Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

07 มีนาคม 2557 Rakuten พบว่ามีความจำเป็นมากขึ้นที่เจ้าของร้านค้าออนไลน์จะต้องสร้างการมีปฏิสัมพันธ์ และให้บริการผู้บริโภคนับตั้งแต่ก่อนซื้อไปจนถึงหลังซื้อ


ประเด็นหลัก


ราคูเท็น ผู้ประกอบการด้านอีคอมเมิร์ซชื่อดังของญี่ปุ่น เผยผลการสำรวจ Rakuten Smart Shopping Survey ที่จัดทำไปเมื่อปี 2013 โดยมีการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคกว่า 2,000 ราย ในไต้หวัน อินโดนีเซีย ไทย และมาเลเซีย พบว่ามีความจำเป็นมากขึ้นที่เจ้าของร้านค้าออนไลน์จะต้องสร้างการมีปฏิสัมพันธ์ และให้บริการผู้บริโภคนับตั้งแต่ก่อนซื้อไปจนถึงหลังซื้อ



ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของร้านค้าออนไลน์มือใหม่ หรือมีประสบการณ์โชกโชนมาแล้ว การดึงดูดลูกค้าเข้าร้านค้าออนไลน์ของคุณและทำให้พวกเขาตัดสินใจซื้อ และซื้อซ้ำนับเป็นสิ่งที่ท้าทาย การแข่งขันในแวดวงอีคอมเมิร์ซนั้นเข้มข้นขึ้น และผู้บริโภคมักจะถูกหลอกล่อโดยร้านค้าออนไลน์ที่ให้ข้อเสนอดีๆ ได้โดยง่าย ทั้งนี้ข้อมูลที่ได้จากการสำรวจพบว่า

1. ผู้ประกอบการต้องสร้างลูกค้าขาประจำ ไม่ใช่แค่ผู้ผ่านมาเยี่ยมชมเว็บไซต์ จาก Rakuten Smart Shopping Survey สำรวจพบว่า น้อยกว่า 1 ใน 4 ของผู้ซื้อสินค้าออนไลน์ทำทุกขั้นตอนที่กำหนดจนเสร็จสิ้นขั้นตอนการซื้อจริงๆ ส่วนใหญ่ชอบที่จะค้นหาและอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางออนไลน์ แต่มักจะเลือกที่จะไม่ซื้อเนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของผู้ขายหรือผลิตภัณฑ์ รวมถึงราคาสินค้าที่คิดว่าแพง

ผู้บริโภคมักจะใช้ปัจจัยด้านราคาประกอบการตัดสินใจซื้อเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้คุณสามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องมือต่างๆ ที่ช่วยให้ลูกค้าของคุณให้คะแนนคุณและผลิตภัณฑ์ของคุณได้ เนื่องจากคนทั่วไปได้รับอิทธิพลจากเพื่อนๆ ของพวกเขามากที่สุด และการให้ความโปร่งใสในระดับนี้เกี่ยวกับบริการและผลิตภัณฑ์ของคุณจะช่วยให้ผู้บริโภครู้สึกมั่นใจมากขึ้นในการซื้อสินค้าจากคุณ

______________________________________







ราคูเท็น แนะการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าจะพาร้านออนไลน์รุ่ง


ราคูเท็น เผยผลการสำรวจ พบมีความจำเป็นมากขึ้นที่เจ้าของร้านค้าออนไลน์ จะต้องสร้างการมีปฏิสัมพันธ์ และให้บริการผู้บริโภคนับตั้งแต่ก่อนซื้อไปจนถึงหลังซื้อ ชี้การมีปฏิสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า จะช่วยสร้างลูกค้าที่ดีที่สุดให้ร้านค้าของตัวเอง...

ราคูเท็น ผู้ประกอบการด้านอีคอมเมิร์ซชื่อดังของญี่ปุ่น เผยผลการสำรวจ Rakuten Smart Shopping Survey ที่จัดทำไปเมื่อปี 2013 โดยมีการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคกว่า 2,000 ราย ในไต้หวัน อินโดนีเซีย ไทย และมาเลเซีย พบว่ามีความจำเป็นมากขึ้นที่เจ้าของร้านค้าออนไลน์จะต้องสร้างการมีปฏิสัมพันธ์ และให้บริการผู้บริโภคนับตั้งแต่ก่อนซื้อไปจนถึงหลังซื้อ



ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของร้านค้าออนไลน์มือใหม่ หรือมีประสบการณ์โชกโชนมาแล้ว การดึงดูดลูกค้าเข้าร้านค้าออนไลน์ของคุณและทำให้พวกเขาตัดสินใจซื้อ และซื้อซ้ำนับเป็นสิ่งที่ท้าทาย การแข่งขันในแวดวงอีคอมเมิร์ซนั้นเข้มข้นขึ้น และผู้บริโภคมักจะถูกหลอกล่อโดยร้านค้าออนไลน์ที่ให้ข้อเสนอดีๆ ได้โดยง่าย ทั้งนี้ข้อมูลที่ได้จากการสำรวจพบว่า

1. ผู้ประกอบการต้องสร้างลูกค้าขาประจำ ไม่ใช่แค่ผู้ผ่านมาเยี่ยมชมเว็บไซต์ จาก Rakuten Smart Shopping Survey สำรวจพบว่า น้อยกว่า 1 ใน 4 ของผู้ซื้อสินค้าออนไลน์ทำทุกขั้นตอนที่กำหนดจนเสร็จสิ้นขั้นตอนการซื้อจริงๆ ส่วนใหญ่ชอบที่จะค้นหาและอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางออนไลน์ แต่มักจะเลือกที่จะไม่ซื้อเนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของผู้ขายหรือผลิตภัณฑ์ รวมถึงราคาสินค้าที่คิดว่าแพง

ผู้บริโภคมักจะใช้ปัจจัยด้านราคาประกอบการตัดสินใจซื้อเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้คุณสามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องมือต่างๆ ที่ช่วยให้ลูกค้าของคุณให้คะแนนคุณและผลิตภัณฑ์ของคุณได้ เนื่องจากคนทั่วไปได้รับอิทธิพลจากเพื่อนๆ ของพวกเขามากที่สุด และการให้ความโปร่งใสในระดับนี้เกี่ยวกับบริการและผลิตภัณฑ์ของคุณจะช่วยให้ผู้บริโภครู้สึกมั่นใจมากขึ้นในการซื้อสินค้าจากคุณ

Rakuten Smart Shopping Survey พบด้วยว่า ร้อยละ 78 ของผู้ที่ซื้อสินค้าออนไลน์ไม่พึงพอใจกับการซื้อสินค้าออนไลน์ของพวกเขาเมื่อได้รับบริการนั้นแล้ว สำหรับเจ้าของร้านค้า นี่เป็นสิ่งที่สะท้อนค่าใช้จ่ายในการคืนสินค้าที่เพิ่มขึ้น ความภักดีที่ลดลง และในที่สุด ยอดขายก็จะลดลงไปด้วย นอกจากนี้ ภาพถ่ายที่ดีและรายละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์สามารถช่วยให้ผู้ซื้อรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นในการตัดสินใจซื้อสินค้า และประกันความพึงพอใจของพวกเขาเมื่อพวกเขาสั่งซื้อและได้รับสินค้านั้นๆ ไปแล้ว

การสร้างความมั่นใจว่าคุณยังพร้อมให้บริการอยู่ และได้เปิดช่องทางสำหรับการสื่อสารกับผู้บริโภค ก็สามารถช่วยเพิ่มความพึงพอใจได้เช่นกัน ทั้งนี้ ร้อยละ 40 ของผู้บริโภค ระบุว่า พวกเขาไม่ค่อยหรือไม่เคยติดต่อกับร้านค้าตอนที่พวกเขาซื้อสินค้าออนไลน์ แม้คุณอาจให้อีเมล์สำหรับติดต่อเรื่องทั่วไปไว้เพื่อตอบคำถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์แล้ว เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องจัดให้ผู้บริโภคมีช่องทางที่หลากหลายในการมี ปฏิสัมพันธ์กับคุณ ซึ่งรวมถึงสื่อสังคม เช่น Facebook และช่องทาง live chat ที่หลากหลาย ที่ซึ่งผู้ที่กำลังจะเป็นลูกค้าสามารถหาคำตอบแบบเรียลไทม์ให้กับคำถามของพวกเขาได้

2. ผู้ประกอบการควรคอยให้ความช่วยเหลือเคียงข้างลูกค้าตลอดเวลา คุณสามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องมือประเภทสื่อสังคมเพื่อสร้างประสบการณ์การจับจ่ายสนุกสนานมากขึ้น เช่น แคมเปญ Shop Together ของราคูเท็น (Rakuten) ส่งเสริมให้ลูกค้าขอความเห็นจากเพื่อนๆ ของพวกเขาขณะกำลังดูสินค้าชิ้นเดียวกัน ช่วยให้พวกเขาสามารถสะท้อนประสบการณ์ของการถามความเห็นจากเพื่อนที่สนิท ที่สุด



การกำหนดนโยบายการคืนสินค้าที่เป็นมิตร ซึ่งให้เวลาลูกค้าได้ประเมินผลิตภัณฑ์และติดต่อคืนสินค้าโดยไม่ต้องมีค่าธรรมเนียมใดๆ ก็อาจส่งผลให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าได้เช่นกัน สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ ต้องแสดงความโปร่งใสเกี่ยวกับเงื่อนไขการคืนสินค้าของคุณ นอกจากนี้ การนำเสนอความหลากหลายของวิธีการชำระเงินและการจัดส่ง ตั้งแต่แบบที่เสียค่าใช้จ่ายน้อย/จัดส่งฟรี ไปจนถึง การเรียกเก็บเงินปลายทาง (cash-on-delivery) ก็สามารถช่วยได้อีกทาง

ทั้งนี้ การมีปฏิสัมพันธ์ออนไลน์ของผู้บริโภคไม่ใช่ทั้งหมดที่ทำให้ร้านค้าออนไลน์แตกต่างจากการมีหน้าร้านตามอาคารหรือร้านค้าทั่วไป กุญแจสำคัญอยู่ที่การใช้เครื่องมือที่เหมาะสมและนำเสนอช่องทางการสื่อสารที่เปิดกว้างและสะดวกสบายเพื่อสะท้อนว่าคุณเป็นใคร ผลิตภัณฑ์ของคุณคืออะไร และมันจะออกจากโลกออนไลน์ไปสู่โลกของความเป็นจริงของผู้บริโภคได้อย่างไร.



โดย: ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
http://m.thairath.co.th/content/tech/408048

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.