28 กรกฎาคม 2556 CTH (วุ่นจัด17 ส.ค.ลูกค้ารออื้อ) โวน!!ขอให้ลูกค้าโทรหาดีลเลอร์ท้องถิ้นมากกว่าโทรหาเรา // CTH เร่งกำลังพยายามเพิ่มจำนวนดีลเลอร์เพื่อขยายทีมติดตั้งจาก2,000 ทีม ให้เป็น 3,000 ทีม
ประเด็นหลัก
“ขณะนี้เรากำลังใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถ ในการขยายเครือข่ายติดตั้งกล่องรับสัญญาณและจานดาวเทียม เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า ซึ่งหลั่งไหลเข้ามามากเหลือเกิน ขณะนี้ซีทีเอชมีสายที่โทร.เข้ามาที่คอลเซ็นเตอร์สูงถึงวันละ 3,000 สาย ต้องการสมัครสมาชิก และแน่นอน เรื่องการให้บริการซึ่งก็ต้องน้อมรับเอาไว้และพยายามแก้ไขปัญหาให้ดีที่สุด”
นายกฤษณัน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าการติดตั้งโครงข่ายทำได้ในหลักร้อยครัวเรือนในแต่ละวัน แต่ล่าสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาขยับขึ้นเป็นหลักพันแล้ว โดยฐานลูกค้าเดิมที่ให้บริการบนสายเคเบิลนั้น เร่งเปลี่ยนกล่องให้ได้แล้ววันละ 3,000 ราย ส่วนลูกค้าใหม่ซึ่งส่วนใหญ่บริการผ่านจานดาวเทียมนั้น ยอดติดตั้งเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 2,000 ราย ซึ่งหากแนวโน้มยังเป็นเช่นนี้ ก่อนเปิดการแข่งขัน ฐานลูกค้าที่จะได้ดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีกก็น่าจะเพิ่มขึ้นได้มากจากจำนวนปัจจุบัน
ส่วนปัญหาการเข้าคิวรอของลูกค้าที่ต้องการเป็นสมาชิกขณะนี้นั้น นายกฤษณัน กล่าวว่า การโทร.เข้าคอลเซ็นเตอร์หรือลงทะเบียนในเว็บไซต์ซีทีเอชนั้น อาจต้องรอนานกว่าการติดต่อตรงไปยังดีลเลอร์ของซีทีเอช ซึ่งขณะนี้มีอยู่ทั้งสิ้นมากกว่า 400 รายทั่วประเทศ เป็นดีลเลอร์ที่เป็นเครือข่ายเคเบิลทีวีท้องถิ่นเดิม 170 ราย และดีลเลอร์ใหม่ 300 ราย โดยจำนวนรายชื่อและเบอร์ติดต่อของดีลเลอร์ทั้งหมด ลูกค้าสามารถเข้าไปดูในเว็บไซต์ซีทีเอชได้
“การติดต่อไปยังดีลเลอร์ในพื้นที่จะช่วยให้การติดตั้งทำได้เร็วขึ้น เพราะแต่ละดีลเลอร์จะมีทีมติดตั้งที่รู้คิวงานกันอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของดีลเลอร์นั้น ขณะนี้ซีทีเอชกำลังพยายามเพิ่มจำนวนดีลเลอร์เพื่อขยายทีมติดตั้ง ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 2,000 ทีม ให้เป็น 3,000 ทีมให้ได้ในเร็ววัน”
______________________________________
"ซีทีเอช" หืดจับวิ่งสู้ฟัด บอลเตะ 17 ส.ค.ลูกค้ารอคิวอื้อ
นายกฤษณัน งามผาติพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ยังมีความหวังว่าก่อนการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะเริ่มต้นเปิดฤดูกาลในวันที่ 17 ส.ค.ที่จะถึงนี้ การเดินหน้าติดตั้งโครงข่ายของซีทีเอชจะคืบหน้าไปได้มากกว่านี้ และยังยอมรับด้วยว่า การติดตั้งโครงข่ายที่ล่าช้าและไม่เป็นไปตามเป้า ทำให้ลูกค้าจำนวนมากต้องผิดหวัง
“ขณะนี้เรากำลังใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถ ในการขยายเครือข่ายติดตั้งกล่องรับสัญญาณและจานดาวเทียม เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า ซึ่งหลั่งไหลเข้ามามากเหลือเกิน ขณะนี้ซีทีเอชมีสายที่โทร.เข้ามาที่คอลเซ็นเตอร์สูงถึงวันละ 3,000 สาย ต้องการสมัครสมาชิก และแน่นอน เรื่องการให้บริการซึ่งก็ต้องน้อมรับเอาไว้และพยายามแก้ไขปัญหาให้ดีที่สุด”
นายกฤษณัน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าการติดตั้งโครงข่ายทำได้ในหลักร้อยครัวเรือนในแต่ละวัน แต่ล่าสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาขยับขึ้นเป็นหลักพันแล้ว โดยฐานลูกค้าเดิมที่ให้บริการบนสายเคเบิลนั้น เร่งเปลี่ยนกล่องให้ได้แล้ววันละ 3,000 ราย ส่วนลูกค้าใหม่ซึ่งส่วนใหญ่บริการผ่านจานดาวเทียมนั้น ยอดติดตั้งเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 2,000 ราย ซึ่งหากแนวโน้มยังเป็นเช่นนี้ ก่อนเปิดการแข่งขัน ฐานลูกค้าที่จะได้ดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีกก็น่าจะเพิ่มขึ้นได้มากจากจำนวนปัจจุบัน
ส่วนปัญหาการเข้าคิวรอของลูกค้าที่ต้องการเป็นสมาชิกขณะนี้นั้น นายกฤษณัน กล่าวว่า การโทร.เข้าคอลเซ็นเตอร์หรือลงทะเบียนในเว็บไซต์ซีทีเอชนั้น อาจต้องรอนานกว่าการติดต่อตรงไปยังดีลเลอร์ของซีทีเอช ซึ่งขณะนี้มีอยู่ทั้งสิ้นมากกว่า 400 รายทั่วประเทศ เป็นดีลเลอร์ที่เป็นเครือข่ายเคเบิลทีวีท้องถิ่นเดิม 170 ราย และดีลเลอร์ใหม่ 300 ราย โดยจำนวนรายชื่อและเบอร์ติดต่อของดีลเลอร์ทั้งหมด ลูกค้าสามารถเข้าไปดูในเว็บไซต์ซีทีเอชได้
“การติดต่อไปยังดีลเลอร์ในพื้นที่จะช่วยให้การติดตั้งทำได้เร็วขึ้น เพราะแต่ละดีลเลอร์จะมีทีมติดตั้งที่รู้คิวงานกันอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของดีลเลอร์นั้น ขณะนี้ซีทีเอชกำลังพยายามเพิ่มจำนวนดีลเลอร์เพื่อขยายทีมติดตั้ง ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 2,000 ทีม ให้เป็น 3,000 ทีมให้ได้ในเร็ววัน”
ทั้งนี้ ปัจจุบันฐานลูกค้าของซีทีเอช ซึ่งเป็นลูกค้าเคเบิลท้องถิ่นเดิมทั่วประเทศมีทั้งสิ้น 2 ล้านครัวเรือน และตั้งเป้าหมาย ณ สิ้นปี มียอดลูกค้าทะลุ 3 ล้านครัวเรือน จนถึงขณะนี้ ซีทีเอชใช้เงินลงทุนไปแล้วทั้งสิ้นราว 7,000 ล้านบาท จากงบลงทุนทั้งหมด 20,000 ล้านบาท เป็นการลงทุนเครือข่ายซื้อเซ็ตท็อปบ็อกซ์ติดตั้งให้กับลูกค้า (ไม่รวมค่าลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก) มีขาดทุนสะสมอยู่ที่ประมาณเดือนละ 200 -300 ล้านบาท แต่ตั้งแต่เดือน ส.ค. ซึ่งเป็นเดือนเปิดฤดูกาลแข่งขันพรีเมียร์ลีก ซีทีเอชจะเริ่มรับรู้รายได้ และเชื่อว่าจะทำกำไรได้ภายในปีหน้า.
โดย: ทีมข่าวเศรษฐกิจ
http://m.thairath.co.th/content/eco/359639
ไม่มีความคิดเห็น: