03 กุมภาพันธ์ 2557 มัคคานซิส เผยผลการศึกษาเชิงลึก!! มีการใช้งานอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์เฉลี่ยนานกว่า 12 เดือนก่อนจะเปลี่ยนเครื่องใหม่ ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G กลุ่มผู้ใช้บริการดาต้าจากเครือข่าย ได้หันมาใช้บริการในรูปแบบรายเดือน

ประเด็นหลัก


 เมื่อศึกษาถึงพฤติกรรมการใช้งานเชิงลึกพบว่า กลุ่มผู้ใช้งานส่วนใหญ่ 83% ยังคงมีการใช้งานอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์เฉลี่ยนานกว่า 12 เดือนก่อนจะเปลี่ยนเครื่องใหม่ ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของระยะเวลาการครอบครองที่สั้นกว่าในอดีต ที่มีระยะเวลาการใช้งานของอุปกรณ์ประมาณ 22-24 เดือนก่อนที่จะเปลี่ยนเครื่องใหม่  เนื่องจากราคาของอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์มีช่วงราคาที่หลากหลาย มีราคาถูกลง และมีตัวเลือกมากขึ้นจากการนำเสนอของแบรนด์ใหม่ๆ  ส่งผลให้ผู้ใช้งานมีทางเลือกในการจับจ่ายมากขึ้น และสามารถเลือกใช้งานได้ตามความเหมาะสม ขณะที่ปัจจัยเสริมจากผู้ให้บริการเครือข่ายได้เป็นผู้จำหน่ายสมาร์ทโฟนหรือร่วมกับผู้ผลิตโทรศัพท์สมาร์ทโฟนนำเสนอโปรโมชันส่งผลต่อการเพิ่มอัตราการถือครองมากขึ้นและระยะเวลาการครอบครองอุปกรณ์ที่สั้นลง
    สำหรับด้านของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G จากผลการศึกษาเบื้องต้น พอจะสรุปได้ว่า กลุ่มผู้ใช้บริการดาต้าจากเครือข่าย ได้หันมาใช้บริการในรูปแบบรายเดือน (post-paid) มากกว่ารูปแบบเติมเงิน (pre-paid) ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ใช้งานดาต้า ที่ไม่อยากมีความยุ่งยากในการปรับเปลี่ยนโปรโมชัน หรือต้องเติมเงินใช้งานเป็นประจำเพราะการเลือกใช้งานรายเดือนนั้น เป็นการเลือกโปรโมชันในครั้งแรกและมีการใช้งานต่อเนื่องและชำระค่าบริการเพียงเดือนละครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ลดภาระของผู้ใช้บริการ และปัจจุบันนี้ได้มีหลากหลายช่องทางการชำระค่าบริการที่สะดวกมากขึ้น ทั้งการชำระผ่านบัตรเครดิต หรือการชำระผ่านบัญชีธนาคารที่มีการตัดยอดชำระอัตโนมัติ รวมถึงการชำระออนไลน์ที่มีให้เลือกใช้บริการแล้ว





______________________________________

ประเด็นหลัก



 เมื่อศึกษาถึงพฤติกรรมการใช้งานเชิงลึกพบว่า กลุ่มผู้ใช้งานส่วนใหญ่ 83% ยังคงมีการใช้งานอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์เฉลี่ยนานกว่า 12 เดือนก่อนจะเปลี่ยนเครื่องใหม่ ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของระยะเวลาการครอบครองที่สั้นกว่าในอดีต ที่มีระยะเวลาการใช้งานของอุปกรณ์ประมาณ 22-24 เดือนก่อนที่จะเปลี่ยนเครื่องใหม่  เนื่องจากราคาของอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์มีช่วงราคาที่หลากหลาย มีราคาถูกลง และมีตัวเลือกมากขึ้นจากการนำเสนอของแบรนด์ใหม่ๆ  ส่งผลให้ผู้ใช้งานมีทางเลือกในการจับจ่ายมากขึ้น และสามารถเลือกใช้งานได้ตามความเหมาะสม ขณะที่ปัจจัยเสริมจากผู้ให้บริการเครือข่ายได้เป็นผู้จำหน่ายสมาร์ทโฟนหรือร่วมกับผู้ผลิตโทรศัพท์สมาร์ทโฟนนำเสนอโปรโมชันส่งผลต่อการเพิ่มอัตราการถือครองมากขึ้นและระยะเวลาการครอบครองอุปกรณ์ที่สั้นลง
    สำหรับด้านของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G จากผลการศึกษาเบื้องต้น พอจะสรุปได้ว่า กลุ่มผู้ใช้บริการดาต้าจากเครือข่าย ได้หันมาใช้บริการในรูปแบบรายเดือน (post-paid) มากกว่ารูปแบบเติมเงิน (pre-paid) ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ใช้งานดาต้า ที่ไม่อยากมีความยุ่งยากในการปรับเปลี่ยนโปรโมชัน หรือต้องเติมเงินใช้งานเป็นประจำเพราะการเลือกใช้งานรายเดือนนั้น เป็นการเลือกโปรโมชันในครั้งแรกและมีการใช้งานต่อเนื่องและชำระค่าบริการเพียงเดือนละครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ลดภาระของผู้ใช้บริการ และปัจจุบันนี้ได้มีหลากหลายช่องทางการชำระค่าบริการที่สะดวกมากขึ้น ทั้งการชำระผ่านบัตรเครดิต หรือการชำระผ่านบัญชีธนาคารที่มีการตัดยอดชำระอัตโนมัติ รวมถึงการชำระออนไลน์ที่มีให้เลือกใช้บริการแล้ว






______________________________________

เผยคนเห่อใช้สมาร์ทดีไวซ์



 มัคคานซิส เผยผลการศึกษาผู้ใช้งานสมาร์ทดีไวซ์ 67%  ถือครองมากกว่า 1 เครื่อง  ผลักดันเติบโตปริมาณการใช้งานข้อมูลเพิ่มขึ้น สมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์ที่มีการครอบครองและใช้งานมากสุด รองลงมาคือแท็บเลต   ขณะที่มากกว่าครึ่งใช้สมาร์ทดีไวซ์มากกว่า 15 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
    จากผลการศึกษาของมัคคานซิส บริษัทให้คำปรึกษาด้านข้อมูลและกลยุทธ์ในอุตสาหกรรมไอซีที ผ่านแบบสำรวจออนไลน์กับกลุ่มผู้ใช้งานสมาร์ทดีไวซ์ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวน 248 ราย พบว่า กว่าครึ่งของผู้ใช้งานสมาร์ทดีไวซ์  อาทิ สมาร์ทโฟน แท็บเลต อีบุ๊ก รีดเดอร์ และสมาร์ทแกดเจตอื่นๆ  ครอบครองอุปกรณ์เหล่านี้มากกว่า 1 ชิ้น ในเวลาเดียวกัน โดยส่งผลต่อการใช้งานปริมาณข้อมูลที่เพิ่มสูงขึ้น
    ผลการศึกษาวิเคราะห์ในเดือนธันวาคม 2556 ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงอัตราการถือครองอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ของกลุ่มคนเมืองที่มีมากกว่า 1 เครื่องมากถึง 67% โดยในการศึกษานี้ พบผู้ที่ถือครองอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์จำนวน 2 เครื่อง   มีสัดส่วนมากถึง 37% และที่น่าสนใจไปกว่านั้น ผู้ที่ถือครองอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ตั้งแต่ 3 เครื่องขึ้นไป มีสูงถึง 30% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมการซื้อและครอบครองอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์มากกว่า 1 เครื่องของผู้ใช้งานในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ  โดยโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนจัดเป็นอุปกรณ์ที่มีการครอบครองและใช้งานมากที่สุด รองลงมาคือแท็บเลต ขณะที่อุปกรณ์อื่นๆ เช่นแฟบเลต  ยังมีจำนวนผู้ใช้งานน้อยแต่มีแนวโน้มการเติบโตที่สดใสในอนาคต จากข้อมูลดังกล่าวจะสรุปได้ว่า อุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้งานมีความจำเป็นในการถือครองมากกว่า 1 เครื่องในปัจจุบัน
    เมื่อศึกษาถึงพฤติกรรมการใช้งานเชิงลึกพบว่า กลุ่มผู้ใช้งานส่วนใหญ่ 83% ยังคงมีการใช้งานอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์เฉลี่ยนานกว่า 12 เดือนก่อนจะเปลี่ยนเครื่องใหม่ ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของระยะเวลาการครอบครองที่สั้นกว่าในอดีต ที่มีระยะเวลาการใช้งานของอุปกรณ์ประมาณ 22-24 เดือนก่อนที่จะเปลี่ยนเครื่องใหม่  เนื่องจากราคาของอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์มีช่วงราคาที่หลากหลาย มีราคาถูกลง และมีตัวเลือกมากขึ้นจากการนำเสนอของแบรนด์ใหม่ๆ  ส่งผลให้ผู้ใช้งานมีทางเลือกในการจับจ่ายมากขึ้น และสามารถเลือกใช้งานได้ตามความเหมาะสม ขณะที่ปัจจัยเสริมจากผู้ให้บริการเครือข่ายได้เป็นผู้จำหน่ายสมาร์ทโฟนหรือร่วมกับผู้ผลิตโทรศัพท์สมาร์ทโฟนนำเสนอโปรโมชันส่งผลต่อการเพิ่มอัตราการถือครองมากขึ้นและระยะเวลาการครอบครองอุปกรณ์ที่สั้นลง
    สำหรับด้านของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G จากผลการศึกษาเบื้องต้น พอจะสรุปได้ว่า กลุ่มผู้ใช้บริการดาต้าจากเครือข่าย ได้หันมาใช้บริการในรูปแบบรายเดือน (post-paid) มากกว่ารูปแบบเติมเงิน (pre-paid) ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ใช้งานดาต้า ที่ไม่อยากมีความยุ่งยากในการปรับเปลี่ยนโปรโมชัน หรือต้องเติมเงินใช้งานเป็นประจำเพราะการเลือกใช้งานรายเดือนนั้น เป็นการเลือกโปรโมชันในครั้งแรกและมีการใช้งานต่อเนื่องและชำระค่าบริการเพียงเดือนละครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ลดภาระของผู้ใช้บริการ และปัจจุบันนี้ได้มีหลากหลายช่องทางการชำระค่าบริการที่สะดวกมากขึ้น ทั้งการชำระผ่านบัตรเครดิต หรือการชำระผ่านบัญชีธนาคารที่มีการตัดยอดชำระอัตโนมัติ รวมถึงการชำระออนไลน์ที่มีให้เลือกใช้บริการแล้ว
    ส่วนด้านความถี่การใช้งานนั้น กลุ่มผู้ใช้งานมากกว่าครึ่งมีการใช้สมาร์ทดีไวซ์มากกว่า 15 ชั่วโมงต่อสัปดาห์และมีผู้ใช้งานมากกว่า 30 ชั่วโมงต่อสัปดาห์สูงถึง 32% อัตราการใช้งานที่สูงนี้เป็นผลมาจากการใช้งานด้านโซเชียลมีเดียที่สูงถึง 87% และจากผลสำรวจในประเภทนี้ได้แสดงให้เห็นภาพรวมของการใช้งาน  แต่เมื่อเรียงความถี่ประเภทของการใช้งานพบว่า กลุ่มผู้ใช้งานมีพฤติกรรมการใช้งานในรูปแบบดาต้ามากกว่าเสียงโดยการรับสายเข้า-ออกตกอยู่ในอันดับที่ 3 ซึ่งอยู่ที่ 13% เป็นรองจากโซเชียลเน็ตเวิร์กและอินสแตนต์เมสเซนเจอร์ ที่อยู่ในอันดับที่ 1 และ 2 ตามลำดับ
    นอกจากนี้มัคคานซิสเชื่อว่า แนวโน้มการใช้งานข้อมูลจะมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นในตลอดระยะเวลา 3 ปีนับจากนี้ และในปี 2560 จำนวนผู้ครอบครองสมาร์ทโฟนร่วมกับสมาร์ทดีไวซ์ประเภทอื่นพร้อมกันจะเพิ่มสูงถึง 80% ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล และสูงถึง 35% จากจำนวนผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนทั่วประเทศ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ

http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=216429:2014-01-28-08-45-50&catid=123:2009-02-08-11-44-33&Itemid=491#.Uu5Nr3eSxiY