29 มกราคม 2557 Acer ตั้งเป้า สมาร์ทโฟนปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 1 ล้านเครื่อง โดยใช้แผนการขายร่วมกับโอเปอเรเตอร์น่าจะตีตลาดได้ คาดสัดส่วนปีนี้!! โน้ตบุ๊ก 60% เดสก์ทอป 20% สมาร์ทดีไวซ์15% และอื่น ๆ
ประเด็นหลัก
"สมาร์ทโฟนปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 1 ล้านเครื่อง แผนการขายร่วมกับโอเปอเรเตอร์น่าจะตีตลาดได้ ราคาของเราไม่สูง ทำให้ใคร ก็มาใช้งานได้ จะทยอยเปิดตัวรุ่นใหม่ครอบคลุมทุกขนาดหน้าจอ ส่วนโน้ตบุ๊กก็ยังไม่ทิ้งเพราะเป็นรายได้หลัก การทำตลาดจะใช้งบฯราว 2% ของรายได้"
ขณะที่สัดส่วนรายได้ปีนี้จะเปลี่ยนจากปีที่แล้ว โน้ตบุ๊ก 70% เดสก์ทอป 20% สมาร์ทดีไวซ์ไม่ถึง 5% และอื่น ๆ มาเป็นโน้ตบุ๊ก 60% เดสก์ทอป 20% สมาร์ทดีไวซ์15% และอื่น ๆ
______________________________________
"เอเซอร์"ผูกปิ่นโตค่ายมือถือโหมสมาร์ทโฟนทะลุล้านเครื่อง
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
"เอเซอร์" ทุ่มสุดตัวปั๊มยอดสมาร์ทโฟนทะลุ 1 ล้านเครื่องในสิ้นปี เน้นราคาถูกจับมือค่ายมือถืออัดโปรโมชั่นยึดตลาดแมส ขยับสัดส่วนรายได้สมาร์ทดีไวซ์จาก 5% เป็น 15% ยอมรับปีที่แล้วตลาดไอทีย่ำแย่สารพัดปัจจัยลบรุมเร้า ยอดขาย"โน้ตบุ๊ก" ลดฮวบ 25% แต่ปีนี้ทรง ๆ "แท็บเลต" โตต่อ แต่ราคาถูกไม่รุ่ง
นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดไอทีปีนี้คงหดตัวจากเดิมไม่มาก หรือราว 2% เนื่องจากปี 2556 ที่ผ่านมาเป็น
ปีที่หดตัวมากที่สุด ตั้งแต่เริ่มต้นอุตสาหกรรม มีมูลค่าลดลงจากปี 2555 กว่า 20% จากยอดขายคอมพิวเตอร์ 3.7 ล้านเครื่อง เหลือ 3.1 ล้านเครื่อง และปลายปียังมีปัจจัยจากสถานการณ์การเมืองหลังได้รับผลกระทบจากโครงการรถคัน แรกต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี
หากแบ่งสินค้า โน้ตบุ๊กมียอดขายรวมลดลง 25% เทียบปี 2555 จาก 2 ล้านเครื่อง เหลือ 1.5 ล้านเครื่อง แต่เดสก์ทอปไม่ลดลง เนื่องจากการซื้อขายส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มองค์กรที่มีการซื้อประจำ และปีนี้ก็คงไม่ได้ลดลงมากนัก เชื่อว่าครึ่งปีเหตุการณ์จะสงบ ทำให้ความต้องการซื้อกลับมา
"ปีที่แล้วเป็นปีที่แย่ที่สุด เพราะปัจจัยลบทุกอย่างมาเจอกัน ทำให้ผู้ผลิตและร้านค้าปลีกไอทีต่างต้องหาวิธีแก้ไขสถานการณ์กันอย่างหนัก ทั้งบริหารสต๊อก, การจัดวางหน้าร้าน และหันไปขายสมาร์ทดีไวซ์เพื่อชดเชยรายได้ที่หายไป ขณะที่อัลตราบุ๊กไม่ตอบโจทย์การขายเพราะราคาสูง การซื้อแท็บเลตเพื่อทำงานคู่กับสมาร์ทโฟนน่าจะคุ้มค่ากว่า ปีนี้ทุกค่ายจึงเน้นไปที่โน้ตบุ๊กสเป็กสูง เช่น คอร์ไอ 5-7, จอทัชสกรีน ราคา 2 หมื่นบาทขึ้นไป"
สำหรับตลาดรวมแท็บเลตยังมีการเติบโต โดยตลาดนี้แบ่งได้ 2 ประเภท คือ แท็บเลตวินโดวส์ และแท็บเลตแอนดรอยด์ และไอโอเอส โดยปีที่ผ่านมาประเภทแรกมียอดขายรวมไม่ถึงหลักแสนเครื่อง แต่ปีนี้จะเพิ่มเป็น 3 แสนเครื่อง ราคา 1.5 หมื่นบาทขึ้นไป ทดแทนความต้องการซื้อโน้ตบุ๊กราคาถูก ตอบโจทย์การพกพาเหมือนอัลตราบุ๊ก ส่วนแท็บเลตแอนดรอยด์ยังไม่มีจำนวนแน่ชัด แต่ยอดขายอยู่ที่ 5 หมื่นเครื่อง/เดือน ราคา 5 พันบาทขึ้นไป กลุ่มสินค้าราคา 3 พันบาทที่ตีตลาดช่วงต้นปีที่แล้วจะค่อย ๆ หายไป
ด้านตลาดรวมโทรศัพท์มือถือปีที่ผ่านมามียอดขาย 20 ล้านเครื่อง สมาร์ทโฟนครึ่งหนึ่ง แต่ปีนี้อาจมากกว่า 20 ล้านเครื่อง เป็นสมาร์ทโฟน 12-15 ล้านเครื่อง จากการผลักดันของโอเปอเรเตอร์รวมถึงราคาที่ถูกลง ที่ผ่านมา "เอเซอร์" มียอดขายกว่า 3 แสนเครื่อง จากการร่วมมือกับเอไอเอส
ล่าสุดเปิดตัว 2 รุ่น Liquid Z3s และ Liquid Z5 รุ่นแรกหน้าจอ 3.5 นิ้ว ซีพียูดูอัลคอร์ ความเร็ว 1 GHz กล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ราคา 2,590 บาท อีกรุ่นหน้าจอ 5 นิ้ว รองรับการใช้งาน 2 ซิม ซีพียูดูอัลคอร์ความเร็ว 1.3 GHz ราคา 4,790 บาท มีโปรโมชั่นกับเอไอเอสเช่นเดิม
พร้อมเปิดตัว แท็บเลตวินโดวส์ 8.1 รุ่น Iconia W4 ซีพียูอินเทล ความเร็ว 1.8 GHz หน้าจอ 8 นิ้ว ความละเอียด 1,280x800 พิกเซล แรม 2 GB หน่วยความจำภายใน 64 GB กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 5 ล้านพิกเซล น้ำหนัก 430 กรัม ราคา 16,900 บาท และจะทยอยเปิดตัว 5-6 รุ่น รวมถึงที่รองรับแอนดรอยด์ ราคา 5-6 พันบาทขึ้นไป พร้อมใช้ 3G ได้
"สมาร์ทโฟนปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 1 ล้านเครื่อง แผนการขายร่วมกับโอเปอเรเตอร์น่าจะตีตลาดได้ ราคาของเราไม่สูง ทำให้ใคร ก็มาใช้งานได้ จะทยอยเปิดตัวรุ่นใหม่ครอบคลุมทุกขนาดหน้าจอ ส่วนโน้ตบุ๊กก็ยังไม่ทิ้งเพราะเป็นรายได้หลัก การทำตลาดจะใช้งบฯราว 2% ของรายได้"
ปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดรวม 19% เป็นอันดับ 1 มีส่วนแบ่งโน้ตบุ๊ก 28% แท็บเลตวินโดวส์ 45% เป็นอันดับ 1 ในตลาด ขณะที่สัดส่วนรายได้ปีนี้จะเปลี่ยนจากปีที่แล้ว โน้ตบุ๊ก 70% เดสก์ทอป 20% สมาร์ทดีไวซ์ไม่ถึง 5% และอื่น ๆ มาเป็นโน้ตบุ๊ก 60% เดสก์ทอป 20% สมาร์ทดีไวซ์15% และอื่น ๆ
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1390978037
ไม่มีความคิดเห็น: