Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

17 กุมภาพันธ์ 2557 นักวิเคราะห์คาด!! GOOGLE จะเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกช่วง 3 ปีนับจากนี้ ค้า “ข้อมูล” ซึ่งจะสามารถสร้างมูลค่าได้สูงกว่าการค้าขายน้ำมัน หรือแม้แต่การมีแบรนด์ผลไม้ที่ดูหรูเลิศล้ำค่า


ประเด็นหลัก


       เหตุที่ทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่ากูเกิลจะเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกช่วง 3 ปีนับจากนี้ คือแนวโน้มการเติบโตของนานาธุรกิจกูเกิลที่ล้วนเกี่ยวข้องกับ “ข้อมูล” ซึ่งจะสามารถสร้างมูลค่าได้สูงกว่าการค้าขายน้ำมัน หรือแม้แต่การมีแบรนด์ผลไม้ที่ดูหรูเลิศล้ำค่า

______________________________________

“กูเกิล” ตัวเก็งแชมป์ปี 2017 บริษัทมูลค่าตลาดสูงสุดในโลก





“กูเกิล” ตัวเก็งแชมป์ปี 2017 บริษัทมูลค่าตลาดสูงสุดในโลก
แลร์รี่ เพจ ซีอีโอผู้ก่อตั้งกูเกิล บริษัทที่ถูกมองว่าจะทะยานเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกช่วง 3 ปีนับจากนี้

       หลังจากกูเกิล (Google) เจ้าพ่ออินเทอร์เน็ตอยู่ในภาวะหุ้นพุ่งสุดขีดจนส่งให้มูลค่าบริษัทสูงเกินหน้าบริษัทขุดเจาะน้ำมัน “แอ็กซอน โมบิล (Exxon Mobil)” ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ล่าสุดนักวิเคราะห์เชื่อว่ากูเกิลจะไม่หยุดอยู่แค่ตำแหน่งบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงอันดับ 2 ของโลก แต่มีโอกาสสูงที่กูเกิลจะทะยานสู่บัลลังก์แชมป์บริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลกช่วง 3 ปีข้างหน้าหรือปี 2017
     
       เท่ากับว่าแชมป์ในขณะนี้อย่างแอปเปิล (Apple) หรืออดีตเบอร์ 2 อย่างแอ็กซอนโมบิล (Exxon Mobil) อาจจะเป็นรองกูเกิลในเวลานั้น

“กูเกิล” ตัวเก็งแชมป์ปี 2017 บริษัทมูลค่าตลาดสูงสุดในโลก

       เหตุที่ทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่ากูเกิลจะเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกช่วง 3 ปีนับจากนี้ คือแนวโน้มการเติบโตของนานาธุรกิจกูเกิลที่ล้วนเกี่ยวข้องกับ “ข้อมูล” ซึ่งจะสามารถสร้างมูลค่าได้สูงกว่าการค้าขายน้ำมัน หรือแม้แต่การมีแบรนด์ผลไม้ที่ดูหรูเลิศล้ำค่า

“กูเกิล” ตัวเก็งแชมป์ปี 2017 บริษัทมูลค่าตลาดสูงสุดในโลก

       ***ตอนนี้เบอร์ 2 อนาคตเบอร์ 1?
     
       ที่ผ่านมาแอปเปิลคือบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลก หรือ Most Valuable Company โดยมีบริษัทขุดเจาะน้ำมันอย่างแอ็กซอนนั่งตำแหน่งเบอร์ 2 มาตลอด กระทั่งล่าสุดมูลค่าตลาดของบริษัทกูเกิลทะยานไปแตะระดับ 3.91 แสนล้านเหรียญสหรัฐเมื่อวันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้กูเกิลสามารถเขี่ยแอ็กซอนที่มีมูลค่าตลาด 3.9 แสนล้านเหรียญสหรัฐไปได้อย่างฉิวเฉียด

“กูเกิล” ตัวเก็งแชมป์ปี 2017 บริษัทมูลค่าตลาดสูงสุดในโลก

       สื่อต่างประเทศวิเคราะห์ว่า มูลค่าหุ้นของกูเกิลเพิ่มขึ้นเพราะข่าวลือว่ากูเกิลอาจแยกส่วนปรับโครงสร้างหุ้นในเดือนเมษายน โดยข่าวลือนี้เกิดขึ้นช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ภาวะหุ้นตกของแอ็กซอนโมบิลยังเกิดขึ้นเพราะข่าวการประกาศผลประกอบการล่าสุด ที่สะท้อนว่าแอ็กซอนมีกำไรน้อยลงในช่วงไตรมาสปลายปี 2013
     
       อย่างไรก็ตาม หากมองภาพรวมมูลค่าตลาดบริษัทในระยะยาว มูลค่าเฉลี่ยของหุ้นแอ็กซอนนั้นสูงกว่าหุ้นของกูเกิลเล็กน้อย ซึ่งนักสังเกตการณ์ยังต้องรอดูผลการเปลี่ยนแปลงของทำเนียบบริษัทระดับโลกต่อไป
     
       ก่อนหน้านี้กูเกิลเคยแซงหน้าไมโครซอฟท์ (Microsoft) เจ้าพ่อซอฟต์แวร์ในช่วงตุลาคม ปี 2012 และกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดอันดับ 4 ของโลก นำหน้าบริษัทจีอี (GE) ที่เกาะติด 5 อันดับแรกหรือท็อป 5 ได้ระยะหนึ่ง โดยปรากฏการณ์สำคัญของมูลค่าหุ้นกูเกิล คือราคาหุ้นกูเกิลที่ทะลุหลัก 1,000 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นเป็นครั้งแรกในช่วง 1 ปีก่อนหน้านี้ ความสำเร็จครั้งนั้นเป็นผลจากการประกาศผลประกอบการที่สวยงาม จนทำให้นักลงทุนมั่นใจว่ากูเกิลจะสามารถขยายรายได้จากการโฆษณาได้ดีในอนาคต

“กูเกิล” ตัวเก็งแชมป์ปี 2017 บริษัทมูลค่าตลาดสูงสุดในโลก

       ปัจจุบันกูเกิลมีมูลค่าตลาดต่ำกว่าเบอร์ 1 อย่างแอปเปิลเพียง 7.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น โดยคู่แข่งอันดับ 1 ของกูเกิลมีมูลค่าตลาดมากกว่า 4.64 แสนล้านเหรียญสหรัฐในขณะนี้
     
       แม้แอปเปิลจะมีนโยบายปันผลแก่นักลงทุนอย่างงาม และอนาคตของแอ็กซอนโมบิลจะดูรุ่งโรจน์เพราะความต้องการพลังงานย่อมสูงขึ้นในวันที่ประชากรโลกเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ แต่ในมุมของกูเกิล โอกาสที่ธุรกิจของกูเกิลจะเติบโตเพราะการใช้ประโยชน์จาก “มหาสมุทรข้อมูล” ที่กูเกิลมีนั้นเป็นสุดยอดขุมทรัพย์ที่ไม่อาจมองข้าม แถมข้อมูลเหล่านี้ยังถูกนำมาให้บริการฟรี จนชาวออนไลน์ทั่วโลกเป็นสาวกกูเกิลเรียบร้อยในขณะนี้

“กูเกิล” ตัวเก็งแชมป์ปี 2017 บริษัทมูลค่าตลาดสูงสุดในโลก

       แนวโน้มนี้ชัดเจนมาก เพราะประชากรโลกเริ่มใช้บริการออนไลน์เป็นเครื่องมือในการดำรงชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ ผิดกับธุรกิจค้าน้ำมัน ซึ่งคนชนชั้นกลางรุ่นใหม่กำลังพยายามมองหาพลังงานทางเลือกที่มีราคาประหยัดมากกว่ามาทดแทน จุดนี้เองที่ทำให้นักวิเคราะห์ตลาดหุ้นมองว่าหุ้นบริษัทพลังงานจะไม่เติบโตก้าวกระโดดในอนาคตจากนี้
     
       หากเทียบกับแอปเปิล นักวิเคราะห์เชื่อว่าหุ้นแอปเปิลจะเติบโตได้มากกว่านี้เมื่อสามารถ “เปลี่ยนโลก” ได้อีกครั้ง ซึ่งนับจากการเปิดตัวไอโฟน (iPhone) ในงาน MacWorld ปี 2007 โลกก็เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนของแอปเปิลเพียงการเปิดตัวไอแพด (iPad) แท็บเล็ตยอดนิยม
     
       วันนี้นักวิเคราะห์เห็นแล้วว่า แม้ตลาดสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตเติบโตเพียงไร แต่แอปเปิลก็สามารถสร้างกำไรให้บริษัทได้น้อยลงกว่าเดิม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการแข่งขันระหว่างคู่แข่งรายสำคัญอย่างกูเกิล และซัมซุง (Samsung) ซึ่งสามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดไปจากแอปเปิลได้ไม่น้อย

“กูเกิล” ตัวเก็งแชมป์ปี 2017 บริษัทมูลค่าตลาดสูงสุดในโลก

       ***กูเกิลเติบโตแตกต่าง
     
       กรณีของกูเกิลนั้นต่างออกไป ความยิ่งใหญ่ของกูเกิลในวันนี้ไม่ได้เกิดมาเพราะการวางเดิมพันไว้กับตลาดเดียว แต่กูเกิลทดลองและริเริ่มธุรกิจใหม่ต่อเนื่องจนสามารถแทรกตัวอย่างแนบแน่นในกลุ่มตลาดทุกชนชั้น โดยเฉพาะการปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านจากโลกพีซีมาสู่โลกสมาร์ทโฟน ด้วยการสร้างแอนดรอยด์และร้านดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอย่างกูเกิลเพลย์ (Google Play) ที่มียอดดาวน์โหลดเติบโตสูงกว่าแอปสโตร์ (App Store) ของแอปเปิล
     
       วันนี้กูเกิลเริ่มโครงการแว่นตาอัจฉริยะ Google Glass และรถยนต์ไร้คนขับ (self-driving car) ขณะเดียวกันยังเทเงินทุนมากกว่า 3.2 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือมากกว่า 1 แสนล้านบาทเพื่อซื้อกิจการบริษัทเนสต์ (Nest) ผู้พัฒนาระบบอัจฉริยะเพื่อการตรวจจับควัน, คาร์บอนมอนอกไซด์ และอุณหภูมิแบบอัตโนมัติ ทั้งหมดนี้นำไปสู่การพัฒนาระบบศึกษาพฤติกรรมผู้ใช้ในหลายแง่มุม
     
       การลงทุนเหล่านี้สามารถนำไปต่อยอดธุรกิจได้หลากหลายด้าน ตัวอย่างเช่น รถไร้คนขับจะทำให้กูเกิลมีข้อมูลล้ำค่าว่าผู้ใช้รายใดเดินทางไปที่ใดและเวลาใด เมื่อผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลาขับรถ ก็สามารถใช้เวลาไปกับนานาบริการของกูเกิลทั้งจีเมล (Gmail) และยูทิวบ์ (YouTube) ซึ่งสถานการณ์นี้จะไม่ต่างกับที่อุปกรณ์แอนดรอยด์ (Android) และไอโฟนสามารถทำลายมนต์ขลังของคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะในขณะนี้

“กูเกิล” ตัวเก็งแชมป์ปี 2017 บริษัทมูลค่าตลาดสูงสุดในโลก

       แผนการลงทุนทั้งหมดสะท้อนว่ากูเกิลจะเป็นบริษัทที่มีแนวโน้มขยายตัวชัดเจนในช่วง 3 ปีนับจากนี้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นยุคที่ประชากรโลกมีการแบ่งปันข้อมูลอย่างไร้รอยต่อมากขึ้นกว่าปัจจุบัน จุดนี้ทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่ากูเกิลจะสามารถทำรายได้มหาศาลจากธุรกิจที่มีอยู่ในมือ โดยเฉพาะในวันที่ยุคทองแห่งธุรกิจ Internet of everythings กำลังจะเกิดขึ้น
     
       หลักการของ “The Internet of everythings” คือการพัฒนาอุปกรณ์เครื่องใช้ในชีวิตประจำวันที่สามารถเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ได้ ซึ่งจะทำให้อุปกรณ์นั้นมีความสามารถพิเศษที่อัจฉริยะกว่าเดิม ตัวอย่างสินค้าภายใต้แนวคิดนี้ได้แก่ ตู้เย็นออนไลน์ที่เจ้าของเครื่องสามารถตรวจสอบสิ่งของในตู้ขณะอยู่ที่ร้านค้า หรือระบบไฟฟ้าที่ผู้ใช้สามารถสั่งเปิดได้จากนอกบ้าน ซึ่งกูเกิลสามารถแทรกตัวในธุรกิจนี้ได้เต็มที่ถ้าต้องการ
     
       ดังนั้น โอกาสเติบโตของกูเกิลจึงมีความชัดเจนมากกว่าแนวโน้มของแอ็กซอนโมบิล และของแอปเปิลมากมายนัก
     

http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9570000017613

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.