25 กันยายน 2557 RS.สุรชัย ระบุ ผันตัวเองมุ่งสู่การเป็นมีเดีย คอนเทนต์ (Media Content) คือ เป็นเจ้าของสื่อที่มีสถานีโทรทัศน์มากถึง 5 ช่อง และบริหารวิทยุ 3 คลื่น แต่จะนำจุดแข็งของธุรกิจเพลง ซึ่งเป็นธุรกิจดั้งเดิมที่บริษัทฯ ถนัดมาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจสื่อ
ประเด็นหลัก
ทั้งนี้ ปัจจุบันแม้บริษัทฯ จะผันตัวเองมุ่งสู่การเป็นมีเดีย คอนเทนต์ (Media Content) คือ เป็นเจ้าของสื่อที่มีสถานีโทรทัศน์มากถึง 5 ช่อง และบริหารวิทยุ 3 คลื่น แต่จะนำจุดแข็งของธุรกิจเพลง ซึ่งเป็นธุรกิจดั้งเดิมที่บริษัทฯ ถนัดมาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจสื่อ ซึ่งทุกวันนี้สื่อที่อาร์เอสฯ มีอยู่ในมือล้วนครองอันดับ 1 ในแต่ละเซกเมนต์อยู่แล้ว ดังนั้น หลังจากซีเนอร์จี้กัน จะยิ่งเห็นภาพทั้งธุรกิจเพลงและธุรกิจสื่อแข็งแกร่งชัดเจนขึ้น และจะเริ่มเห็นความสำเร็จตั้งแต่ต้นปี 2558 เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ เขย่าวงการเพลงเป็นรายแรกของประเทศไทย ตั้งเป้าการปรับแผนใหม่ครั้งนี้ จะช่วยดันเม็ดเงินทั้งธุรกิจสื่อและธุรกิจเพลงเติบโตแข็งแกร่งขึ้น.
______________________________
อาร์เอสวิ่งสู้ฟัดปรับธุรกิจเพลง เปลี่ยนวิธีปั๊มเงินใหม่ดันยอด!
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้อาร์เอสฯ พร้อมปฏิวัติธุรกิจเพลงครั้งใหญ่ โดยแต่งตั้งนายศุภชัย นิลวรรณ ดำรงตำแหน่งเป็นรองกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส-กลุ่มธุรกิจเพลง บริหารจัดการภาพรวมธุรกิจเพลงทั้งหมดของบริษัทฯ พร้อมรุกเปิดโมเดลใหม่เปลี่ยนวิธีปั๊มเม็ดเงิน จากการปั้นศิลปินนักร้อง-เพลง ให้เป็นคอนเทนต์ ต้นน้ำ ต่อยอดขายเวลาโฆษณาให้ธุรกิจสื่อแต่ละช่องในเครือฯมากขึ้น
“ทุกวันนี้คนไม่ได้ฟังเพลงน้อยลง แต่ฟังมากขึ้นด้วยซ้ำ ดังนั้นผู้ประกอบการธุรกิจเพลง จึงต้องปรับตัวไปพร้อมๆ กับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค เพื่อก้าวเข้าสู่โครงสร้างในการหารายได้จากธุรกิจเพลงรูปแบบใหม่ๆ มากขึ้น ถึงจะอยู่รอด ซึ่งในส่วนของอาร์เอสฯ ยังมองธุรกิจเพลง เป็นการลงทุนที่สำคัญและเป็นต้นทางของธุรกิจอื่นๆ จึงต้องปรับโครงสร้างในการหารายได้จากธุรกิจเพลงใหม่ ด้วยการซีเนอจี้ (Synergy) เข้ากับธุรกิจต่างๆ ในเครือ เพื่อให้เกิดโอกาสใหม่และเกิดประโยชน์หรือรายได้สูงสุด”
ทั้งนี้ ปัจจุบันแม้บริษัทฯ จะผันตัวเองมุ่งสู่การเป็นมีเดีย คอนเทนต์ (Media Content) คือ เป็นเจ้าของสื่อที่มีสถานีโทรทัศน์มากถึง 5 ช่อง และบริหารวิทยุ 3 คลื่น แต่จะนำจุดแข็งของธุรกิจเพลง ซึ่งเป็นธุรกิจดั้งเดิมที่บริษัทฯ ถนัดมาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจสื่อ ซึ่งทุกวันนี้สื่อที่อาร์เอสฯ มีอยู่ในมือล้วนครองอันดับ 1 ในแต่ละเซกเมนต์อยู่แล้ว ดังนั้น หลังจากซีเนอร์จี้กัน จะยิ่งเห็นภาพทั้งธุรกิจเพลงและธุรกิจสื่อแข็งแกร่งชัดเจนขึ้น และจะเริ่มเห็นความสำเร็จตั้งแต่ต้นปี 2558 เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ เขย่าวงการเพลงเป็นรายแรกของประเทศไทย ตั้งเป้าการปรับแผนใหม่ครั้งนี้ จะช่วยดันเม็ดเงินทั้งธุรกิจสื่อและธุรกิจเพลงเติบโตแข็งแกร่งขึ้น.
http://www.thairath.co.th/content/452572
ทั้งนี้ ปัจจุบันแม้บริษัทฯ จะผันตัวเองมุ่งสู่การเป็นมีเดีย คอนเทนต์ (Media Content) คือ เป็นเจ้าของสื่อที่มีสถานีโทรทัศน์มากถึง 5 ช่อง และบริหารวิทยุ 3 คลื่น แต่จะนำจุดแข็งของธุรกิจเพลง ซึ่งเป็นธุรกิจดั้งเดิมที่บริษัทฯ ถนัดมาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจสื่อ ซึ่งทุกวันนี้สื่อที่อาร์เอสฯ มีอยู่ในมือล้วนครองอันดับ 1 ในแต่ละเซกเมนต์อยู่แล้ว ดังนั้น หลังจากซีเนอร์จี้กัน จะยิ่งเห็นภาพทั้งธุรกิจเพลงและธุรกิจสื่อแข็งแกร่งชัดเจนขึ้น และจะเริ่มเห็นความสำเร็จตั้งแต่ต้นปี 2558 เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ เขย่าวงการเพลงเป็นรายแรกของประเทศไทย ตั้งเป้าการปรับแผนใหม่ครั้งนี้ จะช่วยดันเม็ดเงินทั้งธุรกิจสื่อและธุรกิจเพลงเติบโตแข็งแกร่งขึ้น.
______________________________
อาร์เอสวิ่งสู้ฟัดปรับธุรกิจเพลง เปลี่ยนวิธีปั๊มเงินใหม่ดันยอด!
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้อาร์เอสฯ พร้อมปฏิวัติธุรกิจเพลงครั้งใหญ่ โดยแต่งตั้งนายศุภชัย นิลวรรณ ดำรงตำแหน่งเป็นรองกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส-กลุ่มธุรกิจเพลง บริหารจัดการภาพรวมธุรกิจเพลงทั้งหมดของบริษัทฯ พร้อมรุกเปิดโมเดลใหม่เปลี่ยนวิธีปั๊มเม็ดเงิน จากการปั้นศิลปินนักร้อง-เพลง ให้เป็นคอนเทนต์ ต้นน้ำ ต่อยอดขายเวลาโฆษณาให้ธุรกิจสื่อแต่ละช่องในเครือฯมากขึ้น
“ทุกวันนี้คนไม่ได้ฟังเพลงน้อยลง แต่ฟังมากขึ้นด้วยซ้ำ ดังนั้นผู้ประกอบการธุรกิจเพลง จึงต้องปรับตัวไปพร้อมๆ กับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค เพื่อก้าวเข้าสู่โครงสร้างในการหารายได้จากธุรกิจเพลงรูปแบบใหม่ๆ มากขึ้น ถึงจะอยู่รอด ซึ่งในส่วนของอาร์เอสฯ ยังมองธุรกิจเพลง เป็นการลงทุนที่สำคัญและเป็นต้นทางของธุรกิจอื่นๆ จึงต้องปรับโครงสร้างในการหารายได้จากธุรกิจเพลงใหม่ ด้วยการซีเนอจี้ (Synergy) เข้ากับธุรกิจต่างๆ ในเครือ เพื่อให้เกิดโอกาสใหม่และเกิดประโยชน์หรือรายได้สูงสุด”
ทั้งนี้ ปัจจุบันแม้บริษัทฯ จะผันตัวเองมุ่งสู่การเป็นมีเดีย คอนเทนต์ (Media Content) คือ เป็นเจ้าของสื่อที่มีสถานีโทรทัศน์มากถึง 5 ช่อง และบริหารวิทยุ 3 คลื่น แต่จะนำจุดแข็งของธุรกิจเพลง ซึ่งเป็นธุรกิจดั้งเดิมที่บริษัทฯ ถนัดมาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจสื่อ ซึ่งทุกวันนี้สื่อที่อาร์เอสฯ มีอยู่ในมือล้วนครองอันดับ 1 ในแต่ละเซกเมนต์อยู่แล้ว ดังนั้น หลังจากซีเนอร์จี้กัน จะยิ่งเห็นภาพทั้งธุรกิจเพลงและธุรกิจสื่อแข็งแกร่งชัดเจนขึ้น และจะเริ่มเห็นความสำเร็จตั้งแต่ต้นปี 2558 เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ เขย่าวงการเพลงเป็นรายแรกของประเทศไทย ตั้งเป้าการปรับแผนใหม่ครั้งนี้ จะช่วยดันเม็ดเงินทั้งธุรกิจสื่อและธุรกิจเพลงเติบโตแข็งแกร่งขึ้น.
http://www.thairath.co.th/content/452572
ไม่มีความคิดเห็น: