Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

29 กันยายน 2557 TNS ระบุ คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป 1,289 คน พบว่าผู้ใช้เฟซบุ๊กในไทย 45% ใช้เฟซบุ๊กค้นหาข้อมูลสินค้าและบริการ และ 52% เคยได้รับข้อมูลสินค้าจากเฟซบุ๊ก

ประเด็นหลัก


45% ใช้เฟซบุ๊กค้นข้อมูลสินค้า

"แอร์โรว์ กัว" หัวหน้ากลุ่มธุรกิจ SMBs กลุ่มประเทศจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ "เฟซบุ๊ก" กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ใช้งานเฟซบุ๊กในไทยอยู่ที่ 27 ล้านราย ใช้งานเฉลี่ย 2 ชั่วโมง 45 นาที/คน/วัน โดย 90%

ใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือ ผลวิจัยเชิงลึกของ TNS จากกลุ่มตัวอย่างคนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป 1,289 คน พบว่าผู้ใช้เฟซบุ๊กในไทย 45% ใช้เฟซบุ๊กค้นหาข้อมูลสินค้าและบริการ และ 52% เคยได้รับข้อมูลสินค้าจากเฟซบุ๊ก และเคยซื้อเสื้อผ้าราคาแพงหลังได้รับคำแนะนำหรือข้อมูลผ่านเฟซบุ๊ก 51% ซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และ 32% มีการซื้อสินค้าอิเล็กทรอนิกส์

"ข้อมูลนี้ทำให้เห็นว่า บนเฟซบุ๊กเต็มไปด้วยโอกาสสำหรับผู้อยากเริ่มธุรกิจ สร้างเพจของตนเองซื้อโฆษณาเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เพราะคนไทยชอบมีปฏิสัมพันธ์บนเฟซบุ๊กอย่างมาก รวมทั้งชื่นชอบที่ได้ค้นสิ่งใหม่ ๆ เป็นครั้งแรกบนเฟซบุ๊ก เช่น ภาพยนตร์ และสินค้าต่าง ๆ"

นอกจากนี้ สิ่งที่เห็นบน "เฟซบุ๊ก" ยังมีอิทธิพลต่อการเลือกซื้อสินค้าเป็นอย่างมากด้วย มีการค้นหาคำแนะนำจากเพื่อนหรือคนรู้จักที่ไว้ใจ และศึกษาข้อมูลสินค้าบนเพจของแบรนด์เมื่อต้องการค้นหาสินค้าใหม่ ๆ หรือเพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อ ข้อมูลเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีที่อาจไม่มีกำลังในการโฆษณาผ่านสื่อกระแสหลัก


______________________________




เข้าถึงโฆษณาผ่าน "เฟซบุ๊ก" เปลี่ยนยอด "Like" เป็นยอดขาย


ต้องยอมรับว่า ชีวิตประจำวันเกือบทุกคนผูกติดอยู่กับโซเชียลเน็ตเวิร์ก และ "เฟซบุ๊ก" เป็นหนึ่งในโซเชียลเน็ตเวิร์กรายหลัก ที่ผู้คนแวะเวียนเข้าไปใช้บริการเป็นอันดับต้น ๆ นอกจากจะเป็นช่องทางแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แชร์ข้อมูล เดี๋ยวนี้มีโฆษณามากมายแทรกให้เห็น ทั้งบริเวณข้าง ๆ ไทม์ไลน์ และบนไทม์ไลน์เอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ "เฟซบุ๊ก" ที่ให้ห้างร้าน บริษัท เจ้าของธุรกิจสามารถซื้อพื้นที่เพื่อโฆษณาสินค้าได้ แน่นอนบางคนอาจรู้สึกรำคาญหรือไม่ชอบ แต่ผลการสำรวจกลับออกมาตรงกันข้ามว่า โฆษณาบนเฟซบุ๊กเป็นแหล่งข้อมูลใหม่ ๆ ที่คนใช้นิยมชมชอบ

45% ใช้เฟซบุ๊กค้นข้อมูลสินค้า

"แอร์โรว์ กัว" หัวหน้ากลุ่มธุรกิจ SMBs กลุ่มประเทศจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ "เฟซบุ๊ก" กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ใช้งานเฟซบุ๊กในไทยอยู่ที่ 27 ล้านราย ใช้งานเฉลี่ย 2 ชั่วโมง 45 นาที/คน/วัน โดย 90%

ใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือ ผลวิจัยเชิงลึกของ TNS จากกลุ่มตัวอย่างคนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป 1,289 คน พบว่าผู้ใช้เฟซบุ๊กในไทย 45% ใช้เฟซบุ๊กค้นหาข้อมูลสินค้าและบริการ และ 52% เคยได้รับข้อมูลสินค้าจากเฟซบุ๊ก และเคยซื้อเสื้อผ้าราคาแพงหลังได้รับคำแนะนำหรือข้อมูลผ่านเฟซบุ๊ก 51% ซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และ 32% มีการซื้อสินค้าอิเล็กทรอนิกส์

"ข้อมูลนี้ทำให้เห็นว่า บนเฟซบุ๊กเต็มไปด้วยโอกาสสำหรับผู้อยากเริ่มธุรกิจ สร้างเพจของตนเองซื้อโฆษณาเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เพราะคนไทยชอบมีปฏิสัมพันธ์บนเฟซบุ๊กอย่างมาก รวมทั้งชื่นชอบที่ได้ค้นสิ่งใหม่ ๆ เป็นครั้งแรกบนเฟซบุ๊ก เช่น ภาพยนตร์ และสินค้าต่าง ๆ"

นอกจากนี้ สิ่งที่เห็นบน "เฟซบุ๊ก" ยังมีอิทธิพลต่อการเลือกซื้อสินค้าเป็นอย่างมากด้วย มีการค้นหาคำแนะนำจากเพื่อนหรือคนรู้จักที่ไว้ใจ และศึกษาข้อมูลสินค้าบนเพจของแบรนด์เมื่อต้องการค้นหาสินค้าใหม่ ๆ หรือเพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อ ข้อมูลเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีที่อาจไม่มีกำลังในการโฆษณาผ่านสื่อกระแสหลัก


ยอดโฆษณาพุ่งพรวด

ผู้บริหาร "เฟซบุ๊ก" ระบุว่า ทั่วโลกมีเพจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอยู่ราว 30 ล้านเพจ ส่วนโฆษณามีอยู่ราว 1.5 ล้านโฆษณา เพิ่มจาก 2 ไตรมาสก่อนที่มีเพียง 1 ล้านชิ้นเท่านั้น แสดงถึงความนิยมในโฆษณาบนเฟซบุ๊กที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่ "เฟซบุ๊ก" ในอเมริกากำลังมีการทดสอบปุ่ม "Buy Button" ให้ซื้อของผ่านไทม์ไลน์เฟซบุ๊กได้ทันที ซึ่งถ้ามีการใช้จริงทั่วโลกจะส่งผลดีต่อผู้ขายบนเฟซบุ๊ก

การเริ่มโฆษณาผ่านเฟซบุ๊กทำได้ง่ายๆ แค่เข้าไปที่ http://www.facebook.com/help เลือกแถบโฆษณาบนเฟซบุ๊ก แถบเริ่มต้นการใช้งานโฆษณา และแถบสร้างโฆษณา เมื่อถึงหน้าแถบของการสร้างผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าโปรโมตเพจที่มีอยู่แล้ว หรือจะเป็นเว็บไซต์/แอปพลิเคชั่นอื่นก็ได้

หลังจากนั้นก็เลือกพื้นที่ที่จะให้โฆษณาไปอยู่ เช่น ในไทม์ไลน์ หรือแถบข้าง ๆ หรือเป็นโฆษณาแทรกเมื่อเปิด "เฟซบุ๊ก" จากโทรศัพท์มือถือ ก่อนมาสู่ขั้นตอนการ "เลือก" กลุ่มคนที่จะให้เห็นโฆษณา โดยเลือกเพศ อายุ สถานที่อยู่ รวมไปถึงความชื่นชอบที่เขามี เช่น กีฬา, ภาพยนตร์

สุดท้ายคือกำหนดวงเงินสำหรับโฆษณาตามงบฯที่มีขั้นต่ำอยู่ที่ 2 เหรียญสหรัฐ/วัน และจ่ายค่าโฆษณาผ่านการผูกบัญชีกับบัตรเครดิต "พอล ศรีวรกุล" ซีอีโอบริษัท aCommerce ผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซกล่าวว่าเฟซบุ๊กช่วยให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซเข้าถึง กลุ่มลูกค้าง่ายขึ้น ต่างจากเดิมที่ต้องสร้างเว็บไซต์ให้คนเข้ามาค้นหาหรือเข้าไปดูเอง และนอกจากเป็นเครื่องมือให้ลูกค้ารู้จักแบรนด์แล้วยังเป็นช่องทางสื่อสารกับ ลูกค้าได้อีกด้วย



เครื่องมือเข้าถึงกลุ่มลูกค้า

"กลุ่มการท่องเที่ยว สินค้าแฟชั่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และไลฟ์สไตล์ เป็นหมวดที่นิยมซื้อขายกันบนโลกออนไลน์มากที่สุด บริษัทเองใช้เงินโฆษณาบนเฟซบุ๊กให้ลูกค้าที่เป็นธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เฉลี่ยแล้วเดือนละ 10 ล้านบาท จากลูกค้าราว 50 ราย ซึ่งนอกจากจะเข้าถึงผู้ซื้อคนไทยแล้ว ยังทาร์เก็ตโฆษณาไปถึงผู้ซื้อต่างประเทศได้ด้วย"

"วีรธิป ธนาพิสิทธิกุล" ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Pomelo แบรนด์เสื้อผ้าสตรีแนวเกาหลีกล่าวว่า เราขายผ่านออนไลน์ไม่มีหน้าร้าน ตอนเริ่มธุรกิจสิ่งสำคัญคือการสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า ซึ่งแพลตฟอร์ม "แฟนเพจ" บนเฟซบุ๊กสามารถทำให้คนรู้จักร้านได้ในระดับหนึ่ง เมื่อมียอดไลก์มากขึ้น


เปลี่ยนยอด "ไลก์" เป็นยอดซื้อ

Pomelo ใช้งบการตลาดกว่า 75% กับโฆษณาของเฟซบุ๊ก ข้อดีคือ เราเลือกกลุ่มเป้าหมายของโฆษณาได้ เช่น ถ้ามีสินค้าที่เหมาะกับเชิ้ตสีขาวก็ระบุได้ว่าให้โฆษณาไปถึงกลุ่มที่กดไลก์ เสื้อเชิ้ตสีขาวได้ ซึ่งการวางโฆษณาแบบนี้ช่วยเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น 3-4 เท่า1 ปีหลังเปิดเพจ Pomelo มี 190,000 ไลก์ และกำลังขยายธุรกิจไปจับกลุ่มลูกค้าสิงคโปร์ ถือเป็นธุรกิจหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการใช้เฟซบุ๊ก

"สิ่งสำคัญของ ผู้ที่ทำธุรกิจผ่านเฟซบุ๊ก คือ ต้องทำให้ยอดไลก์นั้นกลายมาเป็นยอดซื้อให้ได้ ถ้ามียอดไลก์แต่ไม่มียอดซื้อถือว่าไม่บรรลุเป้าหมาย การเปลี่ยนยอดไลก์มาเป็นยอดซื้อได้จึงจะเรียกว่าประสบความสำเร็จในการใช้ เฟซบุ๊กช่วยธุรกิจ"

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1411641782

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.