Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

25 กุมภาพันธ์ 2557 การศึกษาของฝ่ายวิจัยบล.เอเซีย พลัสฯ พบว่า ทุก ๆ 1% ของลูกค้าเอไอเอส(เท่ากับ 4.2 แสนราย) จะมีผลกระทบต่อประมาณการกำไรให้ลดลงจากคาดการณ์สูงสุดไม่เกิน 2%


ประเด็นหลัก


1.ค่าบริการย้ายค่าย 29 บาท/ครั้งต่อเลขหมาย และต้นทุนด้านเวลาที่จะไม่สามารถใช้งานบริการได้ เกิดจากการรอกระบวนการย้ายตามปกติ 1-2 วัน นอกจากนี้ปัจจุบันกำลังการโอนย้ายลูกค้าต่อค่ายต่อวันยังจำกัดสูงสุดไม่เกิน 6 หมื่นรายต่อวัน ซึ่งผู้ให้บริการมือถือทุกรายล้วนให้ความสำคัญกับการโอนย้ายลูกค้าจากระบบคลื่น 2 จี ไป 3 จี ก่อน กำลังการโอนลูกค้าส่วนใหญ่ขณะนี้จึงถูกใช้งานในเรื่องดังกล่าว ทำให้ผู้โอนย้ายค่ายต้องเผชิญอุปสรรค คือ ระยะเวลาโอนที่นานกว่าปกติ
    2.การยกเลิกบริการโดยไปใช้เบอร์ใหม่ จะสร้างความไม่สะดวกในการติดต่อ นอกจากนี้ ทั้ง 2 กรณี ผู้ใช้บริการยังต้องรับความเสี่ยงการใช้เครือข่ายใหม่ที่ประสิทธิภาพการใช้งานอาจด้อยกว่าเอไอเอสเพราะเอไอเอสได้พัฒนาโครงข่าย 3 จี อย่างหนัก หลังได้รับใบอนุญาตคลื่น 2.1 GHz ตั้งแต่ปี 2555
     ทั้งนี้จากการศึกษาของฝ่ายวิจัยบล.เอเซีย พลัสฯ พบว่า ทุก ๆ 1% ของลูกค้าเอไอเอส(เท่ากับ 4.2 แสนราย) ที่ลดลงจากประมาณการฝ่ายวิจัยฯ ซึ่งคาดว่าเอไอเอส มีลูกค้าสิ้นปีนี้ราว 42 ล้านราย จะมีผลกระทบต่อประมาณการกำไรให้ลดลงจากคาดการณ์สูงสุดไม่เกิน 2% ประกอบกับผลกระทบการยกเลิกใช้บริการที่เชื่อว่าจะจำกัดมากดังกล่าวข้างต้น





______________________________________







โอกาสซื้อหุ้นอินทัช-เอไอเอส นักวิเคราะห์เชียร์-ปันผลเลิศ-ธรรมาภิบาลเยี่ยม

 หุ้นกลุ่มชินดิ่งนักวิเคราะห์ออกโรงเชียร์เป็นโอกาสทองซื้อสะสมของนักลงทุนระยะกลาง-ยาว แนะใช้จังหวะราคาอ่อนตัวทยอยรับ เหตุปัจจัยพื้นฐานดี ปันผลเด่น ได้คะแนนธรรมาภิบาลสูงสุดที่อันดับ 5 ให้ราคาเหมาะสม"เอไอเอส"ที่  270 บาท มีอัพไซด์ 24 % ส่วน"อินทัช" ประเมินแนวรับ 72.75-73.0 บาท  เคาะมูลค่าพื้นฐานระยะยาว 109 บาท
alt    จากกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.)ประกาศโจมตีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลด้วยหลายแนวทาง อาทิ การเชิญชวนยกเลิกใช้บริการธุรกิจที่เชื่อว่าอยู่ในกลุ่มรัฐบาล อาทิ บริษัท เอสซี แอสเส็ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)(บมจ.)(SC) บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือเอไอเอส  รวมทั้งยังมีการเชิญชวนให้เทขายหุ้นกลุ่มชินคอร์ป ซึ่งอดีตบางบริษัทเคยเป็นธุรกิจของตระกูลชินวัตร ออกมาด้วยนั้น
    "ฐานเศรษฐกิจ"รวบรวมความเห็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่มีต่อราคาหุ้นกลุ่มชินคอร์ป โดยฝ่ายวิจัยบมจ.หลักทรัพย์(บล.)เอเซีย พลัส ระบุว่า จะมีผลต่อจิตวิทยาเชิงลบกับราคาหุ้นระยะสั้นเท่านั้น โดยผลกระทบต่อฐานกำไร และผู้ใช้บริการที่จะยกเลิกใช้งานคาดว่ามีจำกัด เพราะลูกค้ามีต้นทุนในการย้ายเครือข่าย ทั้งในรูปแบบการย้ายเครือข่ายแต่ใช้เลขหมายเดิม(บริการ MNP) ซึ่งผู้ใช้บริการต้องมีต้นทุนการเงินในการยกเลิก คือ
    1.ค่าบริการย้ายค่าย 29 บาท/ครั้งต่อเลขหมาย และต้นทุนด้านเวลาที่จะไม่สามารถใช้งานบริการได้ เกิดจากการรอกระบวนการย้ายตามปกติ 1-2 วัน นอกจากนี้ปัจจุบันกำลังการโอนย้ายลูกค้าต่อค่ายต่อวันยังจำกัดสูงสุดไม่เกิน 6 หมื่นรายต่อวัน ซึ่งผู้ให้บริการมือถือทุกรายล้วนให้ความสำคัญกับการโอนย้ายลูกค้าจากระบบคลื่น 2 จี ไป 3 จี ก่อน กำลังการโอนลูกค้าส่วนใหญ่ขณะนี้จึงถูกใช้งานในเรื่องดังกล่าว ทำให้ผู้โอนย้ายค่ายต้องเผชิญอุปสรรค คือ ระยะเวลาโอนที่นานกว่าปกติ
    2.การยกเลิกบริการโดยไปใช้เบอร์ใหม่ จะสร้างความไม่สะดวกในการติดต่อ นอกจากนี้ ทั้ง 2 กรณี ผู้ใช้บริการยังต้องรับความเสี่ยงการใช้เครือข่ายใหม่ที่ประสิทธิภาพการใช้งานอาจด้อยกว่าเอไอเอสเพราะเอไอเอสได้พัฒนาโครงข่าย 3 จี อย่างหนัก หลังได้รับใบอนุญาตคลื่น 2.1 GHz ตั้งแต่ปี 2555
     ทั้งนี้จากการศึกษาของฝ่ายวิจัยบล.เอเซีย พลัสฯ พบว่า ทุก ๆ 1% ของลูกค้าเอไอเอส(เท่ากับ 4.2 แสนราย) ที่ลดลงจากประมาณการฝ่ายวิจัยฯ ซึ่งคาดว่าเอไอเอส มีลูกค้าสิ้นปีนี้ราว 42 ล้านราย จะมีผลกระทบต่อประมาณการกำไรให้ลดลงจากคาดการณ์สูงสุดไม่เกิน 2% ประกอบกับผลกระทบการยกเลิกใช้บริการที่เชื่อว่าจะจำกัดมากดังกล่าวข้างต้น
    ฝ่ายวิจัยฯจึงคงประมาณการกำไรปีนี้ของเอไอเอส ที่คาดเติบโตราว 10% และมูลค่าพื้นฐานที่ 270 บาท ยังมีส่วนเพิ่ม 24%ประกอบกับผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงเกิน 6% ต่อปี จึงยังแนะนำ "ซื้อ" โดยราคาหุ้นที่อาจปรับตัวลงจากจิตวิทยาเชิงลบ เป็นโอกาสดีให้เข้าสะสม
    บทวิเคราะห์บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)ฯระบุเช่นเดียวกันว่าเป็นผลกระทบทางจิตวิทยาระยะสั้น หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงของราคาลดลงมากที่สุด คือ บมจ.เอสซี แอสเส็ท เทียบกับหลักทรัพย์ที่ตลาดรับรู้ว่าอยู่ในข่าย คือ เอไอเอส , บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น ( INTUCH)หรือชินคอร์ป , บมจ.ซีเอส ล็อกซอินโฟร์(CSL), บมจ.เอ็มลิ้งค์ คอร์ปอเรชั่น(MLINK) และบมจ.เอสซี แอสเส็ท
    อย่างไรก็ตามจากการรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทต่างๆ เหล่านี้ มีเพียงบมจ.เอสซี แอสเส็ท ที่ตระกูลชินวัตรถือหุ้นโดยตรง และบมจ.เอ็มลิ้งค์ มีตระกูลวงศ์สวัสดิ์ ถือหุ้นอันดับ 2 ส่วนหลักทรัพย์อื่นๆไม่ปรากฏว่าตระกูลชินวัตรถือหุ้นโดยตรง พิจารณาได้จากรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุดที่ฝ่ายวิจัยฯได้รวบรวม(ดูตารางประกอบ)
    สำหรับคำแนะนำการลงทุนบล.ดีบีเอส ฯ ระบุว่านักลงทุนระยะกลาง-ยาว อาจใช้จังหวะที่หุ้นอ่อนตัวทยอยรับเพื่อการลงทุน เพราะหุ้นต่างๆ เหล่านี้มีปัจจัยพื้นฐานดี (ยกเว้นบมจ.เอ็มลิ้งค์ ไม่ได้ทำการวิเคราะห์) และมีธรรมาภิบาลขององค์กร (Corporate Governance) อยู่ในระดับที่สูงสุด คือ อันดับ 5 ทั้ง เอไอเอส , ชินคอร์ป , ซีเอส ล็อกซอินโฟร์ และเอสซี  แอสเส็ท  ส่วนเอ็มลิ้งค์ไม่ได้จัดระดับ เกณฑ์ทั่วไปที่ใช้ในการจัดอันดับของทริสเรทติ้ง ประกอบด้วย 4 กลุ่ม คือ1. สิทธิของผู้ถือหุ้น 2. องค์ประกอบและบทบาทของคณะกรรมการและคณะผู้บริหาร 3. การเปิดเผยข้อมูล และ 4. วัฒนธรรมการกำกับดูแลกิจการ
    บล.ธนชาตฯ ออกบทวิเคราะห์ ระบุว่าเอไอเอส และอินทัช หรือชินคอร์ป ควรได้รับผลกระทบทางการเมือง "จำกัด" หลังกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ได้หยิบยกประเด็นการถือหุ้นของกลุ่ม"ชินวัตร" เป็นประเด็นทางการเมือง ซึ่งเมื่อพิจารณาจากโครงสร้างผู้ถือหุ้นปัจจุบัน จะเห็นว่าไม่มีความเกี่ยวโยงกับประเด็นทางการเมืองแล้ว ทำให้ประเมินว่าแม้จะมีเซนติเมนต์ หรือจิตวิทยาเชิงลบกดดันราคาหุ้น รวมไปถึงความกังวลต่อการย้ายโอเปอเรเตอร์จากเอไอเอสไปดีแทคหรือทรู แต่ผลกระทบจะเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น
    "หุ้นอิชทัช ประเมินแนวรับที่ 72.75-73.0 บาท หรือถัดไปที่ 72.0 บาท ขณะที่มีผลกระทบ "จำกัด" ต่อประมาณการกำไร และมูลค่าพื้นฐานระยะยาวที่ 109 บาท" บทวิเคราะห์บล.ธนชาตฯระบุถึงคำแนะนำการลงทุนในหุ้นอินทัช
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=219997:2014-02-23-08-23-51&catid=104:-financial-&Itemid=443#.UwxfjPSSwcu

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.