Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

25 มิถุนายน 2557 การสำรวจในหัวข้อ 'อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง: บ้านที่มีการเชื่อมโยง' ผู้ตอบแบบสำรวจกว่า 61% เชื่อว่า อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดภายในบ้าน เชื่อมต่อเข้ากับระบบอิน เทอร์เน็ตได้จริงในอีก 5 ปีข้างหน้า


ประเด็นหลัก


  การสำรวจในหัวข้อ 'อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง: บ้านที่มีการเชื่อมโยง' (Internet of Thing: Connected Home)ได้สำรวจความคิดของเจ้าของบ้านที่มีความรู้เรื่องเทคโนโลยีกว่า 1,801 คนทั่วโลก โดยเป็นคนในประเทศแถบเอเชียแปซิฟิก อาทิ ออสเตรเลีย จีน อินเดีย มาเลย์เซียและไทย กว่า 750 คน คำถามจะเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ทุกชนิดที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ทั้ง ที่มีอยู่ในปัจจุบันและอนาคต โดยเน้นอุปกรณ์ในบ้านทุกชนิด
      
       โดยผู้ตอบแบบสำรวจกว่า 61% เชื่อว่า อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดภายในบ้านจะสามารถเชื่อมต่อเข้ากับระบบอิน เทอร์เน็ตได้จริงในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยชาวจีนเห็นด้วยในเรื่องนี้มากที่สุดในโลก คือ 84% ขณะที่ประเทศไทยเห็นด้วย 61%
      
       ด้านเจ้าของบ้านทั่วโลกกว่า 69% เป็นห่วงเรื่องการละเมิดข้อมูลส่วนตัว จากการเชื่อมโยงเครือข่ายทั้งหมดของอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านเข้าไว้ด้วยกัน โดยจำนวนนี้มีทั้ง "กังวลมาก" หรือ "ค่อนข้างห่วง" ซึ่งชาวอินเดียกว่า 63% เห็นว่าข้อมูลส่วนตัวเป็นเรื่องสำคัญ โดยไม่ไว้วางใจว่าข้อมูลดังกล่าวจะถูกนำไปใช้อย่างไรเมื่อตกอยู่ในมือผู้ อื่น ขณะที่ไทยเห็นด้วยกับความคิดนี้ 60%

______________________________________


ฟอร์ติเน็ตเผยแนวคิด IoT ขุมทรัพย์ใหม่ปี 2020 กว่า 7หมื่นล้านเหรียญ




       ฟอร์ติเน็ตเผยผลสำรวจแนวคิด 'อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง' (Internet of Thing) หรือ IoT จากเจ้าของบ้านใน 11 ประเทศทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย พบส่วนใหญ่เชื่อว่าอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านทั้งหมดจะสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้จริงในอีก 5 ปีข้างหน้า ขณะที่ความกังวลใจสูงสุดพุ่งเป้าไปที่ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวที่เกิดขึ้นภายในบ้าน ตลอดจนการให้สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลและแนวทางการแก้ไขช่องโหว่
      
       มร.จอห์น แมนดิชั่น รองประธานฝ่ายการตลาดที่ฟอร์ติเน็ตกล่าวว่า “บริษัทวิจัยไอดีซี ระบุว่าตลาด IoT หรืออุปกรณ์ทุกชนิดที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ ปี 2020อาจจะมีมูลค่าสูงถึง 7.1หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และผู้ที่จะขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของตลาดได้ จะต้องหาจุดสมดุลย์ระหว่างอุปกรณ์ที่เชื่อมโยงในบ้านกับระบบการรักษาข้อมูลส่วนตัวที่เหมาะสม ตลอดจนฟังก์ชั่นการใช้งานที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ได้อย่างสมบูรณ์”
      
       การสำรวจในหัวข้อ 'อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง: บ้านที่มีการเชื่อมโยง' (Internet of Thing: Connected Home)ได้สำรวจความคิดของเจ้าของบ้านที่มีความรู้เรื่องเทคโนโลยีกว่า 1,801 คนทั่วโลก โดยเป็นคนในประเทศแถบเอเชียแปซิฟิก อาทิ ออสเตรเลีย จีน อินเดีย มาเลย์เซียและไทย กว่า 750 คน คำถามจะเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ทุกชนิดที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ทั้งที่มีอยู่ในปัจจุบันและอนาคต โดยเน้นอุปกรณ์ในบ้านทุกชนิด
      
       โดยผู้ตอบแบบสำรวจกว่า 61% เชื่อว่า อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดภายในบ้านจะสามารถเชื่อมต่อเข้ากับระบบอินเทอร์เน็ตได้จริงในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยชาวจีนเห็นด้วยในเรื่องนี้มากที่สุดในโลก คือ 84% ขณะที่ประเทศไทยเห็นด้วย 61%
      
       ด้านเจ้าของบ้านทั่วโลกกว่า 69% เป็นห่วงเรื่องการละเมิดข้อมูลส่วนตัว จากการเชื่อมโยงเครือข่ายทั้งหมดของอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านเข้าไว้ด้วยกัน โดยจำนวนนี้มีทั้ง "กังวลมาก" หรือ "ค่อนข้างห่วง" ซึ่งชาวอินเดียกว่า 63% เห็นว่าข้อมูลส่วนตัวเป็นเรื่องสำคัญ โดยไม่ไว้วางใจว่าข้อมูลดังกล่าวจะถูกนำไปใช้อย่างไรเมื่อตกอยู่ในมือผู้อื่น ขณะที่ไทยเห็นด้วยกับความคิดนี้ 60%
      
       และหากอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อภายในบ้านแอบเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนตัว และนำไปใช้งานร่วมกันกับผู้อื่นในโลกอินเทอร์เน็ต จุดนี้มีผู้คนกว่า 62% ถือว่าเป็นการละเมิดอย่างสมบูรณ์และโกรธมากจนถึงจุด ที่จะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อเป็นการตอบโต้ ทั้งนี้ท่าทางและคำตอบของกลุ่มประเทศจากแอฟริกาใต้ มาเลเซียและสหรัฐอเมริกามีความแข็งกร้าวมากที่สุด และกว่า 50% ของผู้ตอบในประเทศไทยเห็นด้วยกับคำตอบนี้
      
       ขณะที่คนไทยกว่า 28% เชื่อว่าผู้ผลิตอุปกรณ์หรือผู้ให้บริการ ควรจะเป็นผู้จัดการเรื่องสิทธิ์การเข้าถึงมาให้เรียบร้อย และอีกกว่า 42% ยังมีความหวังว่ารัฐบาลจะสามารถออกมาตรการมาดูแล การจัดเก็บข้อมูลได้อย่างเหมาะสม โดย 11% เห็นว่าควรมีองค์กรอิสระที่ไม่ใช่รัฐบาลเข้ามาควบคุมและบังคับใช้กฎระเบียบด้านข้อมูลที่อุปกรณ์รวบรวมไป ด้านผู้ตอบในประเทศไทย39% ยังคงเห็นว่ารัฐบาลควรเป็นผู้ควบคุมข้อมูลที่อุปกรณ์รวบรวมไปเช่นกัน
      
       และหากมีการพบช่องโหว่ในอุปกรณ์ กว่า 48% เห็นว่าผู้ผลิตควรจะเป็นผู้รับผิดชอบสำหรับการปรับปรุงระบบและสร้างแพชจ์ (Patching) เพื่อแก้ไขช่องโหว่ดังกล่าว แต่กระนั้นก็ยังมีผู้คนกว่า 31% ที่บอกว่าควรเป็นความรับผิดชอบของเจ้าบ้านเองด้วยโดยจะต้องอัปเดตอุปกรณ์ให้ทันสมัยอยู่เสมอ ด้านคนไทยอีกกว่า 47% เห็นว่าผู้ผลิตอุปกรณ์ต้องรับผิดชอบเรื่องความปลอดภัยด้วย
      
       ทั้งนี้เจ้าบ้านกว่า 40% ยินดีที่จะจ่ายเงินเพิ่มขึ้นสำหรับเราท์เตอร์ใหม่ที่ดีที่สุดด้านความปลอดภัย หากแต่ 48% เลือกตอบ'บางที' เท่านั้น โดยตัวเลขดังกล่าวน้อยกว่า 50% ความเห็นที่จะยินดีจ่ายเพิ่มขึ้นสำหรับการให้บริการอินเทอร์เน็ตที่ทำให้อุปกรณ์มีความปลอดภัยมากขึ้นสำหรับการทำงาน สะท้อนให้เห็นว่าราคายังคงเป็นปัจจัยหลักในการเลือกอุปกรณ์เพื่อเชื่อมต่อบ้านเข้ากับเครือข่าย และตามด้วยคุณสมบัติการทำงานและแบรนด์ของผู้ผลิต
      
       "อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่งสามารถให้ประโยชน์มากมายกับผู้ใช้ แต่ยังมีประเด็นด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวที่เป็นเรื่องสำคัญ และในการข้ามอุปสรรคเหล่านี้จะต้องประยุกต์ใช้เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่มีความชาญฉลาด รวมถึงศักยภาพในระบบการตรวจสอบตัวตนแบบระยะไกล การเชื่อมต่อเครือข่ายส่วนตัวเสมือน (วีพีเอ็น) ระหว่างผู้ใช้และบ้านของพวกเขา รวมถึงการป้องกันภัยมัลแวร์ บ็อตเน็ตและแอปพลิเคชันด้านการรักษาความปลอดภัย ซึ่งควรนำมาใช้แบบบูรณาการผ่านเครือข่ายคลาวด์” แมนดิชั่น กล่าวสรุป



http://www.manager.co.th/CbizReview/ViewNews.aspx?NewsID=9570000071605

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.