29 กรกฎาคม 2556 แหล่งข่าวกสทช.ห่วงคนใช้18ล้านเบอร์ ( 2 กสทช.ฝ่ายค้านโตพายุใหญ่) กสทช.สุภิญญาและกสทช.ประวิทย์ ไม่เห็นด้วยร่างมาตรการเยียวยาในการต่ออายุให้บริการ ควรมีเงื่อนไขตามกฏหมายให้มากกว่านี้ ไม่ให้มองว่าต่อสป.
ประเด็นหลัก
แหล่งข่าวจากวงการโทรคมนาคมเปิดเผยว่า เห็นด้วยกับ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)ที่จัดเวทีประชาพิจารณ์ ร่างประกาศ กสทช. เรื่องมาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการ ในกรณีสิ้นสุดอายุการอนุญาตสัมปทาน หรือสัญญาการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ไปเมื่อเร็วๆ นี้ เพราะจะทำให้ผู้บริโภค และสังคมได้เห็นแนวทางหลังจากสัญญาสัมปทานของทรูมูฟกับบริษัทดิจิตอลโฟน(ดีพีซี) สิ้นสุดลงแล้ว ผู้ใช้บริการจะมีปัญหา หรือได้รับผลกระทบหรือไม่
“แต่ดูเหมือนว่าร่างมาตรการเยียวยาของกสทช. ยังไม่มีทีท่าจะจบลงง่ายๆ และยังวุ่นวายไม่เลิก เมื่อนายแพทย์ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กับ นางสาวสุภิญญากลางณรงค์ สอง กสทช.ด้านคุ้มครองผู้บริโภค ออกมาเคลื่อนไหว ประกาศจัดเวทีสาธารณะเรื่องทางเลือกการคุ้มครองผู้บริโภคเมื่อสัญญาสัมปทานบริการมือถือสิ้นสุด ในวันที่ 30 กรกฎาคมนี้ซึ่งก่อนหน้านี้ น.ส.สุภิญญา ไม่เห็นด้วยที่จะยืดระยะเวลาออกไปอีก 1 ปี และหากจะยืดอายุจริงๆ ควรมีเงื่อนไขที่มีฐานอธิบายทางกฎหมายเพิ่มขึ้น เพราะการยืดระยะเวลาจะมองได้ว่า เป็นต่อสัญญาสัมปทานหรือไม่” แหล่งข่าวกล่าว
พร้อมให้เหตุผลว่าการจัดเวทีสาธารณะของ 2 กสทช.ที่ระบุว่าทำเพื่อผู้บริโภค อาจทำให้สังคมเกิดความสับสน ขณะที่ผู้บริโภคกว่า 17 ล้านราย ที่เกรงว่าจะได้รับผลกระทบจากการสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน และกำลังรอความชัดเจนรอความช่วยเหลือ ซึ่งทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันแก้ปัญหา ไม่ใช่ออกมาขวางลำค้านทุกความคิดเห็นแบบนี้” แหล่งข่าวระบุ
______________________________________
ห่วงผู้ใช้‘ทรูมูฟ-ดีซีพี’เดือดร้อน หลัง2กสทช.ออกโรงท้วงติงตีกัน2ค่ายให้บริการต่ออีก1ปี
แหล่งข่าวจากวงการโทรคมนาคมเปิดเผยว่า เห็นด้วยกับ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)ที่จัดเวทีประชาพิจารณ์ ร่างประกาศ กสทช. เรื่องมาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการ ในกรณีสิ้นสุดอายุการอนุญาตสัมปทาน หรือสัญญาการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ไปเมื่อเร็วๆ นี้ เพราะจะทำให้ผู้บริโภค และสังคมได้เห็นแนวทางหลังจากสัญญาสัมปทานของทรูมูฟกับบริษัทดิจิตอลโฟน(ดีพีซี) สิ้นสุดลงแล้ว ผู้ใช้บริการจะมีปัญหา หรือได้รับผลกระทบหรือไม่
“แต่ดูเหมือนว่าร่างมาตรการเยียวยาของกสทช. ยังไม่มีทีท่าจะจบลงง่ายๆ และยังวุ่นวายไม่เลิก เมื่อนายแพทย์ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กับ นางสาวสุภิญญากลางณรงค์ สอง กสทช.ด้านคุ้มครองผู้บริโภค ออกมาเคลื่อนไหว ประกาศจัดเวทีสาธารณะเรื่องทางเลือกการคุ้มครองผู้บริโภคเมื่อสัญญาสัมปทานบริการมือถือสิ้นสุด ในวันที่ 30 กรกฎาคมนี้ซึ่งก่อนหน้านี้ น.ส.สุภิญญา ไม่เห็นด้วยที่จะยืดระยะเวลาออกไปอีก 1 ปี และหากจะยืดอายุจริงๆ ควรมีเงื่อนไขที่มีฐานอธิบายทางกฎหมายเพิ่มขึ้น เพราะการยืดระยะเวลาจะมองได้ว่า เป็นต่อสัญญาสัมปทานหรือไม่” แหล่งข่าวกล่าว
พร้อมให้เหตุผลว่าการจัดเวทีสาธารณะของ 2 กสทช.ที่ระบุว่าทำเพื่อผู้บริโภค อาจทำให้สังคมเกิดความสับสน ขณะที่ผู้บริโภคกว่า 17 ล้านราย ที่เกรงว่าจะได้รับผลกระทบจากการสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน และกำลังรอความชัดเจนรอความช่วยเหลือ ซึ่งทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันแก้ปัญหา ไม่ใช่ออกมาขวางลำค้านทุกความคิดเห็นแบบนี้” แหล่งข่าวระบุ
ขณะที่นักวิชาการหลายท่านก็ออกมาสนับสนุน อย่างเช่น ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุรวุธ กิจกุศล รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มองว่า กสทช. ในฐานะ องค์กรดูแลบริหารจัดการคลื่น สามารถออกประกาศมาตรการเยียวยาในลักษณะเช่นนี้ได้ และวิธีการมีผลดีต่อผู้บริโภคที่สุด คือ ให้ผู้ให้บริการรายเดิมดูแลลูกค้าต่อไปก่อนชั่วคราวในช่วงเปลี่ยนผ่าน เพราะระบบอุปกรณ์โทรศัพท์ที่ใช้ก็ยังเหมือนเดิม หากจะย้ายค่ายหรือใช้ค่ายเดิมก็สามารถทำได้ให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปี
ขณะที่ตัวแทนจากผู้ประกอบการค่ายมือถือทุกค่าย มีความเห็นในแนวทางที่ตรงกันว่า กสทช. มีอำนาจในการออกร่างประกาศในการขยายเวลาการคุ้มครองผู้บริโภค หลังสิ้นสุดสัญญาสัมปทานคลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิรตซ์ ในวันที่ 15 กันยายน 2556 นี้ และควรให้ผู้ได้สัมปทานให้บริการต่อเนื่อง เพราะมีใบอนุญาตและอุปกรณ์อยู่แล้ว
ก่อนหน้านี้ กสทช.จัดเวทีเสวนา เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดย พันเอกเศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช. และประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม หรือ กทค. ยืนยันว่าต้องการหามาตรการป้องกัน “ซิมดับ” โดยคำนึงถึงประโยชน์ของผู้บริโภคเป็นสำคัญ
http://www.naewna.com/business/61870
ไม่มีความคิดเห็น: