Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

28 กรกฎาคม 2557 (บทความ) วัดใจช่อง 3 ? หลังฉากสุดท้าย'คดีไร่ส้ม' ชงอัยการฟ้อง 'สรยุทธ' // ฝ่ายผู้บริหารช่อง 3 ซึ่งอยู่ในการดูแลของ 'ตระกูลมาลีนนท์' จะมีท่าทีต่อเรื่องนี้อย่างไร

ประเด็นหลัก



     โดย เมื่อวันที่ 2 พ.ย.2555 นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ส่งจดหมายเวียน เรื่อง ขอความร่วมมือองค์กรในตลาดหุ้นผนึกกำลัง แก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ถึงกรรมการผู้จัดการของบริษัทจดทะเบียน บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน และสมาคมที่เกี่ยวเนื่องในตลาดทุนทุกแห่งเนื้อหาของจดหมายเวียนดังกล่าวได้อ้างถึงกรณีที่นายสรยุทธและบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดในคดียักยอกเงินโฆษณาจากบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ซึ่งสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติได้ออกแถลงการณ์ว่า แม้พฤติกรรมของผู้ถูกกล่าวหาแม้จะยังไม่มีบทสรุปทางกฎหมาย แต่ในแง่การประกอบวิชาชีพนับว่าไม่เหมาะสม มีการกระทำที่สุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดจรรยาบรรณแล้วทางสำนักงาน ก.ล.ต.จึงขอความร่วมมือให้ท่านพิจารณาอย่างรอบคอบและใช้ความระมัดระวังในการทำธุรกิจกับบุคคลที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายทุจริตคอร์รัปชั่น เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นในประเทศไทย
   
       แต่ดูเหมือนทั้งนายสรยุทธและผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ก็หาได้สนใจต่อกระแสต้านและการเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบต่อวิชาชาชีพสื่อแต่อย่างใด เราๆท่านๆจึงยังคงเห็นนายสรยุทธนั่งเป็นพิธีกรข่าวเบอร์หนึ่งของช่อง 3 มาจนถึงบัดนี้
   
       ส่วนว่าเมื่ออัยการสูงสุดสั่งฟ้องคดีต่อนายสรยุทธตามที่คณะกรรมร่วมระหว่างอัยการสูงสุดและ ป.ป.ช.เสนอแล้ว ฝ่ายผู้บริหารช่อง 3 ซึ่งอยู่ในการดูแลของ 'ตระกูลมาลีนนท์' จะมีท่าทีต่อเรื่องนี้อย่างไร จะยังคงสนับสนุนให้สื่อที่มีพฤติกรรมไร้จรรยาบรรณเช่นนี้เป็นพิธีกรข่าวของทางสถานีต่อไปหรือไม่ ก็คงต้องวัดใจกันอีกที แต่งานนี้ประชาชนคนเสพสื่อคงหวังอะไรไม่ได้มาก เพราะรู้ๆกันอยู่ว่าคำว่า 'ผลประโยชน์' นั้นมันไม่เข้าใครออกใคร

______________________________




วัดใจช่อง 3 ? หลังฉากสุดท้าย'คดีไร่ส้ม' ชงอัยการฟ้อง 'สรยุทธ'


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -กล่าวได้ว่า 'คดีไร่ส้ม' คดีฉ้อโกงสุดฉาวของพิธีกรข่าวชื่อดังอย่าง 'สรยุทธ สุทัศนะจินดา' ที่ยักยอกเงินค่าโฆษณาจาก บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เป็นมูลค่ากว่า 138 ล้านบาท ซึ่งได้กลายเป็นประเด็นยืดเยื้อเข้าขั้นมหากาพย์มานานกว่า 2 ปีแล้วนั้น ในที่สุดคดีนี้ก็ดำเนินมาถึงฉากสุดท้ายใกล้ลาโรงเต็มที โดยล่าสุดหลังจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ชี้มูลความผิดพนักงาน อสมท, บริษัท ไร่ส้ม จำกัด และนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรชื่อดังกับพวก กรณียักยอกเงินโฆษณาดังกล่าว และได้เรียกเจ้าหน้าที่ อสมท. 3 รายสุดท้ายมาสอบปากคำเพิ่มเติม
     
        ในที่สุดคณะทำงานร่วมระหว่างอัยการสูงสุด (อสส.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ได้มีมติเห็นพ้องให้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง นายสรยุทธ์ กับพวก , บริษัท ไร่ส้ม จำกัด และเจ้าหน้าที่บริษัท อสมท ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
     
       ย้อนไปเมื่อปี 2555 ป.ป.ช.ได้เข้าไปดำเนินการตรวจสอบปัญหาการยักยอกเงินค่าโฆษณาของบริษัทไร่ส้ม ของนายสรยุทธ ซึ่งได้เข้าทำสัญญาร่วมผลิตรายการ “คุยคุ้ยข่าว” กับ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่เดือน พ.ค.2547 ถึง ธ.ค.2549 จึงได้พบว่าบริษัทไร่ส้มได้มีการยักยอกค่าโฆษณาส่วนเกิน รวมมูลค่ากว่า 138 ล้านบาทซึ่งจริงๆ แล้วเงินส่วนนี้ถือเป็นสิทธิของ บริษัท อสมทฯ
     
       โดยการยักยอกเงินส่วนเกินดังกล่าวมาจากการผลิตและออกอากาศรายการ “คุยคุ้ยข่าว” 2 ส่วนด้วยกัน คือ รายการ “คุยคุ้ยข่าว” ซึ่งออกอากาศทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เวลาประมาณ 12.00 - 13.00 น ครั้งละ 60 นาที (รวมเวลาโฆษณา) โดย บมจ. อสมท ตกลงแบ่งเวลาโฆษณาให้ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ได้ครั้งละ 5 นาที ถ้ามีโฆษณาเกินกว่ากำหนด บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ต้องชำระค่าโฆษณาเกินเวลาให้ บมจ. อสมท ในอัตรานาทีละไม่ต่ำกว่า 200,000 บาท
     
       และรายการ“คุยคุ้ยข่าว” ซึ่งออกอากาศทุกวันจันทร์ ถึงวันศุกร์ เวลาประมาณ 21.30 - 22.00 น. ครั้ง ละ 30 นาที(รวมเวลาโฆษณา) โดย บมจ.อสมท ตกลงแบ่งเวลาโฆษณาให้ บริษัท ไร่ส้ม จำกัดได้ครั้ง ละ 2 นาที 30 วินาที ถ้ามีโฆษณาเกินกว่ากำหนด บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ต้องชำระค่าโฆษณาเกินเวลาให้ บมจ. อสมทในอัตรานาทีละไม่ต่ำกว่า 240,000 บาท
     
       ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนของ ป.ป.ช. ปรากฏว่า นางพิชชาภา เอี่ยมสอาด เจ้าหน้าที่ธุรการระดับ 5 สำนักกลยุทธ์การตลาด บมจ.อสมท เป็นผู้รับผิดชอบเพียงผู้เดียวในการจัดทำคิวโฆษณารวมและเป็นผู้รายงานโฆษณาเกินเวลาเพื่อเรียกเก็บเงินจาก บริษัท ไร่ส้ม จำกัดได้ให้ความช่วยเหลือ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด โดยไม่มีการรายงานการโฆษณาเกินเวลาของ บริษัท ไร่ส้มจำกัด เพื่อเรียกเก็บเงิน ตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2548 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน
       2549
     
       จากการไต่สวนปรากฏว่า นายสรยุทธ ได้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คของ ธนาคารธนชาติ สาขาพระราม 4 จ่ายเงินให้นางพิชชาภา โดยมีการทำเอกสารหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้รวม 6 ครั้งเป็นเงิน 739,770.50 บาท เพื่อตอบแทนที่นางพิชชาภา มิได้รายงานการโฆษณาเกินเวลาของบริษัท ไร่ส้ม จำกัด
     
       หลังจากนั้น บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ได้มีการชำระเงินค่าโฆษณาส่วนเกินให้ บมจ. อสมท ในวันที่ 31 สิงหาคม 2549 และวันที่ 15 กันยายน 2549 เป็นเงินจำนวน 103,953,710 บาท โดยบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ขอหักส่วนลด 30% จากยอดทั้งหมดจำนวน138,790,000 บาท แต่ บมจ. อสมท ไม่ยินยอม
     
       จากนั้น ป.ป.ช.ได้ลงมติเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 เสียง เมื่อวันที่ 20 ก.ย.2555 ว่า นางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด เจ้าหน้าที่ธุรการระดับ 5 สำนักกลยุทธ์การตลาด บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) มีมูลความผิดทางวินัยร้ายแรงและมีมูลความผิดทางอาญา น.ส.อัญญา อู่ไทย หัวหน้าส่วนธุรการขาย ระดับ 6 ฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง แต่ไม่มีมูลความผิดทางอาญา นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมการผู้จัดการบริษัท ไร่ส้ม จำกัด และ น.ส.มณฑา ธีระเดช เจ้าหน้าที่บริษัท ไร่ส้ม จำกัด และบริษัท ไร่ส้ม จำกัด มีมูลความผิดทางอาญา ฐานสนับสนุนพนักงานกระทำผิด ก่อนที่ ป.ป.ช.จะจะสรุปและส่งสำนวนต่อไปให้อัยการสูงสุดพิจารณาสั่งฟ้อง
     
       ต่อมาเมื่อเดือน ก.ย.2556 ทางอัยการสูงสุดพิจารณาสำนวนเห็นแล้วว่า ยังมีบางประเด็นที่ไม่สมบูรณ์ และต้องการให้ ป.ป.ช.ทำการไต่สวนเพิ่มเติม จึงได้ตั้งคณะทำงานร่วมระหว่าง ป.ป.ช. กับ อสส. เพื่อพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ดังกล่าว ก่อนที่จะมีการสอบสวนเจ้าหน้าที่ อสมท เพิ่มเติมจำนวน 3 รายจนแล้วเสร็จดังรายละเอียดข้างต้น
     
       อย่างไรก็ดี คดีของบริษัทไร่ส้มนั้นมิใช่แค่ปัญหาเรื่องการยักยอกฉ้อโกงเท่านั้น แต่ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงจรรยาบรรณในวิชาชีพสื่อของ 'นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา' พิธีกรข่าวชื่อดังด้วย โดยในช่วงปี 2555หลังจากที่นายสรยุทธถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด ทางด้านภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น (ภตค.) องค์กรภาคธุรกิจและนักวิชาการ ก็ได้ออกเรียกร้องให้นายสรยุทธซึ่งขณะนั้นทำหน้าที่เป็นพิธีกรข่าวในรายการ 'เรื่องเล่าเช้านี้' ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 แสดงความรับผิดชอบต่อจรรยาบรรณของวิชาชีพสื่อมวลชน ด้วยการพักการจัดรายการชั่วคราวจนกว่าคดีจะได้ข้อยุติ แต่งานนี้นอกจากนายสรยุทธจะปฏิเสธที่จะหยุดจัดรายการดังกล่าวแล้ว เขายังตอบโต้ด้วยการยื่นจดหมายลาออกจากการเป็นสมาชิกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยเป็นการประชดอีกด้วย
     
       แต่กระแสต่อต้านและกดดันให้นายสรยุทธให้แสดงความรับผิดชอบต่อจริยธรรมก็มิได้หยุดเพียงแค่นั้น และดูเหมือนจะส่งผลกระทบต่อประโยชน์ของนายสรยุทธโดยตรง เพราะองค์กรภาคเอกชนที่ร่วมอยู่ในภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่นได้ส่งหนังสือเวียนไปยังบริษัทต่างๆให้ระงับการซื้อ 'โฆษณา' ในรายการที่มีนายสรยุทธเป็นพิธีกร
     
       โดย เมื่อวันที่ 2 พ.ย.2555 นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ส่งจดหมายเวียน เรื่อง ขอความร่วมมือองค์กรในตลาดหุ้นผนึกกำลัง แก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ถึงกรรมการผู้จัดการของบริษัทจดทะเบียน บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน และสมาคมที่เกี่ยวเนื่องในตลาดทุนทุกแห่งเนื้อหาของจดหมายเวียนดังกล่าวได้อ้างถึงกรณีที่นายสรยุทธและบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดในคดียักยอกเงินโฆษณาจากบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ซึ่งสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติได้ออกแถลงการณ์ว่า แม้พฤติกรรมของผู้ถูกกล่าวหาแม้จะยังไม่มีบทสรุปทางกฎหมาย แต่ในแง่การประกอบวิชาชีพนับว่าไม่เหมาะสม มีการกระทำที่สุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดจรรยาบรรณแล้วทางสำนักงาน ก.ล.ต.จึงขอความร่วมมือให้ท่านพิจารณาอย่างรอบคอบและใช้ความระมัดระวังในการทำธุรกิจกับบุคคลที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายทุจริตคอร์รัปชั่น เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นในประเทศไทย
     
       แต่ดูเหมือนทั้งนายสรยุทธและผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ก็หาได้สนใจต่อกระแสต้านและการเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบต่อวิชาชาชีพสื่อแต่อย่างใด เราๆท่านๆจึงยังคงเห็นนายสรยุทธนั่งเป็นพิธีกรข่าวเบอร์หนึ่งของช่อง 3 มาจนถึงบัดนี้
     
       ส่วนว่าเมื่ออัยการสูงสุดสั่งฟ้องคดีต่อนายสรยุทธตามที่คณะกรรมร่วมระหว่างอัยการสูงสุดและ ป.ป.ช.เสนอแล้ว ฝ่ายผู้บริหารช่อง 3 ซึ่งอยู่ในการดูแลของ 'ตระกูลมาลีนนท์' จะมีท่าทีต่อเรื่องนี้อย่างไร จะยังคงสนับสนุนให้สื่อที่มีพฤติกรรมไร้จรรยาบรรณเช่นนี้เป็นพิธีกรข่าวของทางสถานีต่อไปหรือไม่ ก็คงต้องวัดใจกันอีกที แต่งานนี้ประชาชนคนเสพสื่อคงหวังอะไรไม่ได้มาก เพราะรู้ๆกันอยู่ว่าคำว่า 'ผลประโยชน์' นั้นมันไม่เข้าใครออกใคร

http://www.manager.co.th/AstvWeekend/ViewNews.aspx?NewsID=9570000084496

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.