Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

06 มิถุนายน 2556 แอดไวซ์ รู้กระแส!! แท็บเลต ต่ำ 5000 บาทขาลง เหตุใช้งานไม่ได้จริง เอเซอร์เพิ่มความเห็น++หลังคนส่วนใหญ่ไม่ประทับใจในการใช้งานแท็บเลตจีนราคาถูก



ประเด็นหลัก


ณัฏฐ์ ณัฐนิธิการัชต์    นายณัฏฐ์ ณัฐนิธิการัชต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทไทยร่วมค้าเดอะซิสเต็มส์ จำกัด ผู้ประกอบการค้าปลีกและค้าส่งสินค้าภายใต้ชื่อ "แอดไวซ์ "   ผู้ค้าแท็บเลตรายใหญ่   เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าตลาดแท็บเลตช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีการชะลอลงไป โดยมองว่าความต้องการที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่กระแสที่เกิดขึ้นหลังจากโครงการแท็บเลตเด็กประถม 1 เท่านั้น  ทำให้ผู้บริโภคอยากทดลองใช้งาน และมีการซื้อเครื่องราคาถูกไปทดลองใช้งาน ส่วนปีนี้คือดีมานด์ที่เกิดขึ้นจากผู้บริโภคที่ต้องการใช้งานจริง     ซึ่งพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคก็เปลี่ยนไป  โดยผู้บริโภคในเมืองที่มีประสบการณ์ใช้แท็บเลตราคาถูก เริ่มหันไปซื้อแท็บเลตราคามากกว่า 5,000 บาท มาใช้งานมากขึ้น
    "ยอมรับว่าตลาดแท็บเลตอยู่ในช่วงขาลง   โดยการเติบโตที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่กระแส  ซึ่งตลาดแท็บเลตไปไวกว่าที่คาด  โดยประเมินว่าการเติบโตจะไปอยู่ที่สมาร์ทโฟนจอใหญ่ ขนาด 5 นิ้วขึ้นไป  หรือ แฟ็บเลต    ส่วนแท็บเลตนั้นประเมินว่าปีหน้าจะกลายเป็นเพียงทับกระดาษ"
    นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายบริหารการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่าแนวโน้มการแข่งขันในตลาดแท็บเลตและสมาร์ทโฟนมีสูงมาก  โดยคาดการณ์ว่าโอเปอเรเตอร์ทุกราย  จะเข้ามาแข่งขันในตลาดดังกล่าว    ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทได้ปรับทิศทางการทำตลาดโดยมุ่งไปยังตลาดโน้ตบุ๊กแบบไฮบริด หรือ โน้ตบุ๊กที่มีความสามารถใช้งานเป็นแท็บเลตมากขึ้น   โดยมองว่าเป็นทิศทางที่สร้างความยั่งยืนให้ธุรกิจมากกว่า   เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่เป็นไฮบริด สามารถตอบสนองการใช้งานได้ทั้งการทำงาน  และความบันเทิง   ขณะที่แท็บเลต ตอบสนองการใช้งานด้านความบันเทิงเป็นหลัก    
    ขณะเดียวกันยังได้ปรับลดเป้าหมายการทำตลาดสมาร์ทโฟน และแท็บเลตลงมาเหลือเดือนละ 15,000 เครื่อง  จากเดิมต้นปี 2556 ตั้งเป้าหมายมียอดขายเอเซอร์ B1 ประมาณเดือนละ 50,000 เครื่อง
    นายนิธิพัทธ์กล่าวต่ออีกว่าตลาดแท็บเลตมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างรวดเร็ว  โดยแนวโน้มการเลือกซื้อแท็บเลตของผู้บริโภคปีนี้เริ่มเปลี่ยนไปซื้อแท็บเลตแบรนด์เนม ราคามากกว่า 5 พันบาท   ภายหลังจากไม่ประทับใจในการใช้งานแท็บเลตจีนราคาถูก  เนื่องจากแท็บเลตจีน ราคาถูก ไม่สามารถตอบสนองการใช้งานจริงได้   โดยมองว่าแท็บเลตที่มีปริมาณการซื้อสูงสุดในปีนี้จะไม่ได้อยู่ที่กลุ่มราคา 2พัน-5พันบาท   แต่จะเป็นแท็บเลตราคาสูงกว่า 5 พันบาท ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด จากตัวเลขคาดการณ์แท็บเลตปีนี้ 3.5 ล้านเครื่อง



______________________________________






'แอดไวซ์'ประเมินแท็บเลตเข้าสู่กระแสขาลง





ผู้ค้าประเมินแท็บเลตขาลง คาดปีหน้ากลายเป็นที่พับกระดาษ  ขณะที่ผู้ผลิต "เอเซอร์" หันชูโน้ตบุ๊กไฮบริด ลดเป้าแท็บเลต-สมาร์ทโฟนเหลือเดือนละ 1.5 หมื่นเครื่อง จากเดิมวางยอดขาย รุ่นB 1 ราคา 3.9 พันบาทเดือนละ  5 หมื่น  ส่วนอินเทล ส่งอะตอมบุกตลาดสมาร์ทโฟน-แท็บเลต ทั้งวินโดว์ส-แอนดรอยด์

ณัฏฐ์ ณัฐนิธิการัชต์    นายณัฏฐ์ ณัฐนิธิการัชต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทไทยร่วมค้าเดอะซิสเต็มส์ จำกัด ผู้ประกอบการค้าปลีกและค้าส่งสินค้าภายใต้ชื่อ "แอดไวซ์ "   ผู้ค้าแท็บเลตรายใหญ่   เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าตลาดแท็บเลตช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีการชะลอลงไป โดยมองว่าความต้องการที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่กระแสที่เกิดขึ้นหลังจากโครงการแท็บเลตเด็กประถม 1 เท่านั้น  ทำให้ผู้บริโภคอยากทดลองใช้งาน และมีการซื้อเครื่องราคาถูกไปทดลองใช้งาน ส่วนปีนี้คือดีมานด์ที่เกิดขึ้นจากผู้บริโภคที่ต้องการใช้งานจริง     ซึ่งพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคก็เปลี่ยนไป  โดยผู้บริโภคในเมืองที่มีประสบการณ์ใช้แท็บเลตราคาถูก เริ่มหันไปซื้อแท็บเลตราคามากกว่า 5,000 บาท มาใช้งานมากขึ้น
    "ยอมรับว่าตลาดแท็บเลตอยู่ในช่วงขาลง   โดยการเติบโตที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่กระแส  ซึ่งตลาดแท็บเลตไปไวกว่าที่คาด  โดยประเมินว่าการเติบโตจะไปอยู่ที่สมาร์ทโฟนจอใหญ่ ขนาด 5 นิ้วขึ้นไป  หรือ แฟ็บเลต    ส่วนแท็บเลตนั้นประเมินว่าปีหน้าจะกลายเป็นเพียงทับกระดาษ"
    นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายบริหารการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่าแนวโน้มการแข่งขันในตลาดแท็บเลตและสมาร์ทโฟนมีสูงมาก  โดยคาดการณ์ว่าโอเปอเรเตอร์ทุกราย  จะเข้ามาแข่งขันในตลาดดังกล่าว    ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทได้ปรับทิศทางการทำตลาดโดยมุ่งไปยังตลาดโน้ตบุ๊กแบบไฮบริด หรือ โน้ตบุ๊กที่มีความสามารถใช้งานเป็นแท็บเลตมากขึ้น   โดยมองว่าเป็นทิศทางที่สร้างความยั่งยืนให้ธุรกิจมากกว่า   เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่เป็นไฮบริด สามารถตอบสนองการใช้งานได้ทั้งการทำงาน  และความบันเทิง   ขณะที่แท็บเลต ตอบสนองการใช้งานด้านความบันเทิงเป็นหลัก    
    ขณะเดียวกันยังได้ปรับลดเป้าหมายการทำตลาดสมาร์ทโฟน และแท็บเลตลงมาเหลือเดือนละ 15,000 เครื่อง  จากเดิมต้นปี 2556 ตั้งเป้าหมายมียอดขายเอเซอร์ B1 ประมาณเดือนละ 50,000 เครื่อง
    นายนิธิพัทธ์กล่าวต่ออีกว่าตลาดแท็บเลตมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างรวดเร็ว  โดยแนวโน้มการเลือกซื้อแท็บเลตของผู้บริโภคปีนี้เริ่มเปลี่ยนไปซื้อแท็บเลตแบรนด์เนม ราคามากกว่า 5 พันบาท   ภายหลังจากไม่ประทับใจในการใช้งานแท็บเลตจีนราคาถูก  เนื่องจากแท็บเลตจีน ราคาถูก ไม่สามารถตอบสนองการใช้งานจริงได้   โดยมองว่าแท็บเลตที่มีปริมาณการซื้อสูงสุดในปีนี้จะไม่ได้อยู่ที่กลุ่มราคา 2พัน-5พันบาท   แต่จะเป็นแท็บเลตราคาสูงกว่า 5 พันบาท ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด จากตัวเลขคาดการณ์แท็บเลตปีนี้ 3.5 ล้านเครื่อง
    ขณะที่นายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัทอินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์  (ประเทศไทย) จำกัด  กล่าวว่าอินเทลมีแผนพัฒนาหน่วยประมวลผลอินเทล อะตอม โปรเซสเซอร์ สำหรับตลาดอุปกรณ์พกพาทั้งสมาร์ทโฟนและแท็บเลต ออกมาสู่ตลาดต่อเนื่อง  โดยในครึ่งปีหลังจากมีผู้ผลิตแท็บเลต  และสมาร์ทโฟน  ที่ใช้หน่วยประมวลผลอินเทล อะตอม โปรเซสเซอร์  เจเนอเรชัน 2  ที่รองรับระบบปฏิบัติการวินโดว์ส   และแอนดรอยด์ ออกมาสู่ตลาดหลากหลายมากขึ้น

http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=185635:2013-06-04-06-08-48&catid=123:2009-02-08-11-44-33&Itemid=491

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.