Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

22 กันยายน 2557 ช่อง3.ประวิทย์ ชี้ ตอนนั้นคิดไว้ว่าหากหมด สัมปทานก็อาจเปลี่ยนสถานะช่อง 3 อนาล็อกเป็นทีวีดาวเทียมหรือเป็นเพย์ทีวี (ทีวีแบบบอกรับสมาชิก) เพื่อคงแบรนด์ช่อง 3 ออริจินอลเอาไว้ ไม่ได้ตั้งใจเอามาออกอากาศคู่ขนานบนช่องดิจิตอลตั้งแต่แรก

ประเด็นหลัก


นายประวิทย์ มาลีนนท์ กรรมการบริหาร บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด เจ้าของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เปิดเผยแผนธุรกิจของช่อง 3 ดิจิตอลว่า ตั้งแต่ก่อนเริ่มต้นประมูลใบอนุญาต ช่อง 3 ตั้งใจมาตลอดว่า จะสร้างช่องดิจิตอลใหม่ขึ้นมาทั้ง 3 ช่อง กำหนดเป้าหมายให้แข่งกับช่อง 3 อนาล็อก ซึ่งตั้งใจว่าจะออกอากาศภายใต้สัมปทานไปจนกว่าจะสิ้นสุดอายุในอีก 6 ปีข้างหน้าในปี 2563 “ผมบอกกับพนักงานว่า ขอให้ช่องดิจิตอลใหม่ที่เราประมูลได้ เป็นคู่แข่งของช่อง 3 อนาล็อก แข่งขันกันทำธุรกิจ สร้างรายการดีๆ และโค่นช่อง 3 อนาล็อกลงให้ได้ โดยแบรนด์ 3 อนาล็อกหรือออริจินอลจะยังคงอยู่ต่อไป ตอนนั้นคิดไว้ว่าหากหมด สัมปทานก็อาจเปลี่ยนสถานะช่อง 3 อนาล็อกเป็นทีวีดาวเทียมหรือเป็นเพย์ทีวี (ทีวีแบบบอกรับสมาชิก) เพื่อคงแบรนด์ช่อง 3 ออริจินอลเอาไว้ ไม่ได้ตั้งใจเอามาออกอากาศคู่ขนานบนช่องดิจิตอลตั้งแต่แรก ขอให้เคารพการตัดสินใจทางธุรกิจของเราด้วย”

นายประวิทย์ กล่าวอีกว่า วิกฤติที่ช่อง 3 กำลังเผชิญอยู่ ทั้งกรณีจอดำและการถูกกล่าวหาจากสังคม ไม่ใช่วิกฤติครั้งแรกที่เขาและพนักงานต้องเผชิญ ช่อง 3 เคยเจอปัญหาหนักๆมาหลายครั้ง ตั้งแต่ผู้ถือหุ้นใหญ่ 51% อย่างเอเชียทรัสต์ล้ม เมื่อปี 2528 รวมทั้งการต่ออายุสัมปทานในทุกครั้ง ซึ่งล้วนมีปัญหาทั้งนั้น แต่ครั้งนี้ยอมรับว่าประเมินสถานการณ์ต่ำไป แต่อยากให้เข้าใจว่าเป็นการยึดตามแผนธุรกิจของบริษัทไม่ได้คิดเป็นอื่น.



______________________________




ดผนึกกำลังโค่น 3 อนาล็อก "ประวิทย์" เผยแผนให้ช่องดิจิตอลแข่งสุดตัว


“ประวิทย์” แจงแผนธุรกิจ ให้ 3 ช่องทีวีดิจิตอลที่ประมูลได้ แข่งกันทำธุรกิจโค่นช่อง 3 อนาล็อก เผยเป็นความตั้งใจทางธุรกิจตั้งแต่แรก โดยฝากความหวังไว้กับช่องเด็กมากที่สุด เพราะเป็นช่องที่วิเศษสุด กลุ่มเป้าหมายชัด แข่งน้อย ตั้งเป้าเทียบเท่าช่องดิสนีย์–ฮอลล์มาร์ก

นายประวิทย์ มาลีนนท์ กรรมการบริหาร บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด เจ้าของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เปิดเผยแผนธุรกิจของช่อง 3 ดิจิตอลว่า ตั้งแต่ก่อนเริ่มต้นประมูลใบอนุญาต ช่อง 3 ตั้งใจมาตลอดว่า จะสร้างช่องดิจิตอลใหม่ขึ้นมาทั้ง 3 ช่อง กำหนดเป้าหมายให้แข่งกับช่อง 3 อนาล็อก ซึ่งตั้งใจว่าจะออกอากาศภายใต้สัมปทานไปจนกว่าจะสิ้นสุดอายุในอีก 6 ปีข้างหน้าในปี 2563 “ผมบอกกับพนักงานว่า ขอให้ช่องดิจิตอลใหม่ที่เราประมูลได้ เป็นคู่แข่งของช่อง 3 อนาล็อก แข่งขันกันทำธุรกิจ สร้างรายการดีๆ และโค่นช่อง 3 อนาล็อกลงให้ได้ โดยแบรนด์ 3 อนาล็อกหรือออริจินอลจะยังคงอยู่ต่อไป ตอนนั้นคิดไว้ว่าหากหมด สัมปทานก็อาจเปลี่ยนสถานะช่อง 3 อนาล็อกเป็นทีวีดาวเทียมหรือเป็นเพย์ทีวี (ทีวีแบบบอกรับสมาชิก) เพื่อคงแบรนด์ช่อง 3 ออริจินอลเอาไว้ ไม่ได้ตั้งใจเอามาออกอากาศคู่ขนานบนช่องดิจิตอลตั้งแต่แรก ขอให้เคารพการตัดสินใจทางธุรกิจของเราด้วย”

นายประวิทย์ กล่าวว่า ช่องดิจิตอลที่เขาฝากความหวังไว้มากที่สุดคือช่องเด็ก โดยจะบอกกับผู้เกี่ยวข้องเสมอว่าช่องเด็กนั้นเป็นช่องที่วิเศษที่สุด มีกลุ่มคนดูที่ชัดเจน ใช้เงินประมูลต่ำ จำนวนผู้แข่งขันน้อยคือมีแค่ 3 ช่องเท่านั้น และเป็นช่องที่เอื้อต่อการคืนกำไรตอบแทนสังคม ด้วยรายการเนื้อหาที่มีคุณภาพสำหรับเด็กและครอบครัว หากทำให้ดีจะประสบความสำเร็จมาก โดยมองช่องดิสนีย์ (Disney) และช่องฮอลล์มาร์ก (Hallmark) เป็นต้นแบบ

ขณะที่ช่อง 3 เอชดี 33 นั้น เป็นช่องที่ออกอากาศด้วยความคมชัดมาตรฐานสูง (เอชดี) จึงตั้งใจจะให้ออกอากาศรายการกีฬาเป็นหลัก เพื่อให้ผู้ชมได้อรรถรสในการรับชมภาพ โดยขณะนี้ ช่อง 3 ได้ทยอยกว้านซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดกีฬาเข้ามาเก็บไว้เยอะมาก ใช้งบไปกว่า 1,000 ล้านบาทแล้ว แพงกว่าการซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกด้วยซ้ำ เรามีแผนงานพร้อม แต่ยังไม่เปิดตัวเต็มที่ เนื่องจากข้อจำกัดหลายอย่าง ทั้งการขยายโครงข่ายที่ยังไม่ทั่วถึง ความล่าช้าในการแจก คูปองแลกกล่องดิจิตอล ทำให้โฆษณายังไม่ตอบรับเท่าที่ควร

ส่วนช่อง 3 เอสดี ออกอากาศด้วยความคมชัดมาตรฐานปกติ (เอสดี) นั้น ตั้งใจจะให้เป็นช่องที่รองรับการทำงานร่วมกับผู้ผลิตหน้าใหม่ ที่เราไม่สามารถร่วมงานกับพวกเขาได้บนช่อง 3 อนาล็อก เนื่องจากมีเวลาจำกัด ขณะนี้โอกาสเหล่านั้นมาถึงแล้ว เราพร้อมร่วมมือกับผู้ผลิตที่มีความหลากหลายมากขึ้น “ขอยืนยันเราไม่ได้ประมูลช่องมาปล่อยทิ้ง เราตั้งใจทำ ใช้เงินลงทุนและรอจังหวะเพื่อให้พร้อมที่สุดมากกว่า ต้องไม่ลืมว่าช่อง 3 เป็นผู้ที่ใช้เงินประมูลช่องในมูลค่าสูงที่สุดในบรรดาผู้เข้าประมูลทั้งหมด ใช้เงินไปกว่า 6,000 ล้านบาท ไม่ได้ประมูลมาเล่นๆแน่ โดยที่ประมูลถึง 3 ช่องก็เป็นความตั้งใจ ไม่ได้คิดว่ามากไปเพราะแต่ละช่องมีเป้าหมายชัดเจน”

นายประวิทย์ กล่าวอีกว่า วิกฤติที่ช่อง 3 กำลังเผชิญอยู่ ทั้งกรณีจอดำและการถูกกล่าวหาจากสังคม ไม่ใช่วิกฤติครั้งแรกที่เขาและพนักงานต้องเผชิญ ช่อง 3 เคยเจอปัญหาหนักๆมาหลายครั้ง ตั้งแต่ผู้ถือหุ้นใหญ่ 51% อย่างเอเชียทรัสต์ล้ม เมื่อปี 2528 รวมทั้งการต่ออายุสัมปทานในทุกครั้ง ซึ่งล้วนมีปัญหาทั้งนั้น แต่ครั้งนี้ยอมรับว่าประเมินสถานการณ์ต่ำไป แต่อยากให้เข้าใจว่าเป็นการยึดตามแผนธุรกิจของบริษัทไม่ได้คิดเป็นอื่น.

http://www.thairath.co.th/content/451810

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.