมเท่านั้น แต่ปัจจุบันบริษัทได้ก้าวเข้าไปในตลาดแพลตฟอร์มของโมบายและสมาร์ททีวีด้วย ซึ่งทีวีดิจิตอลจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในอนาคต"
ทั้งนี้บริษัทวางผังรูปแบบช่องรายการ โดยแบ่งสัดส่วนรายการออกเป็น เอ็นเตอร์เทนเมนต์ 70% และรายการเนื้อหาที่มีสาระ 30% โดยปัจจุบันช่องเอ็มแชนแนล ติดอันดับ 1 ใน 4 ของช่องทีวีดาวเทียมที่ได้รับความนิยม คือ ช่องสบายดีทีวี ,ช่อง8 , ช่องเวิร์คพ้อยท์ และช่องเอ็มแชนแนล เป็นต้น
นายสยามรัศมิ์ กล่าวอีกว่า การที่เอ็มพิคเจอร์ส ได้เข้ามาถือหุ้นช่องเอ็มแชนแนล ทำให้เอ็มแชนแนลได้สิทธิในการคัดเลือกและกำหนดช่องทางการจัดจำหน่ายภาพยนตร์ที่ทางเอ็มพิคเจอร์ส เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ทั้งภาพยนตร์ไทย และภาพยนตร์จากต่างประเทศ พร้อมทั้งเตรียมสร้างโปรเจ็กต์ใหม่ๆเพิ่ม ขณะที่การเข้ามาถือหุ้นของเอ็มพิคเจอร์ส ยังส่งผลให้เอ็มแชนแนล มีศักยภาพในการรวบรวมคอนเทนต์ภาพยนตร์และเงินลงทุนจากกลุ่มเมเจอร์มากขึ้น เพื่อตอบสนองกับเทคโนโลยีและช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่
ปัจจุบันธุรกิจที่สร้างรายได้หลักให้กับบริษัทคือ ผู้ผลิตคอนเทนต์ ซึ่งบริษัทมีเป้าหมายใน 3 ด้านคือ พัฒนาคอนเทนต์ให้มีคุณภาพ , สร้างคอนเทนต์โดยผลิตป้อนให้กับฟรีทีวี เคเบิลทีวี และช่องทีวีดาวเทียม และแผนการซื้อคอนเทนต์จากต่างประเทศ
นอกจากนี้บริษัทเตรียมใช้เงินลงทุนอีกกว่า 80 ล้านบาทในการซื้อคอนเทนต์ทั้งในและต่างประเทศ และภายในปี 2557 บริษัทจะผลิตคอนเทนต์ป้อนสู่ช่องทีวีประเทศเพื่อนบ้าน โดยเริ่มจากประเทศเมียนม่าร์ เนื่องจากบริษัทมองว่า เป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมาก ต่อจากนั้นเป็นลาว และเวียดนาม
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปีนี้บริษัทตั้งที่จะมีรายได้ราว 150 ล้านบาท หลังจากที่ปีก่อนมีรายได้กว่า 120 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปี 2554 ราว 100% แบ่งเป็นรายได้จากโฆษณา 80% เอสเอ็มเอส 3-5% และอื่นๆ 15% ซึ่งสาเหตุการเติบโตมาจากการวัดเรตติ้งของช่องทีวีดาวเทียมที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีรายได้เติบโตมาจากกลุ่มลูกค้าเอเยนซีกว่า 30%
ปัจจุบันอัตรารายได้ค่าโฆษณาของบริษัทอยู่ที่ 5 พัน - 1 หมื่นบาทต่อนาที โดยเป็นราคาที่ปรับเพิ่มขึ้นแล้วจากช่วงต้นปีกว่า 30% อีกทั้งในปีนี้บริษัทยังวางแผนร่วมกับเคเบิ้ลซีทีเอชผลิตคอนเทนต์ป้อนให้อีก 1 ช่องโดยไม่มีการโฆษณาภายในช่องแต่อย่างใด และเน้นการทำตลาดเพื่อสร้างแบรนด์เอ็มแชนแนล ผ่านทางสื่อนิตยสาร และหนังสือพิมพ์แจกฟรี (แท็บลอยด์) เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายทั้งในอะโบฟเดอะไลน์ และบีโลว์เดอะไลน์ด้วย
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=185645:2013-06-04-06-20-52&catid=106:-marketing&Itemid=456
ไม่มีความคิดเห็น: