Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

23 กันยายน 2557 อุ้มระบบเก่าออกคู่ขนาน!! ช่อง 5, ช่อง 7, ช่อง 9, ช่อง 11 และช่อง Thai PBS ลดหย่อนใน 4% จากรายได้ของช่องอนาล็อกคู่ขนานนั้น และ ผู้ประมูลโทรทัศน์ดิจิตอลทุกรายเลื่อนการนำส่งค่าธรรมเนียมใบอนุญาตอีก 1 ปี

ประเด็นหลัก


    อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันช่องอนาล็อกเดิมที่เข้าสู่ระบบคู่ขนานแล้ว ได้แก่ ช่อง 5, ช่อง 7, ช่อง 9, ช่อง 11 และช่องไทยพีบีเอส ส่วนช่อง 3 นั้น เป็นช่องเดียวที่ยังไม่เข้าสู่คู่ขนาน
    ขณะที่นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กล่าวว่า การลดหย่อนใน 4% จากรายได้ของช่องอนาล็อกคู่ขนานนั้น หากช่องอนาล็อกที่เข้าก่อน 10 ต.ค.57 นี้ หรือก่อนแจกคูปองทีวีดิจิตอล จะได้การลดหย่อนแน่นอนอยู่แล้ว แต่ช่องอนาล็อกที่จะออกคู่ขนานหลังจากวันที่ 10 ต.ค.นี้ จะต้องมีการพิจารณาอีกครั้งว่าจะได้รับการลดหย่อนหรือไม่ ซึ่งถ้าอยากได้ลดหย่อนก็ต้องเข้าสู่คู่ขนาน
     
       เมื่อวันที่ 22 ก.ย. เวลา 14.00 น. พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) กล่าวว่า มติที่ประชุมกสท. เห็นชอบในหลักการแนวทางสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านโทรทัศน์จากระบบอนาล็อกไปสู่ระบบดิจิตอล ด้วยการลดหย่อนค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ที่นำระบบอนาล็อกมาออกอากาศคู่ขนานในระบบดิจิตอล ด้วยการยกเว้นการจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทัศน์ ที่ต้องจ่าย 2% และค่าธรรมเนียมรายปีเข้ากองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (USO) 2% โดยที่ผู้ประกอบการต้องดำเนินการออกคู่ขนานก่อนวันที่ 10 ตุลาคม 2557 หลังจากนั้นคณะกรรมการจะพิจารณาตามความเหมาะสมอีกครั้งหนึ่ง
     
       ขณะที่ผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ดิจิตอลก็จะได้รับการลดหย่อนค่าธรรมเนียมรายปีสำหรับการส่งเงินเข้ากองทุน USO โดยไม่ต้องจ่าย 2% เป็นเวลา 5 ปี แต่ยังคงต้องจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทัศน์ ที่ต้องจ่าย 2%
     
       นอกจากนี้ คณะกรรมการยังมีมติให้ผู้ประมูลโทรทัศน์ดิจิตอลทุกรายเลื่อนการนำส่งค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ หรือ เงินประมูลคลื่นความถี่ งวดที่ 2 จำนวน 8,124.20 ล้านบาท ออกไปได้อีก 1 ปี โดยคณะกรรมการต้องทำหนังสือหารือกับกระทรวงการคลังก่อนว่าสามารถทำได้หรือไม่
     
       'แนวทางนี้เป็นเรื่องการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิตอลเท่านั้น ส่วนจะเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาให้ช่อง 3 มาออกคู่ขนานหรือไม่นั้นมันเป็นแค่ส่วนประกอบเท่านั้น'














______________________________




มติกสทช.ลดค่าธรรมเนียม4% อุ้มทีวีดิจิตอล จูงใจช่อง3ออกคู่ขนาน




กสทช.หนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ทีวีดิจิตอล ประกาศยกเว้นผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลไม่ต้องจ่ายเงินเข้ากองทุน USO 2% 5 ปี พร้อมให้เลื่อนการนำส่งค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ หรือ เงินประมูลคลื่นความถี่งวดที่ 2 จำนวน 8,124.20 ล้านบาท ออกไปได้อีก 1 ปี ส่วนกรณีช่อง 3 เรียกเจรจาวันที่ 23 ก.ย.นี้ ตรวจสอบความเป็นเจ้าของเพื่อหาทางออกอากาศคู่ขนาน หลังกสท.มีมติให้งดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตกับค่า USO รวม 4% สำหรับช่องที่ออกอากาศคู่ขนาน ด้านผู้จัดรายการ/ละคร ครวญขาดทุน 40% ฟากเคเบิลเตรียมยื่นอุทรณ์ ฟ้องศาลปกครอง ปล่อยหมัดเด็ด เตรียมเร่ขายเสาอากาศรับอะนาล็อกพ่วง
     
       เมื่อวันที่ 22 ก.ย. เวลา 14.00 น. พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) กล่าวว่า มติที่ประชุมกสท. เห็นชอบในหลักการแนวทางสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านโทรทัศน์จากระบบอนาล็อกไปสู่ระบบดิจิตอล ด้วยการลดหย่อนค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ที่นำระบบอนาล็อกมาออกอากาศคู่ขนานในระบบดิจิตอล ด้วยการยกเว้นการจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทัศน์ ที่ต้องจ่าย 2% และค่าธรรมเนียมรายปีเข้ากองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (USO) 2% โดยที่ผู้ประกอบการต้องดำเนินการออกคู่ขนานก่อนวันที่ 10 ตุลาคม 2557 หลังจากนั้นคณะกรรมการจะพิจารณาตามความเหมาะสมอีกครั้งหนึ่ง
     
       ขณะที่ผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ดิจิตอลก็จะได้รับการลดหย่อนค่าธรรมเนียมรายปีสำหรับการส่งเงินเข้ากองทุน USO โดยไม่ต้องจ่าย 2% เป็นเวลา 5 ปี แต่ยังคงต้องจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทัศน์ ที่ต้องจ่าย 2%
     
       นอกจากนี้ คณะกรรมการยังมีมติให้ผู้ประมูลโทรทัศน์ดิจิตอลทุกรายเลื่อนการนำส่งค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ หรือ เงินประมูลคลื่นความถี่ งวดที่ 2 จำนวน 8,124.20 ล้านบาท ออกไปได้อีก 1 ปี โดยคณะกรรมการต้องทำหนังสือหารือกับกระทรวงการคลังก่อนว่าสามารถทำได้หรือไม่
     
       'แนวทางนี้เป็นเรื่องการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิตอลเท่านั้น ส่วนจะเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาให้ช่อง 3 มาออกคู่ขนานหรือไม่นั้นมันเป็นแค่ส่วนประกอบเท่านั้น'
     
       ด้านนางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกสท.กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้พิจารณาเรื่องที่เครือข่ายภาคประชาชนเฝ้าระวังสื่อ วิทยุและโทรทัศน์ เข้ามายื่นหนังสือให้เพิกถอนสัมปทานและใบอนุญาตของ บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด (ช่อง 3 อนาล็อก) โดยมีมติให้ส่งเรื่องให้อนุกรรมการที่ดูแลสัญญาสัมปทานไปตรวจสอบ ซึ่งในวันที่ 23 ก.ย. เวลา 14.00 น. ช่อง 3 จะมาเข้าพบเพื่อหารือเรื่องทางออกในการออกคู่ขนานรวมถึงต้องตอบคำถามให้ได้ว่าทั้ง 3 บริษัท อันประกอบไปด้วย บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด และบริษัท บีอีซี-มัลติมีเดีย จำกัด มีผู้บริหารที่เป็นเจ้าของเดียวกันสามารถตัดสินใจได้เหมือนกันหรือไม่ หากคำตอบคือใช่ กสท.ก็พร้อมจะสนับสนุนให้ช่อง 3 ออกอากาศคู่ขนานแต่หากคำตอบคือไม่ใช่ โดยบอกว่าเป็นคนละเจ้าของกัน ก็จะกลายเป็นปัญหาในเรื่องของสัญญาสัมปทาน ซึ่งคณะอนุกรรมการที่ดูแลเรื่องสัญญาสัมปทานต้องนำเรื่องนี้ไปพิจารณาใหม่
     
       "เรื่องข้อเสนอในการลดหย่อนค่าธรรมเนียมตอนนี้มีผลเฉพาะกับช่อง 7 และช่อง 9 เท่านั้นไม่ได้หมายถึงช่อง 3 แต่นี่เป็นความพยายามสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิตอลอย่างถึงที่สุดแล้ว ท้ายสุดแล้วถ้าเรื่องช่อง 3 ต้องไปถึงศาล เราก็สามารถนำมติในวันนี้มายืนยันได้ว่าเรามีความพยายามในหน้าที่ที่เรามีอำนาจจะทำได้ ส่วนเรื่องการลดหย่อนดังกล่าว เรายืนยันว่าสามารถทำได้เพราะเป็นเรื่องของการลดรายได้ของกสทช.เองซึ่งเท่ากับว่ารายได้ที่กสท.ควรจะได้ก็ยังไม่ได้ เราก็คงต้องใช้เงินของฝั่งโทรคม ดังนั้นก็คงต้องถามทางฝั่งบอร์ดโทรคมด้วยว่าเห็นด้วยหรือไม่แต่เราเชื่อว่าน่าจะเห็นด้วย"
     
       ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ กรรมการ กสท.กล่าวว่า สำหรับเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมรายปีเข้ากองทุน USO ให้กับผู้ประกอบการโทรทัศน์ดิจิตอลเป็นเวลา 5 ปีนั้น คิดจากเวลาที่คาดว่าการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิตอลจะประสบความสำเร็จซึ่งเป็นช่วงที่สัญญาสัมปทานของอนาล็อก เช่น บริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด จะยุติลงพอดี
     
       ด้านพลโท ดร. พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการ กสท.กล่าวว่า ต้องรอดูวันที่ 23 ก.ย.หลังจากที่ช่อง 3 เข้ามาพบ กสท.จะมีความเห็นอย่างไรจะยอมรับเงื่อนไขหรือว่าจะเสนออะไรมาเพิ่มเติมอีกหรือไม่
     
       ทั้งนี้มติดังกล่าวเป็นการนำเสนอของกรรมการ 3 คนคือ พลโท ดร. พีระพงษ์ มานะกิจ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ และ นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ ซึ่งแม้ว่ามติที่ประชุมมีความเห็นชอบทั้ง 5 คนก็ตาม แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องแถลงข่าวทั้ง 3 คนกลับเป็นผู้แถลงข่าวเอง โดย พลโท ดร. พีระพงษ์ ให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องที่ทั้ง 3 คนนำวาระเข้าที่ประชุมดังนั้นจึงขอแถลงกัน 3 คน ในเวลา 13.30 น.ทั้งที่ในเวลา 14.00 น.พ.อ.นทีต้องออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนอยู่แล้ว
     
       ทว่าก่อนที่จะมีการแถลงข่าวกลับพบว่าห้องประชุมสำหรับการแถลงข่าวไม่ว่าง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องจัดเตรียมสถานที่บริเวณหน้าอาคารหอประชุมชั้น 1 ซึ่งเป็นห้องใต้บันได ทำให้พลโท ดร. พีระพงษ์ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบไล่ผู้ประชุมเดิมที่อยู่ในห้องประชุมออกไปด้านนอกและดำเนินการจัดสถานที่ใหม่ พร้อมกันนั้นยังเร่งให้ นางสาวสุภิญญา ซึ่งอยู่ ที่อาคารเอ็กซิมแบงค์ มาแถลงข่าวพร้อมกัน ทำให้เริ่มแถลงข่าวได้ในเวลา 14.00 น. และเป็นเวลาเดียวกับที่พ.อ.นทีมาถึงห้องประชุม ทำให้กรรมการทั้ง 3 คนถึงกับตกใจเล็กน้อย แต่การดำเนินการแถลงข่าวก็ยังคงดำเนินการต่อไป 4 คน
     
       หลังจากกรรมการทั้ง 3 คน แถลงมติที่ประชุมเสร็จ พ.อ.นทีก็ได้แถลงถึงมติดังกล่าวอีกรอบหนึ่ง โดยได้กล่าวต่อสื่อมวลชนหลังจากแถลงข่าวเสร็จสั้นๆว่า "พวกคุณเข้าใจใช่ไหมว่าผมต้องเจอกับอะไร ความเห็นของกรรมการเป็นเอกฉันท์ แต่กลับไม่สามารถควบคุมกรรมการได้"
     
       ***ผู้จัดรายการคราวญหวั่นจอดำขาดทุน40%
     
       วานนี้ (22 ก.ย.) สมาพันธ์สมาคมดิจิตอล ได้จัดสัมมนาขึ้นในหัวข้อ “ก้าวต่อไป ดิจิตอลทีวีไทย” โดยมีวิทยากรให้ความรู้หลายราย โดยเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาช่อง3อะนาล็อกกำลังเข้าสู่ภาวะจอดำในระบบเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมในช่วงปลายเดือนก.ย.นี้ ซึ่งเนื้อหาภายในงาน จะเป็นการสร้างเข้าใจในปัญหาทีวีดิจิตอลที่กำลังเกิดขึ้น รวมถึงปัญหาว่าทำไมช่อง3อะนาล็อกจึงต้องจอดำ
     
       นายวิบูลย์ ลีรัตนขจร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซิร์ช เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ในฐานะที่เป็นคอนเท้นท์โพไวเดอร์ และมีรายการที่บริหารเวลาอยู่ในช่อง3อะนาล็อก และในช่อง3ดิจิตอล ยอมรับว่า ปัญหาช่อง3อะนาล็อกที่จะจอดำนั้น คนดูบนแพลทฟอร์มเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมจะเดือดร้อนมากสุด ส่วนในแง่ของผู้จัดรายการเองจะเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน ดังนั้นจึงอยากให้ทางกสทช. 1.ขยายเวลาในกรณีจะเกิดจอดำให้ยืดออกไปอีก หรือจนกว่าจะแก้ไขปัญหาได้ 2. มีการเยียวยาให้กับช่อง3 HD หรือช่อง 33 ในกรณีที่รายการจะถูกระงับออกอากาศ หากช่อง3อะนาล็อกต้องออกคู่ขนานกับช่อง3HD เนื่องจากการที่ช่อง3อะนาล็อกและช่อง3HD เป็นคนละนิติบุคคลกัน แต่ละช่องจึงมีแนวทางในการดำเนินธุรกิจวางไว้อยู่แล้ว การที่ช่อง3อะนาล็อกจะต้องออกคู่ขนานกับช่อง3HD จะทำให้รายการต่างๆที่วางไว้ในช่อง3HDจะถูกระงับออกไป
     
       ส่วนปัญหาช่อง3อะนาล็อกที่อาจจะจอดำในสิ้นเดือนก.ย.นี้ เบื้องต้นเป็นไปตามที่นายประวิทย์ มาลีนนท์ กรรมการ ผู้บริหารช่อง3ได้ให้สัมภาษณ์ไปแล้วคือ จะคืนเงินเอเจนซี่ในอัตราส่วน 70% ตามฐานผู้ชมที่หายไป“สำหรับเซิร์ช ปัจจุบันมีรายการที่บริหารเวลาในช่อง3อะนาล็อก อยู่ 1 รายการ คือ รายการ เรื่องเด่นเย็นนี้ เบื้องต้นมีลูกค้ายกเลิกลงโฆษณาไปกว่า 10% ส่วนใหญ่ลงโฆษณาระยะสั้นแบบเดือนต่อเดือน และจากการแก้ปัญหาเบื้องต้นของช่อง3อะนาล็อกที่จะคืนเงินแก่ลูกค้าในสัดส่วน 70% นั้น จะทำให้ต่อรายการต้องอยู่ในภาวะการขาดทุน 30-40% ในการออกอากาศแต่ละครั้ง จากปกติที่ต่อรายการจะมีต้นทุนอยู่ที่ 60% และมีกำไรอยู่ที่ 10-20% จากรายได้รวมทั้งหมด”
     
       ด้านนางอรุโณชา ภาณุพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด ผู้ผลิตรายการและละคร รายหลักทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง3 มากกว่า 20 ปี กล่าวว่าปัจจุบันมีละครที่กำลังเริ่มออกอากาศทางช่อง3 อยู่ 1 เรื่อง คือ ร้ายรักพยัคฆ์กังฟู ที่อยู่ในช่วงปัญหาช่อง3 จอดำ แต่ไม่น่ามีปัญหา เพราะเป็นการรับจ้างผลิต แต่นอกจากนี้ทางบริษัทยังมีรายการและละครที่ออกอากาศทางช่อง3อะนาล็อกอยู่อีก 3 รายการ ในลักษณะเช่าเวลา คือ 1. ละครน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ 2.ซิทคอม รักจัดเต็ม และ3. ละครสัมผัสพิศวง ที่รายได้อาจจะกระทบจากการที่จะต้องคืนเงินแก่เอเจนซี่โฆษณาในอัตรา 70% หรือต้องแบกรับการขาดทุนในอัตราใกล้เคียงที่ 30- 40% ต่อเทปเช่นรายการอื่นๆในที่ออกอากาศทางช่อง3อะนาล็อก
     
       ด้านนายวิชิต เอื้ออารียวรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริษัท บริษัท เจริญ เคเบิลทีวี จำกัด ดำเนินธุรกิจเคเบิลทีวีในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล กล่าวว่า บริษัทเตรียมแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นไว้แล้ว คือ 1. จะมีการยื่นหนังสืออุทรณ์ไป ขอผ่อนผันไปยังกสทช. ถ้าไม่ผ่าน 2.จะฟ้องศาลปกครอง และสุดท้ายคือ 3.จะมีการขายพ่วงเสาอากาศ เพื่อรับชมฟรีทีวีระบบอะนาล็อก ในราคา 500 บาทพร้อมติดตั้ง

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9570000109123&Keyword=%A1%CA%B7

____________________________________


ทีวีดิจิตอลได้เฮ! ลดค่าธรรมเนียม จ่อยืดจ่ายค่างวด
  มติบอร์ด กสท.เอกฉันท์ลดหย่อนค่าธรรมเนียมสำหรับอนาล็อกออกคู่ขนาน ส่วนทีวีดิจิตอลได้ลด 2%  เฉพาะส่วนที่สนับสนุนกองทุนยูโซ พร้อมส่งหนังสือถามกระทรวงคลัง ขอขยายเวลานำจ่ายค่างวดใบอนุญาตประมูลทีวีดิจิตอลรอบ 2 ไปอีก 1 ปีได้หรือไม่ "สุภิญญา" ชี้ช่อง 3  ให้บีอีซีบริหารงานแทนบางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นท์มาตลอด อย่าอ้างคนละนิติบุคคล เตือนอาจผิดสัญญาสัมปทานได้
    เมื่อวันที่ 22 กันยายน มีการประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ซึ่งได้มีมติเห็นชอบในหลักการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านโทรทัศน์จากระบบอนาล็อกไปสู่ระบบดิจิตอล โดยได้ออกเป็นเอกสาร ดังนี้ 1.เห็นชอบกับแนวทางลดหย่อนค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทัศน์ (2%) และค่าธรรมเนียมรายปีเข้ากองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) หรือ ยูโซ (2%) รวมเป็น 4% ให้กับผู้ประกอบการโทรทัศน์ที่ออกอากาศคู่ขนาน และลดหย่อนค่าธรรมเนียมรายปีที่จะต้องเข้ายูโซ 2% ให้กับผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล โดยลดหย่อนเป็นระยะเวลา 5 ปี ทั้งนี้ จะให้คณะอนุกรรมการที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษารายละเอียดเพื่อไม่ให้ขัดกับกฎหมาย
    2.การลดหย่อนค่าธรรมเนียมดังกล่าว สำหรับผู้ประกอบกิจการที่ออกอากาศคู่ขนานก่อนวันที่ 10 ต.ค.57  หลังจากนั้นจะพิจารณาให้ตามสัดส่วนที่เหมาะสม และ 3.จะเสนอให้มีการหารือกับกับกระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณาขยายเวลานำส่งเงินค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ (การประมูลทีวีดิจิตอล) งวดที่ 2 ออกไปอีก 1 ปี สำหรับผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลทุกราย
    ทั้งนี้ แนวทางการสนับสนุนดังกล่าวเสนอโดยกรรมการ  กสท. 3 คน คือ พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ, นายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ และนางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ โดยมีมติเห็นชอบออกมาเป็นเอกฉันท์ 5 เสียง
    ด้าน พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธาน กสท.กล่าวว่า การลดหย่อนดังกล่าวเป็นการสนับสนุนสู่การเปลี่ยนผ่านอนาล็อกไปสู่ดิจิตอล ซึ่งส่วนตัวมองว่า การไปให้ในจำนวนที่เป็นเม็ดเงินนั้นอาจมีปัญหาได้ ซึ่งการไปลดหย่อนตามที่มีมติออกมา  น่าจะเป็นผลดีกับทีวีดิจิตอลทุกช่อง เพราะได้ลดในส่วนของค่าธรรมเนียมรายปีที่จะต้องนำส่งยูโซอยู่แล้ว 2% จากรายได้ทั้งหมด
    แต่สำหรับในส่วนอนาล็อกเดิมที่จะมาออกคู่ขนานนั้น  ซึ่งจะได้ลดทั้ง 2 ส่วน คือค่าธรรมเนียมใบอนุญาต และค่าธรรมเนียมรายปีส่งยูโซนั้น ตนมองว่า การเอาวิธีนี้มาผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนผ่าน เพื่อให้ช่อง 3 อนาล็อกมาออกคู่ขนาน จะเป็นการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมกับช่องอื่น ถ้าจะลดหย่อนแบบนั้นก็ควรทำเหมือนกันทั้งหมดทุกช่อง
    อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันช่องอนาล็อกเดิมที่เข้าสู่ระบบคู่ขนานแล้ว ได้แก่ ช่อง 5, ช่อง 7, ช่อง 9, ช่อง 11 และช่องไทยพีบีเอส ส่วนช่อง 3 นั้น เป็นช่องเดียวที่ยังไม่เข้าสู่คู่ขนาน
    ขณะที่นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กล่าวว่า การลดหย่อนใน 4% จากรายได้ของช่องอนาล็อกคู่ขนานนั้น หากช่องอนาล็อกที่เข้าก่อน 10 ต.ค.57 นี้ หรือก่อนแจกคูปองทีวีดิจิตอล จะได้การลดหย่อนแน่นอนอยู่แล้ว แต่ช่องอนาล็อกที่จะออกคู่ขนานหลังจากวันที่ 10 ต.ค.นี้ จะต้องมีการพิจารณาอีกครั้งว่าจะได้รับการลดหย่อนหรือไม่ ซึ่งถ้าอยากได้ลดหย่อนก็ต้องเข้าสู่คู่ขนาน
    ส่วนกรณีการขยายระยะเวลาจ่ายค่างวดครั้งที่ 2  จำนวน 8,124.20 ล้านบาท ของใบอนุญาตการประมูลทีวีดิจิตอลนั้น จะต้องทำเรื่องไปถามกระทรวงการคลังก่อนว่า  สามารถเลื่อนเวลาจ่ายออกไปอีก 1 ปีได้หรือไม่
    นอกจากนี้ นางสาวสุภิญญากล่าวว่า กรณีที่มีการร้องเรียนให้ตรวจสอบสัญญาสัมปทานของช่อง 3 ซึ่งทำสัญญาในนามบริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด กับผู้ให้สัมปทานบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยช่อง 3 ให้บริษัท บีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการมาโดยตลอดนั้น เป็นการผิดสัญญาสัมปทานหรือไม่ โดยตนมองว่า จะต้องกลับไปถามช่อง 3 ว่า การดำเนินงานลักษณะนี้ทำได้หรือไม่ เนื่องจากเมื่อดูจากรายชื่อผู้ถือหุ้นแล้ว การบริหารงานเป็นสิ่งที่สามารถทำแทนกันได้ เพราะเป็นผู้บริหารกลุ่มเดียวกัน เช่นเดียวกับบริษัท บีอีซี-มัลติมีเดีย จำกัด ที่เป็นผู้ประมูลใบอนุญาตช่องทีวีดิจิตอล
    "ดังนั้น จึงเกิดคำถามว่าการนำเอาเหตุผลของนิติบุคคลที่ต่างกัน มาเป็นข้อเรียกร้องว่าไม่สามารถออกอากาศคู่ขนานได้นั้น ช่อง 3 จะต้องกลับไปถามกันเองก่อนว่า ที่ผ่านมาก็ให้บริษัทอื่นในเครือดำเนินการแทนมาตลอด ครั้งนี้การเอาอนาล็อกมาออกคู่ขนานบนดิจิตอล ก็ต้องให้ผู้บริหารของแต่ละนิติบุคคลคุยกันว่าจะยอมทำแบบเดิมได้อีกหรือไม่  เพราะอย่างไรแล้วช่อง 3 ก็มีกลุ่มผู้บริหารเดียวกัน"
    เธอบอกว่า มีความเป็นไปได้หากช่อง 3 ยังคงอ้างหลักการนี้ อาจต้องตรวจสอบไปถึงว่าที่ผ่านมาช่อง 3 ทำผิดสัญญาสัมปทานหรือไม่ เพราะไม่ได้บริหารงานเอง
    วันเดียวกัน นายวิชิต เอื้ออารีวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจริญยิ่ง (8888) ผู้ดำเนินธุรกิจเจริญเคเบิล เปิดเผยว่า  การเกิดของทีวีดิจิตอลในประเทศไทย เพราะทาง กสทช. มองว่า การออกอากาศแบบอนาล็อกไม่มีประสิทธิภาพ แต่ช่วงที่ผ่านมาก็เกิดปัญหาในความไม่ชัดเจนอยู่มากมาย ขณะเดียวกันยังดูเหมือนว่า กสทช.พยายามที่จะสนับสนุนให้ประชาชนรับชมโทรทัศน์ในแบบทีวีดิจิตอล ด้วยการแจกคูปองทีวีดิจิตอล 690 บาท แต่ในความเป็นจริงแล้ว การบริหารงานของ กสทช.ควรจะให้ผู้ประกอบการแข่งขันกันอย่างเสรี มากกว่าที่จะเลือกไปสนับสนุนระบบใดระบบหนึ่ง  เพราะความจริงแล้ว กสทช.มีหน้าที่กำกับดูแลและคอยสนับสนุนทุกฝ่าย ไม่ใช่ระบบหรือโครงข่ายใดโครงข่ายหนึ่งเท่านั้น  ควรจะสนับให้แข่งขันกันอย่างยุติธรรมมากกว่า
    สำหรับกรณีการถอดช่อง 3 ออกจากเคเบิลทีวีนั้น ในขณะนี้ได้มีจดหมายมาถึงบริษัทเมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา ให้ดำเนินการนำช่อง 3 ออกจากการเผยแพร่ภายใน 15 วัน หากไม่ดำเนินการก็จะทำการปรับวันละ 20,000 บาท พร้อมกับยึดใบอนุญาต ในส่วนของบริษัทก็คงจะดำเนินการตามระยะเวลากำหนดมา รวมถึงอาจมีการอุทธรณ์หรือฟ้องเพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดูช่อง 3 ได้อีกครั้ง หรืออีกส่วนหนึ่งอาจมีการจำหน่ายเสาให้กับผู้บริโภคในการรับชม
    นายวิบูลย์ ลีรัตนขจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซิร์ช เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า การที่ช่อง 3 ไม่สามารถจดทะเบียนประกอบกิจการทีวีแบบบอกรับสมาชิกได้นั้น เนื่องจากว่ายังมีสัญญาที่คุ้มครองการดำเนินธุรกิจในลักษณะของฟรีทีวีอยู่ไปจนถึงปี 2563 ประกอบกับได้มีการวางแผนของการดำเนินธุรกิจให้กับช่อง 33 ไว้แต่เดิมอยู่แล้ว  คณะนิติบุคคลก็ไม่ใช่ทีมเดียวกัน และตั้งใจว่าจะไม่เอาไปออกระบบคู่ขนานตั้งแต่แรกอยู่แล้ว โดยทางช่อง 3 มีความแตกต่างในการดำเนินธุรกิจไปจากช่อง 7 แต่ความจริงแล้วทั้งสองช่องก็ไม่ได้มีกฎเกณฑ์ว่าต้องออกอากาศคู่ขนาน ภายหลังจากที่ประมูลทีวีดิจิตอลได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ช่อง 3 ก็เคยได้สอบถามไปแล้วถึงการออกอากาศแบบคู่ขนาน ก็ได้รับคำตอบว่าไม่สามารถดำเนินการได้ แต่ในตอนนี้คำตอบกลับกลายเป็นว่าต้องออกอากาศแบบคู่ขนาน.

http://www.thaipost.net/news/230914/96575

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.