Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

05 กันยายน 2557 มีเดีย มอนิเตอร์.เอื้อจิต ระบุ ช่อง 3 เอาผลประโยชน์ทางธุรกิจเป็นที่ตั้ง และ เอาความนิยมของผู้บริโภคไว้เป็นเครื่องมือในการต่อรอง

ประเด็นหลัก


ดร.เอื้อจิต วิโรจน์ไตรรัตน์ ผู้อำนวยการโครงการ มีเดีย มอนิเตอร์ กล่าวว่า จากการวิเคราะห์เห็นว่า ช่อง 3 เอาผลประโยชน์ทางธุรกิจเป็นที่ตั้ง และ เอาความนิยมของผู้บริโภคไว้เป็นเครื่องมือในการต่อรอง ใครที่ไม่เข้าใจความพยายามเปลี่ยนผ่านทีวีดิจิตอลของ กสทช.ก็จะรู้สึกขัดอกขัดใจ นอกจากนี้ช่อง 3 ก็รู้อยู่ก่อนประมูลได้แล้วว่า จะต้องมีการเปลี่ยนผ่านระบบ ดังนั้น ต้องรับกติกาเหมือนกับช่องอื่นๆ จะมาอ้างประกาศฉบับที่ 27 ของ คสช.ไม่ได้ เพราะจุดประสงค์ของ คสช.ต้องการให้ฟรีทีวีกลับมาออกอากาศตามปกติ


______________________________




นักวิชาการชี้ ยื้อจอดำช่อง 3 เป็นเกมธุรกิจ


นักวิชาการยอมรับ กรณีช่อง 3 ไม่ยอมหยุดออกอากาศผ่านทีวีดาวเทียมและเคเบิล ผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่เดือดร้อน แต่จะส่งผลให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบดิจิตอลยากลำบากขึ้น แต่เห็นตรงกันว่าจะอ้างประกาศ คสช.ฉ.27ทำไม่ได้...

ดร.เอื้อจิต วิโรจน์ไตรรัตน์ ผู้อำนวยการโครงการ มีเดีย มอนิเตอร์ กล่าวว่า จากการวิเคราะห์เห็นว่า ช่อง 3 เอาผลประโยชน์ทางธุรกิจเป็นที่ตั้ง และ เอาความนิยมของผู้บริโภคไว้เป็นเครื่องมือในการต่อรอง ใครที่ไม่เข้าใจความพยายามเปลี่ยนผ่านทีวีดิจิตอลของ กสทช.ก็จะรู้สึกขัดอกขัดใจ นอกจากนี้ช่อง 3 ก็รู้อยู่ก่อนประมูลได้แล้วว่า จะต้องมีการเปลี่ยนผ่านระบบ ดังนั้น ต้องรับกติกาเหมือนกับช่องอื่นๆ จะมาอ้างประกาศฉบับที่ 27 ของ คสช.ไม่ได้ เพราะจุดประสงค์ของ คสช.ต้องการให้ฟรีทีวีกลับมาออกอากาศตามปกติ

ด้าน ผศ.ดร.ทัณฑกานต์ ดวงรัตน์ คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ มองว่า ช่อง 3 ต้องการใช้ฐานรายได้จากช่องอะนาล็อก หล่อเลี้ยง 3 ช่องใหม่ในระบบดิจิตอลจนกว่าจะแจ้งเกิดได้ และยังมองว่า จำนวนช่องทีวีดิจิตอลมีมากเกินไป จนอาจทำให้เกิดปัญหาในการหารายได้ของผู้ประกอบการ ขณะในต่างประเทศไม่เกิดปัญหา เนื่องจากมีการวางแผน และใช้ระยะเวลายาวนานกว่าประเทศไทย

ขณะที่ รศ.อรุณีประภา หอมเศรษฐี ประธานสภาวิชาชีพกิจการแพร่ภาพและการกระจายเสียง ระบุว่า กรณีช่อง 3 ถือว่าไม่ผิดจรรยาบรรณทางวิชาชีพ แต่เป็นเรื่องของเกมทางธุรกิจมากกว่า ที่สำคัญผู้บริโภคไม่ได้รับผลกระทบหากช่อง 3 ยังออกอากาศผ่านทีวีดาวเทียม และเคเบิล แต่ถ้าหากย้ายไปอยู่ระบบดิจิตอล ผู้บริโภคก็ต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อที่จะดูช่อง 3 การเปลี่ยนผ่านระบบเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะความไม่ชัดเจนของนโยบาย กสทช. เนื่องจากคณะกรรมการส่วนไม่เข้าใจอุตสาหกรรมสื่ออย่างแท้จริง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากของเอกชนที่ร่วมงานด้วย

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนฝ่าย ก.ม.ของช่อง 3 รับเรื่องที่ได้จากที่ประชุมกับ กสทช.และทีวีดิตอลอีก 24 ช่องไปแล้ว โดยจะนำเรื่องไปให้ฝ่ายบริหารตัดสินใจว่า การออกอากาศคู่ขนานจะทำได้หรือไม่ ส่วนกรอบเวลายังไม่สามารถบอกได้

ขณะที่ นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ กสทช.ระบุผ่านทางทวิตเตอร์ @supinya ว่า ถ้าช่อง 3 ยังมีข้อพิพาทกับ กสทช. ก็ขอให้สู้กับประกาศและมติ กสทช.โดยตรง งานนี้ คสช.ไม่เกี่ยวด้วย ช่อง 3 ก็ไม่ควรอ้างเพราะมันจะทำให้ทุกฝ่ายสับสน ข้อเสนอจากตัวแทนผู้ประกอบการฯ วันนี้ ให้ กสทช.ทำจดหมายยื่นโนติสโครงข่ายดาวเทียม+เคเบิล ระงับช่อง 3 ภายใน...วัน และให้ขึ้นตัววิ่งชี้แจงคนดู

ส่วนตัวเห็นด้วยกับข้อเสนอผู้ประกอบการฯ เรื่องให้โครงข่ายต้องทำความเข้าใจ กับผู้บริโภคก่อนระงับ แต่ก็ไม่ควรเกิน 15 วัน ซึ่งบอร์ด กสท.ต้องพิจารณา จากนี้เมื่อกรรมการอยู่ครบ (วันนี้อยู่กัน3คน) บอร์ด กสท.ก็ต้องพิจารณาวาระนี้ว่าจะสั่งระงับในกี่...วัน และต้องให้ชี้แจงผู้บริโภคอย่างไร ส่วนเรื่องการเจรจาช่อง 3 ในการออกคู่ขนาน วันนี้พอเห็นทางรำไร เพราะทาง อสมท คู่สัมปทานก็ไฟเขียว เหลือการเจรจาต่อเนื่อง ให้ช่อง 3 ส่งเรื่องมา.


http://www.thairath.co.th/content/447762

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.