31 สิงหาคม 2557 (บทความ) ปิดตำนาน 'ฮั้ว'3 จี หลัง ป.ป.ช.ปัดตก// นางสาวสุภา ปิยะจิตติ อดีตรองปลักระทรวงการคลัง ได้ทำหนังสือทักท้วงว่าการประมูล 3 จี อาจจะขัด พ.ร.บ.ฮั้ว ตั้งคำถามว่า ของมี 3 เซต เซตละ 3 สลอต คือ 3 ยูนิต และมีผู้สู้ราคา 3 ราย
ประเด็นหลัก
ไม่เพียงเท่านี้ สุภา ได้ตั้งคำถามว่า ของมี 3 เซต เซตละ 3 สลอต คือ 3 ยูนิต และมีผู้สู้ราคา 3 ราย อย่างนี้เข้านิยามคำว่าประมูลหรือไม่เพราะของพอดีคนจึงไม่มีพฤติกรรมการแข่ง ราคา ในทางเทคนิคเราจึงตั้งข้อสังเกตว่าไม่ถูกและอาจจะผิดกฎหมายว่าด้วยการ "ฮั้ว" นอกจากนี้คลื่นเป็นทรัพยากรที่มีจำกัด ไม่สามารถมีเพิ่มได้หากเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้ประเทศเสียประโยชน์มหาศาล และนั้นจึงเป็นที่มา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง ได้ทำหนังสือถึง ป.ป.ช. เพื่อให้ตรวจสอบการประมูลคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์
______________________________
ปิดตำนาน 'ฮั้ว'3 จี หลัง ป.ป.ช.ปัดตก
ในที่สุดที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติปัดตกข้อกล่าวหา 4 กทค.(คณะกรรมกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) ไล่เลียงตั้งแต่ พ.อ. เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ประธาน กทค. และกรรมการอีก 3 คน คือ นายสุทธิพล ทวีชัยการ, นายประเสริฐ ศีลพิพัฒน์ และ พล.อ. สุกิจ ขมะสุนทร กรรมการกิจการโทรคมนาคม ถูกกล่าวหาว่าออกประกาศหลักเกณฑ์ให้กับกลุ่มทุนสื่อสาร
++พลิกปูมก่อนปิดตำนาน "ฮั้ว" 3จี
ถ้าจำกันได้ ปลายปี 2555 ที่ผ่านมา กสทช.(คณะกรรมการกิจการ กระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคม) ได้เปิดประมูลคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ เพื่อให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3 จี โดยมีการจัดสรรคลื่นความถี่ 9 สลอต ๆ แบ่งเป็นสลอตละ 5 เมกะเฮิรตซ์ รวมทั้งสิ้น 45 เมกะเฮิรตซ์
alt โดยการประมูลครั้งนั้นมีผู้ร่วมประมูลทั้งสิ้น 3 ราย ไล่เลียงตั้งแต่ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด หรือ เอดับบลิวเอ็น , บริษัท ดีแทค เนทเวอร์ค จำกัด และ บริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด
ปรากฏว่าผู้ประมูลทั้ง 3 รายได้ใบอนุญาตทั้ง 3 ใบ ได้คลื่นความถี่ไปรายละ 15 เมกะเฮิรตซ์ มูลค่าคลื่นความถี่ทั้งหมด คือ 41,625 ล้านบาท แบ่งเป็น เอดับบลิวเอ็น ประมูลสูงสุด 14,625 ล้านบาท, ดีแทค เนทเวอร์ค และ เรียลฟิวเจอร์ เสนอราคาเท่ากัน คือ 13,500 ล้านบาท
++อดีตรองปลัดคลังชงป.ป.ช.ตรวจสอบ
ก่อนที่มีการเปิดประมูล 3 จีอย่างเป็นทางการ ปรากฏว่ามีหลายเสียงคัดค้านเพราะจะเกิดการ "ฮั้ว" ราคา เนื่องจากมีผู้ประกวดราคาเพียง 3 รายเท่านั้น เรื่องดังกล่าวร้อนไปถึง นางสาวสุภา ปิยะจิตติ อดีตรองปลักระทรวงการคลัง ได้ทำหนังสือทักท้วงว่าการประมูล 3 จี อาจจะขัด พ.ร.บ.ฮั้ว ได้ทำหนังสือชี้แจงไปยัง กสทช. กรณีการประกวดราคาขัดกับการประมูลแบบอี-ออกชัน เพราะการประมูลต้องมีการเสนอตัวหลายราย และเมื่อคัดเลือกคนที่จะมาทำและต้องเช็กว่ามีการสู้ราคากันจริงหรือไม่
ไม่เพียงเท่านี้ สุภา ได้ตั้งคำถามว่า ของมี 3 เซต เซตละ 3 สลอต คือ 3 ยูนิต และมีผู้สู้ราคา 3 ราย อย่างนี้เข้านิยามคำว่าประมูลหรือไม่เพราะของพอดีคนจึงไม่มีพฤติกรรมการแข่ง ราคา ในทางเทคนิคเราจึงตั้งข้อสังเกตว่าไม่ถูกและอาจจะผิดกฎหมายว่าด้วยการ "ฮั้ว" นอกจากนี้คลื่นเป็นทรัพยากรที่มีจำกัด ไม่สามารถมีเพิ่มได้หากเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้ประเทศเสียประโยชน์มหาศาล และนั้นจึงเป็นที่มา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง ได้ทำหนังสือถึง ป.ป.ช. เพื่อให้ตรวจสอบการประมูลคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์
++อนุฯป.ป.ช.ชี้ 4 กทค.มีความผิด
หลังจากนั้น คณะกรรมการ อนุกรรมการ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิดต่อบอร์ด กทค. จำนวน 4 คนคือ พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ , พล.อ.สุกิจ ขมะสุนทร นายสุทธิพล ทวีชัยการ และนายประเสริฐ ศีลพิพัฒน์ ส่วนบอร์ด กทค. อีกคนหนึ่งคือนายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ไม่ได้ลงนามในมติจัดการประมูล การประมูลครั้งดังกล่าวมีการเอื้อประโยชน์ให้แก่เอกชน จนทำให้รัฐเสียหาย โดยหลังจากนี้จะนำผลชี้มูลความผิดดังกล่าวเข้าที่ประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่ เพื่อรับทราบต่อไป
++ป.ป.ช.ตีตกข้อกล่าวหา
ล่าสุด 19 สิงหาคม 2557 ปรากฏว่า ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติปัดตกข้อกล่าวหา 4 กทค.ฮั้วประมูล 3G โดยนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษก ป.ป.ช.เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติต่อกรณีข้อกล่าวหาคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.)มีพฤติการณ์ทุจริตเกี่ยวกับการประมูลคลื่นความถี่ 3 จีว่า ไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 ราย ได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหา จึงมีมติว่าข้อกล่าวหาไม่มีมูลและให้ข้อกล่าวหาตกไป
ถัดจากนี้เชื่อว่า การประมูลโทรศัพท์เคลื่อนที่ 1800 และ 900 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่ง คสช. มีคำสั่งระบบการประมูลออกไปนั้น อีกไม่นานอาจจะเกิดขึ้น!!!
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=244100:-3---&catid=123:2009-02-08-11-44-33&Itemid=491#.VABvnktAeuw
ไม่เพียงเท่านี้ สุภา ได้ตั้งคำถามว่า ของมี 3 เซต เซตละ 3 สลอต คือ 3 ยูนิต และมีผู้สู้ราคา 3 ราย อย่างนี้เข้านิยามคำว่าประมูลหรือไม่เพราะของพอดีคนจึงไม่มีพฤติกรรมการแข่ง ราคา ในทางเทคนิคเราจึงตั้งข้อสังเกตว่าไม่ถูกและอาจจะผิดกฎหมายว่าด้วยการ "ฮั้ว" นอกจากนี้คลื่นเป็นทรัพยากรที่มีจำกัด ไม่สามารถมีเพิ่มได้หากเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้ประเทศเสียประโยชน์มหาศาล และนั้นจึงเป็นที่มา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง ได้ทำหนังสือถึง ป.ป.ช. เพื่อให้ตรวจสอบการประมูลคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์
______________________________
ปิดตำนาน 'ฮั้ว'3 จี หลัง ป.ป.ช.ปัดตก
ในที่สุดที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติปัดตกข้อกล่าวหา 4 กทค.(คณะกรรมกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) ไล่เลียงตั้งแต่ พ.อ. เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ประธาน กทค. และกรรมการอีก 3 คน คือ นายสุทธิพล ทวีชัยการ, นายประเสริฐ ศีลพิพัฒน์ และ พล.อ. สุกิจ ขมะสุนทร กรรมการกิจการโทรคมนาคม ถูกกล่าวหาว่าออกประกาศหลักเกณฑ์ให้กับกลุ่มทุนสื่อสาร
++พลิกปูมก่อนปิดตำนาน "ฮั้ว" 3จี
ถ้าจำกันได้ ปลายปี 2555 ที่ผ่านมา กสทช.(คณะกรรมการกิจการ กระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคม) ได้เปิดประมูลคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ เพื่อให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3 จี โดยมีการจัดสรรคลื่นความถี่ 9 สลอต ๆ แบ่งเป็นสลอตละ 5 เมกะเฮิรตซ์ รวมทั้งสิ้น 45 เมกะเฮิรตซ์
alt โดยการประมูลครั้งนั้นมีผู้ร่วมประมูลทั้งสิ้น 3 ราย ไล่เลียงตั้งแต่ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด หรือ เอดับบลิวเอ็น , บริษัท ดีแทค เนทเวอร์ค จำกัด และ บริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด
ปรากฏว่าผู้ประมูลทั้ง 3 รายได้ใบอนุญาตทั้ง 3 ใบ ได้คลื่นความถี่ไปรายละ 15 เมกะเฮิรตซ์ มูลค่าคลื่นความถี่ทั้งหมด คือ 41,625 ล้านบาท แบ่งเป็น เอดับบลิวเอ็น ประมูลสูงสุด 14,625 ล้านบาท, ดีแทค เนทเวอร์ค และ เรียลฟิวเจอร์ เสนอราคาเท่ากัน คือ 13,500 ล้านบาท
++อดีตรองปลัดคลังชงป.ป.ช.ตรวจสอบ
ก่อนที่มีการเปิดประมูล 3 จีอย่างเป็นทางการ ปรากฏว่ามีหลายเสียงคัดค้านเพราะจะเกิดการ "ฮั้ว" ราคา เนื่องจากมีผู้ประกวดราคาเพียง 3 รายเท่านั้น เรื่องดังกล่าวร้อนไปถึง นางสาวสุภา ปิยะจิตติ อดีตรองปลักระทรวงการคลัง ได้ทำหนังสือทักท้วงว่าการประมูล 3 จี อาจจะขัด พ.ร.บ.ฮั้ว ได้ทำหนังสือชี้แจงไปยัง กสทช. กรณีการประกวดราคาขัดกับการประมูลแบบอี-ออกชัน เพราะการประมูลต้องมีการเสนอตัวหลายราย และเมื่อคัดเลือกคนที่จะมาทำและต้องเช็กว่ามีการสู้ราคากันจริงหรือไม่
ไม่เพียงเท่านี้ สุภา ได้ตั้งคำถามว่า ของมี 3 เซต เซตละ 3 สลอต คือ 3 ยูนิต และมีผู้สู้ราคา 3 ราย อย่างนี้เข้านิยามคำว่าประมูลหรือไม่เพราะของพอดีคนจึงไม่มีพฤติกรรมการแข่ง ราคา ในทางเทคนิคเราจึงตั้งข้อสังเกตว่าไม่ถูกและอาจจะผิดกฎหมายว่าด้วยการ "ฮั้ว" นอกจากนี้คลื่นเป็นทรัพยากรที่มีจำกัด ไม่สามารถมีเพิ่มได้หากเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้ประเทศเสียประโยชน์มหาศาล และนั้นจึงเป็นที่มา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง ได้ทำหนังสือถึง ป.ป.ช. เพื่อให้ตรวจสอบการประมูลคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์
++อนุฯป.ป.ช.ชี้ 4 กทค.มีความผิด
หลังจากนั้น คณะกรรมการ อนุกรรมการ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิดต่อบอร์ด กทค. จำนวน 4 คนคือ พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ , พล.อ.สุกิจ ขมะสุนทร นายสุทธิพล ทวีชัยการ และนายประเสริฐ ศีลพิพัฒน์ ส่วนบอร์ด กทค. อีกคนหนึ่งคือนายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ไม่ได้ลงนามในมติจัดการประมูล การประมูลครั้งดังกล่าวมีการเอื้อประโยชน์ให้แก่เอกชน จนทำให้รัฐเสียหาย โดยหลังจากนี้จะนำผลชี้มูลความผิดดังกล่าวเข้าที่ประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่ เพื่อรับทราบต่อไป
++ป.ป.ช.ตีตกข้อกล่าวหา
ล่าสุด 19 สิงหาคม 2557 ปรากฏว่า ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติปัดตกข้อกล่าวหา 4 กทค.ฮั้วประมูล 3G โดยนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษก ป.ป.ช.เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติต่อกรณีข้อกล่าวหาคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.)มีพฤติการณ์ทุจริตเกี่ยวกับการประมูลคลื่นความถี่ 3 จีว่า ไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 ราย ได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหา จึงมีมติว่าข้อกล่าวหาไม่มีมูลและให้ข้อกล่าวหาตกไป
ถัดจากนี้เชื่อว่า การประมูลโทรศัพท์เคลื่อนที่ 1800 และ 900 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่ง คสช. มีคำสั่งระบบการประมูลออกไปนั้น อีกไม่นานอาจจะเกิดขึ้น!!!
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=244100:-3---&catid=123:2009-02-08-11-44-33&Itemid=491#.VABvnktAeuw
ไม่มีความคิดเห็น: