15 ตุลาคม 2557 Comseven ตั้งเป้า เป้ารายได้ปีนี้อยู่ที่ 15,000 ล้านบาท โต 10-15% จาก 14,000 ล้านบาทปีที่ผ่านมา ซึ่งครึ่งปีแรกทำได้ 7,700 ล้านบาท จากกรุงเทพฯ 48% ต่างจังหวัด 52%
ประเด็นหลัก
เงินลงทุนทั้งหมดมาจากกำไรสะสมแต่ละปี ไม่มีการกู้ระยะยาวจากธนาคาร ซึ่งจำนวนสาขาที่เปิดใหม่ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ส่วนเป้ารายได้ปีนี้อยู่ที่ 15,000 ล้านบาท โต 10-15% จาก 14,000 ล้านบาทปีที่ผ่านมา ซึ่งครึ่งปีแรกทำได้ 7,700 ล้านบาท จากกรุงเทพฯ 48% ต่างจังหวัด 52% หากแบ่งตามประเภทสินค้าแอปเปิลมากที่สุด 35% รองลงมาเป็นโน้ตบุ๊ก 30%, เดสก์ทอป 10% ที่เหลือเป็นสินค้าอื่น ๆ
______________________________
"คอมเซเว่น" เร่งสปีดลงทุนเพิ่ม ขยับระดมทุนขยายเครือข่าย
"คอมเซเว่น" ไม่ลดสปีดลงทุน เร่งเปิด"แมงโก้ โมบาย" สนามภูธรเสริมเครือข่ายค้าปลีก "ไอที-มือถือ" ให้ครบ 301 แห่งในสิ้นปี เตรียมระดมทุนในตลาดหุ้นปีหน้า โชว์ผลงานขึ้นแท่นผู้จัดจำหน่ายสินค้าแอปเปิลอันดับ 1 ในเซาท์อีสต์เอเชีย พร้อมลุยอาเซียนนำร่องที่ "พม่า" โกยรายได้แตะ 15,000 ล้านบาทในสิ้นปี
นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คอมเซเว่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าไอทีภายใต้ร้านบานาน่าไอทีกล่าวว่า ในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ตลาดไอทีจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากผู้บริโภคชะลอการจับจ่าย ดังจะเห็นได้จากยอดขายโน้ตบุ๊กที่เริ่มกระเตื้องขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3 จากการเปิดภาคการศึกษา และถึงเวลาเปลี่ยนเครื่องรุ่นใหม่ ขณะที่ภาพรวมตลาดในครึ่งปีแรกอยู่ในภาวะทรงตัวตรงกับที่คาดการณ์ไว้ แต่ยังลงทุนต่อเนื่องเพื่อขยายหน้าร้านให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยใช้เงิน 400 ล้านบาท เปิดสาขาเพิ่ม 67 แห่ง ทั้งบานาน่า ไอที, ไอสตูดิโอบาย คอมเซเว่น, บานาน่า โมบาย, ซัมซุงแบรนด์ช็อป และไอแคร์ (iCare) ศูนย์บริการสินค้าแอปเปิลเต็มรูปแบบ ทำให้สิ้นปีมี 301 สาขา
เงินลงทุนทั้งหมดมาจากกำไรสะสมแต่ละปี ไม่มีการกู้ระยะยาวจากธนาคาร ซึ่งจำนวนสาขาที่เปิดใหม่ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ส่วนเป้ารายได้ปีนี้อยู่ที่ 15,000 ล้านบาท โต 10-15% จาก 14,000 ล้านบาทปีที่ผ่านมา ซึ่งครึ่งปีแรกทำได้ 7,700 ล้านบาท จากกรุงเทพฯ 48% ต่างจังหวัด 52% หากแบ่งตามประเภทสินค้าแอปเปิลมากที่สุด 35% รองลงมาเป็นโน้ตบุ๊ก 30%, เดสก์ทอป 10% ที่เหลือเป็นสินค้าอื่น ๆ
"เป้า 15,000 ล้าบาท ลดจากเดิมที่ตั้งไว้ 17,000 ล้านบาทเมื่อต้นปี เพราะตลาดไอทีครึ่งปีแรกยังไม่ฟื้น ด้วยการที่เรามีรายได้ระดับหมื่นล้านบาททำให้การโต 30% เหมือน 2-3 ปีก่อนเป็นไปได้ยาก จากนี้ จะตั้งเป้าโต 10% ทุกปี และขยายสาขาให้ถึง 500 แห่งใน 3-5 ปี เข้าถึงระดับอำเภอ จากปัจจุบันมีสาขาใน 105 อำเภอ จาก 500 กว่าอำเภอทั่วประเทศ"
สำหรับการขยายการลงทุนไปในระดับอำเภอนั้น ดำเนินการโดยบริษัท แมงโก้ โมบาย จำกัด ซึ่งตั้งขึ้นมาเพื่อบริหารร้านจำหน่ายโทรศัพท์ "แมงโก้ โมบาย" และดูแลช่องทางขายออนไลน์ www.mangoshoping.com ปัจจุบันมี 30 แห่ง เน้นในไฮเปอร์เทรดต่างจังหวัด และห้องแถวในย่านชุมชน ตั้งเป้าเปิดให้ครบ 100 สาขาปลายปีนี้โดยลงทุนเองทั้งหมด แต่ต่อไปจะขยายเพิ่มในรูปแบบแฟรนไชส์
นอกจากนี้ ในช่วงที่กำลังซื้อชะลอตัว บริษัทได้เข้าไปรุกตลาดองค์กรที่มีคอมพิวเตอร์ 50-100 เครื่อง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เข้างานโปรเจ็กต์ จากเดิมเน้นค้าปลีก และมีรายได้ทั้งหมดมาจากลูกค้าทั่วไป
นายสุระกล่าวต่อว่า สินค้าประเภทสวมใส่ "Wearable Device" ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทำให้ปลายปีเตรียมจัดเป็นเซตคล้ายกระเช้าสุขภาพให้ ลูกค้าเลือกซื้อราคา 1,000-10,000 บาท ที่ขายดีคือ กำไลสุขภาพที่วัดชีพจร และนับก้าวเดินแต่ละวัน และได้เปิดร้านเฉพาะ "B Play" 2 แห่ง ทดลองตลาด และเพื่อให้การขยายสาขาทำได้เร็วขึ้น เตรียมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ปลาย ต.ค.จะแปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชน และยื่นเอกสารให้ ตลท.พิจารณา เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 225 ล้านบาท เป็น 300 ล้านบาท คาดว่าจะเข้าได้ครึ่งปีแรกปี 2558
"เราเป็นค้าปลีกไอทีที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดที่ 25% เป็นผู้จำหน่ายสินค้าแอปเปิลอันดับ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปีหน้ามีแผนรุกตลาดประเทศที่ติดกับไทย โดยไปที่พม่าแล้ว คาดว่าใน 3 ปีรายได้ต่างประเทศจะมีสัดส่วน 3% เงินที่ได้จากระดมทุนจะนำไปขยายสาขาให้เร็วกว่าเดิม"
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1413347964
เงินลงทุนทั้งหมดมาจากกำไรสะสมแต่ละปี ไม่มีการกู้ระยะยาวจากธนาคาร ซึ่งจำนวนสาขาที่เปิดใหม่ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ส่วนเป้ารายได้ปีนี้อยู่ที่ 15,000 ล้านบาท โต 10-15% จาก 14,000 ล้านบาทปีที่ผ่านมา ซึ่งครึ่งปีแรกทำได้ 7,700 ล้านบาท จากกรุงเทพฯ 48% ต่างจังหวัด 52% หากแบ่งตามประเภทสินค้าแอปเปิลมากที่สุด 35% รองลงมาเป็นโน้ตบุ๊ก 30%, เดสก์ทอป 10% ที่เหลือเป็นสินค้าอื่น ๆ
______________________________
"คอมเซเว่น" เร่งสปีดลงทุนเพิ่ม ขยับระดมทุนขยายเครือข่าย
"คอมเซเว่น" ไม่ลดสปีดลงทุน เร่งเปิด"แมงโก้ โมบาย" สนามภูธรเสริมเครือข่ายค้าปลีก "ไอที-มือถือ" ให้ครบ 301 แห่งในสิ้นปี เตรียมระดมทุนในตลาดหุ้นปีหน้า โชว์ผลงานขึ้นแท่นผู้จัดจำหน่ายสินค้าแอปเปิลอันดับ 1 ในเซาท์อีสต์เอเชีย พร้อมลุยอาเซียนนำร่องที่ "พม่า" โกยรายได้แตะ 15,000 ล้านบาทในสิ้นปี
นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คอมเซเว่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าไอทีภายใต้ร้านบานาน่าไอทีกล่าวว่า ในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ตลาดไอทีจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากผู้บริโภคชะลอการจับจ่าย ดังจะเห็นได้จากยอดขายโน้ตบุ๊กที่เริ่มกระเตื้องขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3 จากการเปิดภาคการศึกษา และถึงเวลาเปลี่ยนเครื่องรุ่นใหม่ ขณะที่ภาพรวมตลาดในครึ่งปีแรกอยู่ในภาวะทรงตัวตรงกับที่คาดการณ์ไว้ แต่ยังลงทุนต่อเนื่องเพื่อขยายหน้าร้านให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยใช้เงิน 400 ล้านบาท เปิดสาขาเพิ่ม 67 แห่ง ทั้งบานาน่า ไอที, ไอสตูดิโอบาย คอมเซเว่น, บานาน่า โมบาย, ซัมซุงแบรนด์ช็อป และไอแคร์ (iCare) ศูนย์บริการสินค้าแอปเปิลเต็มรูปแบบ ทำให้สิ้นปีมี 301 สาขา
เงินลงทุนทั้งหมดมาจากกำไรสะสมแต่ละปี ไม่มีการกู้ระยะยาวจากธนาคาร ซึ่งจำนวนสาขาที่เปิดใหม่ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ส่วนเป้ารายได้ปีนี้อยู่ที่ 15,000 ล้านบาท โต 10-15% จาก 14,000 ล้านบาทปีที่ผ่านมา ซึ่งครึ่งปีแรกทำได้ 7,700 ล้านบาท จากกรุงเทพฯ 48% ต่างจังหวัด 52% หากแบ่งตามประเภทสินค้าแอปเปิลมากที่สุด 35% รองลงมาเป็นโน้ตบุ๊ก 30%, เดสก์ทอป 10% ที่เหลือเป็นสินค้าอื่น ๆ
"เป้า 15,000 ล้าบาท ลดจากเดิมที่ตั้งไว้ 17,000 ล้านบาทเมื่อต้นปี เพราะตลาดไอทีครึ่งปีแรกยังไม่ฟื้น ด้วยการที่เรามีรายได้ระดับหมื่นล้านบาททำให้การโต 30% เหมือน 2-3 ปีก่อนเป็นไปได้ยาก จากนี้ จะตั้งเป้าโต 10% ทุกปี และขยายสาขาให้ถึง 500 แห่งใน 3-5 ปี เข้าถึงระดับอำเภอ จากปัจจุบันมีสาขาใน 105 อำเภอ จาก 500 กว่าอำเภอทั่วประเทศ"
สำหรับการขยายการลงทุนไปในระดับอำเภอนั้น ดำเนินการโดยบริษัท แมงโก้ โมบาย จำกัด ซึ่งตั้งขึ้นมาเพื่อบริหารร้านจำหน่ายโทรศัพท์ "แมงโก้ โมบาย" และดูแลช่องทางขายออนไลน์ www.mangoshoping.com ปัจจุบันมี 30 แห่ง เน้นในไฮเปอร์เทรดต่างจังหวัด และห้องแถวในย่านชุมชน ตั้งเป้าเปิดให้ครบ 100 สาขาปลายปีนี้โดยลงทุนเองทั้งหมด แต่ต่อไปจะขยายเพิ่มในรูปแบบแฟรนไชส์
นอกจากนี้ ในช่วงที่กำลังซื้อชะลอตัว บริษัทได้เข้าไปรุกตลาดองค์กรที่มีคอมพิวเตอร์ 50-100 เครื่อง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เข้างานโปรเจ็กต์ จากเดิมเน้นค้าปลีก และมีรายได้ทั้งหมดมาจากลูกค้าทั่วไป
นายสุระกล่าวต่อว่า สินค้าประเภทสวมใส่ "Wearable Device" ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทำให้ปลายปีเตรียมจัดเป็นเซตคล้ายกระเช้าสุขภาพให้ ลูกค้าเลือกซื้อราคา 1,000-10,000 บาท ที่ขายดีคือ กำไลสุขภาพที่วัดชีพจร และนับก้าวเดินแต่ละวัน และได้เปิดร้านเฉพาะ "B Play" 2 แห่ง ทดลองตลาด และเพื่อให้การขยายสาขาทำได้เร็วขึ้น เตรียมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ปลาย ต.ค.จะแปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชน และยื่นเอกสารให้ ตลท.พิจารณา เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 225 ล้านบาท เป็น 300 ล้านบาท คาดว่าจะเข้าได้ครึ่งปีแรกปี 2558
"เราเป็นค้าปลีกไอทีที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดที่ 25% เป็นผู้จำหน่ายสินค้าแอปเปิลอันดับ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปีหน้ามีแผนรุกตลาดประเทศที่ติดกับไทย โดยไปที่พม่าแล้ว คาดว่าใน 3 ปีรายได้ต่างประเทศจะมีสัดส่วน 3% เงินที่ได้จากระดมทุนจะนำไปขยายสาขาให้เร็วกว่าเดิม"
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1413347964
ไม่มีความคิดเห็น: