16 กรกฎาคม 2556 (เกาะติดประมูลDigital TV) GRAMMY ขายหุ้นเพิ่มทุน ระดมอีก 1 พันล. รวมกำเงิน 4 พันล้านบาท // อนุมัติให้แก้ไขวัตถุประสงค์ของบริษัทรับทำนิทรรศการ งานแสดงสินค้า การรับจ้างทำโฆษณา ประชาสัมพันธ์
ประเด็นหลัก
ทั้งนี้ ที่ประชุมบอร์ดเห็นชอบให้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ โดยการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ (Right Offering) ในอัตราส่วน 5 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 10 บาท และให้นำเสนอเรื่องนี้ต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป โดยกำหนดวันจองซื้อระหว่างวันที่ 2-4 ก.ย.นี้
สำหรับวัตถุประสงค์ในการเพิ่มทุนครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการของกลุ่มบริษัท หรือลงทุนใน Strategic Investment ที่เหมาะสม อีกทั้งยังเสริมสร้างโครงสร้างเงินทุนรวมถึงฐานะทางการเงินของบริษัทให้แข็งแกร่ง รองรับการขยายตัวของธุรกิจ นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทยังอนุมัติให้แก้ไขวัตถุประสงค์ของบริษัทเพื่อให้ประกอบกิจการงานนิทรรศการ งานแสดงสินค้า การรับจ้างทำโฆษณา ประชาสัมพันธ์ สำหรับหน่วยงานของรัฐเอกชนหรือหน่วยงานอื่นด้วย
______________________________________
GRAMMY ขายหุ้นเพิ่มทุน ระดมอีก 1 พันล. ลุยดิจิตอลทีวี
“บอร์ดแกรมมี่” เดินแผนระดมเงินลุยดิจิตอลทีวีต่อเนื่อง ล่าสุด ชงแผนเพิ่มทุน 106 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 10 บาท เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมพิจารณา 9 ส.ค.นี้ หวังรับเงินอีก 1 พันล้าน หลังในรอบ 6 เดือนเทขายหุ้นสื่อในมือทั้ง มติชน และโพสต์ พับลิชชิง ออกเกือบหมด ได้เงินไปแล้วกว่า 1.3 พันล้าบาท
นางจิราภรณ์ รุ่งศรีทอง ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บมจ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (GRAMMY) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 15 ก.ค.ห็นชอบให้ลดทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จำนวน 291,153 บาท จากเดิมทุนจดทะเบียน 530,556,100 บาท เป็น 530,264,947 บาท และเห็นชอบให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จำนวน 106,052,989 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 530,264,947 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ จำนวน 636,317,936 บาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน106,052,989 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
ทั้งนี้ ที่ประชุมบอร์ดเห็นชอบให้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ โดยการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ (Right Offering) ในอัตราส่วน 5 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 10 บาท และให้นำเสนอเรื่องนี้ต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป โดยกำหนดวันจองซื้อระหว่างวันที่ 2-4 ก.ย.นี้
สำหรับวัตถุประสงค์ในการเพิ่มทุนครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการของกลุ่มบริษัท หรือลงทุนใน Strategic Investment ที่เหมาะสม อีกทั้งยังเสริมสร้างโครงสร้างเงินทุนรวมถึงฐานะทางการเงินของบริษัทให้แข็งแกร่ง รองรับการขยายตัวของธุรกิจ นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทยังอนุมัติให้แก้ไขวัตถุประสงค์ของบริษัทเพื่อให้ประกอบกิจการงานนิทรรศการ งานแสดงสินค้า การรับจ้างทำโฆษณา ประชาสัมพันธ์ สำหรับหน่วยงานของรัฐเอกชนหรือหน่วยงานอื่นด้วย
พร้อมเห็นชอบวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการจองซื้อ และได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Record Date) เป็นวันที่ 20 สิงหาคม 2556 และวันรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นตามมาตรา 225 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 (รวมทั้งที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม) โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนและพักการโอนหุ้นเป็นวันที่ 21 สิงหาคม 2556 และให้นำเสนอเรื่องนี้ต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 9 สิงหาคม 2556 เวลา 14.00 น. พิจารณาต่อไป
ก.ล.ต.รับแจ้ง GRAMMY ปล่อยหุ้น POST
ขณะเดียวกัน วันนี้ (16 ก.ค.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานการจำหน่ายหุ้นของบริษัท โพสต์ พับลิชชิง จำกัด (มหาชน) หรือ POST โดย บริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน) (บริษัทย่อยของ GRAMMY ซึ่งถือหุ้นอยู่ 99%) ซึ่งเป็นการจำหน่ายเมื่อวันที่ 11 ก.ค.2556 จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายคิดเป็น -15% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่ายคิดเป็น 3.13% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ
โดยผู้ที่ซื้อหุ้น POST จาก บมจ.จีเอ็มเอ็ม มีเดีย ครั้งนี้คือ นายศิริธัช โรจนพฤกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมลิงค์ ซึ่งซื้อมาในจำนวน 75 ล้านหุ้น คิดเป็น 15% ของทุนจดทะเบียน ราคาหุ้นละ 8.25 บาท มูลค่า 618.75 ล้านบาท กับเหตุผลในการเข้าลงทุนคือ เป็นหุ้นดี มีการเติบโตต่อเนื่องจ่ายเงินปันผลดี และจะไม่ส่งตัวแทนร่วมเป็นกรรมการ
อย่างไรก็ตาม จากรายงานการขายเงินลงทุนในรอบ 6 ของ บมจ.จีเอ็มเอ็ม มีเดีย พบว่า กลุ่มแกรมมี่ ขายหุ้นรวม 1.33 พันล้านบาท สำหรับหุ้นที่ได้ขายออกไป ได้แก่ บมจ.ออฟฟิศเมท (OFM) สัดส่วน 0.10% หรือ 27.348 ล้านบาท, บมจ.มติชน (MATI) สัดส่วน 22.12% หรือ 455 ล้านบาท และ บมจ.โพสต์ พับลิชชิ่ง สัดส่วน 20.47% หรือ 844.11 ล้านบาทโดยการขายหุ้นทั้งหมดเป็นไปตามแผนบริหารการลงทุน ซึ่งจะใช้เป็นเงินหมุนเวียนในกิจการกลุ่มบริษัท หรือลงทุนในเชิงกลยุทธ์ที่เหมาะสมเช่น การลงทุนในธุรกิจโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม และธุรกิจดิจิตอลทีวี ซึ่งจะช่วยต่อยอด และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่กลุ่มบริษัทที่คาดว่าจะใช้เงินลงทุนสูงถึง 4,000 ล้านบาท
http://www.manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9560000087160
ไม่มีความคิดเห็น: