07 ตุลาคม 2557 เลขาธิการ กสทช.ฐากร ระบุ วิกฤต กสทช. คือ 1.การแบ่งแยกอำนาจกับรัฐบาล 2.พรบ.กสทช.กับการใช้ กม.ลูก กทค.และกสท. หละหลวมมากๆ
ประเด็นหลัก
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวภายหลังงานปาฐกถาพิเศษเปิดใจเลขาธิการ กสทช. "แนวทางฝ่าวิกฤตองค์กร" ว่า วิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้นในองค์กรมีหลายปัจจัย และจะแบ่งวิกฤตเป็น 3 ระดับ
"1.วิกฤตด้านกฎหมาย ที่ยอมรับว่าหละหลวมมากๆ สำหรับพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (พ.ร.บ.กสทช.) ปี 2553 2.วิกฤตการทำงานในกสทช. ซึ่งเป็นวิกฤตใหญ่ที่จะนำไปสู่การปฏิรูป และ 3.วิกฤตการแบ่งแยกอำนาจการทำงานระหว่างรัฐบาล และกสทช. ที่คาบเกี่ยวระหว่างกัน"
แม้ว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 ระบุให้ กสทช.เป็นองค์กรเดียวกันที่ดูแลทั้ง 2 กิจการ คือ กิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม จะถูกยกเลิกไปแล้ว ขณะที่พ.ร.บ.กสทช.ยังอยู่ แต่ในทางปฏิบัติจริงได้นำกฎหมายลูกมาใช้ ทำให้การทำงานแบ่งเป็น 3 องค์กร ได้แก่ สำนักงานกสทช.ที่ขึ้นกับประธานกสทช., คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) และคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ส่งผลให้ตอนนี้นำไปสู่การปฏิบัติงานที่มีปัญหา เช่น กรณีปัญหาช่อง 3
______________________________
โวย "กฎหมายคุมสื่อสาร" พันกันนัว-ติดขัดไปหมด เลขา กสทช.จี้รัฐแก้อำนาจซ้ำซ้อน
"ฐากร ตัณฑสิทธิ์" เลขาธิการ กสทช. ซัดเปรี้ยงกฎหมายซ้ำซ้อนทำให้ กสทช.เกิดความวุ่นวาย ชี้สารพัดกฎหมายลูกขัดแย้งกับอำนาจ กสทช.จนทำอะไรไม่สะดวก วอนผู้เกี่ยวข้องเร่งแก้
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวภายหลังงานปาฐกถาพิเศษเปิดใจเลขาธิการ กสทช. "แนวทางฝ่าวิกฤตองค์กร" ว่า วิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้นในองค์กรมีหลายปัจจัย และจะแบ่งวิกฤตเป็น 3 ระดับ
"1.วิกฤตด้านกฎหมาย ที่ยอมรับว่าหละหลวมมากๆ สำหรับพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (พ.ร.บ.กสทช.) ปี 2553 2.วิกฤตการทำงานในกสทช. ซึ่งเป็นวิกฤตใหญ่ที่จะนำไปสู่การปฏิรูป และ 3.วิกฤตการแบ่งแยกอำนาจการทำงานระหว่างรัฐบาล และกสทช. ที่คาบเกี่ยวระหว่างกัน"
แม้ว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 ระบุให้ กสทช.เป็นองค์กรเดียวกันที่ดูแลทั้ง 2 กิจการ คือ กิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม จะถูกยกเลิกไปแล้ว ขณะที่พ.ร.บ.กสทช.ยังอยู่ แต่ในทางปฏิบัติจริงได้นำกฎหมายลูกมาใช้ ทำให้การทำงานแบ่งเป็น 3 องค์กร ได้แก่ สำนักงานกสทช.ที่ขึ้นกับประธานกสทช., คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) และคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ส่งผลให้ตอนนี้นำไปสู่การปฏิบัติงานที่มีปัญหา เช่น กรณีปัญหาช่อง 3
"ทำให้เกิดคำถามว่า กสทช.มีอำนาจในการทำงานหรือไม่ เพราะกฎหมายลูกได้ให้อำนาจบอร์ดเล็ก (กสท.) อยู่ จึงขอเรียกร้องให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และรัฐบาล ได้มีการแก้กฎหมายระบุอำนาจให้ชัดเจนว่าอำนาจเป็นของบอร์ดเดียว หรือจะแบ่งเป็น 3 บอร์ดเหมือนเดิม เพราะตอนนี้อำนาจเสมือนมีหลายนิติบุคคล"
ส่วนปัญหาการแบ่งแยกอำนาจของรัฐบาลกับกสทช. เช่น อำนาจของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กับกสทช.ที่ยังไม่มีความชัดเจน จึงขอเรียกร้องผ่านสนช. และรัฐบาลให้แก้กฎหมายแบ่งแยกอำนาจให้ชัดเจน ถ้าอำนาจใดเป็นของกระทรวงไอซีทีก็โอนอำนาจไปให้ทั้งหมด และหากอำนาจหน้าที่ใดเป็น ของ กสทช.ก็โอนมาให้ กสทช.
กสทช.ตั้งใจทำงานที่จะกำกับดูแลอย่างชัดเจน นอกจากนี้ อยากให้แก้กฎหมายในส่วนของงบประมาณ กสทช.ไปสิ้นสุดที่รัฐสภา เพื่อให้งบมีความโปร่งใส ลดปัญหาคำครหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
ที่มา : นสพ.ข่าวสด
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1412655963
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวภายหลังงานปาฐกถาพิเศษเปิดใจเลขาธิการ กสทช. "แนวทางฝ่าวิกฤตองค์กร" ว่า วิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้นในองค์กรมีหลายปัจจัย และจะแบ่งวิกฤตเป็น 3 ระดับ
"1.วิกฤตด้านกฎหมาย ที่ยอมรับว่าหละหลวมมากๆ สำหรับพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (พ.ร.บ.กสทช.) ปี 2553 2.วิกฤตการทำงานในกสทช. ซึ่งเป็นวิกฤตใหญ่ที่จะนำไปสู่การปฏิรูป และ 3.วิกฤตการแบ่งแยกอำนาจการทำงานระหว่างรัฐบาล และกสทช. ที่คาบเกี่ยวระหว่างกัน"
แม้ว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 ระบุให้ กสทช.เป็นองค์กรเดียวกันที่ดูแลทั้ง 2 กิจการ คือ กิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม จะถูกยกเลิกไปแล้ว ขณะที่พ.ร.บ.กสทช.ยังอยู่ แต่ในทางปฏิบัติจริงได้นำกฎหมายลูกมาใช้ ทำให้การทำงานแบ่งเป็น 3 องค์กร ได้แก่ สำนักงานกสทช.ที่ขึ้นกับประธานกสทช., คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) และคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ส่งผลให้ตอนนี้นำไปสู่การปฏิบัติงานที่มีปัญหา เช่น กรณีปัญหาช่อง 3
______________________________
โวย "กฎหมายคุมสื่อสาร" พันกันนัว-ติดขัดไปหมด เลขา กสทช.จี้รัฐแก้อำนาจซ้ำซ้อน
"ฐากร ตัณฑสิทธิ์" เลขาธิการ กสทช. ซัดเปรี้ยงกฎหมายซ้ำซ้อนทำให้ กสทช.เกิดความวุ่นวาย ชี้สารพัดกฎหมายลูกขัดแย้งกับอำนาจ กสทช.จนทำอะไรไม่สะดวก วอนผู้เกี่ยวข้องเร่งแก้
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวภายหลังงานปาฐกถาพิเศษเปิดใจเลขาธิการ กสทช. "แนวทางฝ่าวิกฤตองค์กร" ว่า วิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้นในองค์กรมีหลายปัจจัย และจะแบ่งวิกฤตเป็น 3 ระดับ
"1.วิกฤตด้านกฎหมาย ที่ยอมรับว่าหละหลวมมากๆ สำหรับพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (พ.ร.บ.กสทช.) ปี 2553 2.วิกฤตการทำงานในกสทช. ซึ่งเป็นวิกฤตใหญ่ที่จะนำไปสู่การปฏิรูป และ 3.วิกฤตการแบ่งแยกอำนาจการทำงานระหว่างรัฐบาล และกสทช. ที่คาบเกี่ยวระหว่างกัน"
แม้ว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 ระบุให้ กสทช.เป็นองค์กรเดียวกันที่ดูแลทั้ง 2 กิจการ คือ กิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม จะถูกยกเลิกไปแล้ว ขณะที่พ.ร.บ.กสทช.ยังอยู่ แต่ในทางปฏิบัติจริงได้นำกฎหมายลูกมาใช้ ทำให้การทำงานแบ่งเป็น 3 องค์กร ได้แก่ สำนักงานกสทช.ที่ขึ้นกับประธานกสทช., คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) และคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ส่งผลให้ตอนนี้นำไปสู่การปฏิบัติงานที่มีปัญหา เช่น กรณีปัญหาช่อง 3
"ทำให้เกิดคำถามว่า กสทช.มีอำนาจในการทำงานหรือไม่ เพราะกฎหมายลูกได้ให้อำนาจบอร์ดเล็ก (กสท.) อยู่ จึงขอเรียกร้องให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และรัฐบาล ได้มีการแก้กฎหมายระบุอำนาจให้ชัดเจนว่าอำนาจเป็นของบอร์ดเดียว หรือจะแบ่งเป็น 3 บอร์ดเหมือนเดิม เพราะตอนนี้อำนาจเสมือนมีหลายนิติบุคคล"
ส่วนปัญหาการแบ่งแยกอำนาจของรัฐบาลกับกสทช. เช่น อำนาจของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กับกสทช.ที่ยังไม่มีความชัดเจน จึงขอเรียกร้องผ่านสนช. และรัฐบาลให้แก้กฎหมายแบ่งแยกอำนาจให้ชัดเจน ถ้าอำนาจใดเป็นของกระทรวงไอซีทีก็โอนอำนาจไปให้ทั้งหมด และหากอำนาจหน้าที่ใดเป็น ของ กสทช.ก็โอนมาให้ กสทช.
กสทช.ตั้งใจทำงานที่จะกำกับดูแลอย่างชัดเจน นอกจากนี้ อยากให้แก้กฎหมายในส่วนของงบประมาณ กสทช.ไปสิ้นสุดที่รัฐสภา เพื่อให้งบมีความโปร่งใส ลดปัญหาคำครหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
ที่มา : นสพ.ข่าวสด
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1412655963
ไม่มีความคิดเห็น: