04 พฤศจิกายน 2557 ฮิลตัน เวิลด์ไวด์ (Hilton Worldwide) ระบุ การเปลี่ยนระบบจากการใช้กุญแจเปิดห้องมาเป็นสมาร์ทโฟนไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งแต่ละโรงแรมต่างต้องการเทคโนโลยีที่ปลอดภัย และเสถียรมากพอเข้ามาช่วย
ประเด็นหลัก
ด้านฮิลตัน เวิลด์ไวด์ (Hilton Worldwide) เองก็มีแผนจะให้บริการดังกล่าวด้วยเช่นกัน โดยคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในช่วงสิ้นปีหน้า แต่ไม่ได้ระบุว่าจะมีโรงแรมของบริษัทกี่แห่งที่สามารถใช้บริการดังกล่าวได้
ส่วนเครือโรงแรมยักษ์ใหญ่ เช่น แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล (Marriott International) เองก็มีรูปแบบการให้บริการดังกล่าวเช่นกัน โดยโปรแกรมของโรงแรมนั้นคาดว่าจะใช้ได้กับ 4,000 โรงแรมทั่วโลกภายในสิ้นปีนี้ ความสามารถของโปรแกรมคือ เมื่อห้องพักพร้อมสำหรับการเข้าพัก ระบบจะส่งข้อความไปยังสมาร์ทโฟนของแขกผู้เข้าพักเพื่อแจ้งให้ทราบ จากนั้นทางส่วนต้อนรับของโรงแรมจะจัดเตรียมกุญแจห้องเอาไว้ให้ รวมถึงมีทางด่วนพิเศษแยกออกมาจากการเช็กอินปกติด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น โรงแรมหลายแห่งกำลังหันมาจับตลาดอุปกรณ์ Gadget ในการให้บริการลูกค้าได้ตรงต่อความต้องการมากยิ่งขึ้น เช่น การขอบริการ Wakeup Call ผ่าน iPad รวมถึงการขายแพกเกจต่างๆ เช่น สปา อาหารค่ำผ่านแท็บเล็ต และมีความเป็นไปได้ด้วยว่า “นาฬิกาอัจฉริยะ” ที่กำลังเปิดตลาดอยู่ในขณะนี้อาจเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของบรรดาโรงแรมในอนาคตด้วยก็เป็นได้
อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนระบบจากการใช้กุญแจเปิดห้องมาเป็นสมาร์ทโฟนไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งแต่ละโรงแรมต่างต้องการเทคโนโลยีที่ปลอดภัย และเสถียรมากพอเข้ามาช่วยในการติดต่อสื่อสารกับสมาร์ทโฟนกันทั้งสิ้น และค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนระบบในครั้งนี้ก็คงไม่ใช่น้อยๆ เลยทีเดียว
______________________________
เทรนด์ใหม่โรงแรม เช็กอินด้วยสมาร์ทโฟน
หมดยุคเข้าคิวรอรับกุญแจห้องพักโรงแรมกันแล้ว เมื่อเทรนด์ใหม่ของธุรกิจโรงแรมกำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการใช้สมาร์ทโฟน และ Wearable Tech ในการเช็กอินเข้าพัก รวมถึงใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ของโรงแรม
เรียกได้ว่าประหยัดเวลาไปได้อีกมากโข กับโปรแกรมใหม่สำหรับผู้เข้าพักในโรงแรม ด้วยการอนุญาตให้แขกผู้พักสามารถใช้สมาร์ทโฟนของตัวเองเปิดห้องพักแทนการใช้กุญแจ ซึ่งลักษณะการทำงานใกล้เคียงกับการใช้สมาร์ทโฟนเช็กอินการเดินทางโดยเครื่องบินโดยสารที่นำร่องไปก่อนแล้ว โดยการเช็กอินห้องพักโรงแรมในรูปแบบดังกล่าว ลูกค้ายังสามารถเลือกแบบห้องที่ต้องการพักได้อีกด้วย
สำหรับโรงแรมที่มีแผนดังกล่าวมีตั้งแต่ สตาร์วูดโฮเทลแอนด์รีสอร์ท ซึ่งคาดว่าจะขยายแผนการเช็กอินด้วยสมาร์ทโฟนไปยังโรงแรมสาขาที่มีมากกว่า 140 แห่งให้ได้ภายในกลางปีหน้า
“เราพบว่าแขกที่มาพักต้องการสิ่งนี้ เพราะมันช่วยให้การเข้าพักของพวกเขาง่ายขึ้น แขกสามารถตรงไปยังห้องพักได้เลย และนั่นช่วยประหยัดเวลาให้พวกเขาได้มาก” Mark Vondrasek ผู้บริหารของสตาร์วูดในฐานะผู้ดูแลด้านแนวคิดดิจิตอล และด้าน loyalty program กล่าว
ด้านฮิลตัน เวิลด์ไวด์ (Hilton Worldwide) เองก็มีแผนจะให้บริการดังกล่าวด้วยเช่นกัน โดยคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในช่วงสิ้นปีหน้า แต่ไม่ได้ระบุว่าจะมีโรงแรมของบริษัทกี่แห่งที่สามารถใช้บริการดังกล่าวได้
ส่วนเครือโรงแรมยักษ์ใหญ่ เช่น แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล (Marriott International) เองก็มีรูปแบบการให้บริการดังกล่าวเช่นกัน โดยโปรแกรมของโรงแรมนั้นคาดว่าจะใช้ได้กับ 4,000 โรงแรมทั่วโลกภายในสิ้นปีนี้ ความสามารถของโปรแกรมคือ เมื่อห้องพักพร้อมสำหรับการเข้าพัก ระบบจะส่งข้อความไปยังสมาร์ทโฟนของแขกผู้เข้าพักเพื่อแจ้งให้ทราบ จากนั้นทางส่วนต้อนรับของโรงแรมจะจัดเตรียมกุญแจห้องเอาไว้ให้ รวมถึงมีทางด่วนพิเศษแยกออกมาจากการเช็กอินปกติด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น โรงแรมหลายแห่งกำลังหันมาจับตลาดอุปกรณ์ Gadget ในการให้บริการลูกค้าได้ตรงต่อความต้องการมากยิ่งขึ้น เช่น การขอบริการ Wakeup Call ผ่าน iPad รวมถึงการขายแพกเกจต่างๆ เช่น สปา อาหารค่ำผ่านแท็บเล็ต และมีความเป็นไปได้ด้วยว่า “นาฬิกาอัจฉริยะ” ที่กำลังเปิดตลาดอยู่ในขณะนี้อาจเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของบรรดาโรงแรมในอนาคตด้วยก็เป็นได้
อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนระบบจากการใช้กุญแจเปิดห้องมาเป็นสมาร์ทโฟนไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งแต่ละโรงแรมต่างต้องการเทคโนโลยีที่ปลอดภัย และเสถียรมากพอเข้ามาช่วยในการติดต่อสื่อสารกับสมาร์ทโฟนกันทั้งสิ้น และค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนระบบในครั้งนี้ก็คงไม่ใช่น้อยๆ เลยทีเดียว
http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9570000126811
ด้านฮิลตัน เวิลด์ไวด์ (Hilton Worldwide) เองก็มีแผนจะให้บริการดังกล่าวด้วยเช่นกัน โดยคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในช่วงสิ้นปีหน้า แต่ไม่ได้ระบุว่าจะมีโรงแรมของบริษัทกี่แห่งที่สามารถใช้บริการดังกล่าวได้
ส่วนเครือโรงแรมยักษ์ใหญ่ เช่น แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล (Marriott International) เองก็มีรูปแบบการให้บริการดังกล่าวเช่นกัน โดยโปรแกรมของโรงแรมนั้นคาดว่าจะใช้ได้กับ 4,000 โรงแรมทั่วโลกภายในสิ้นปีนี้ ความสามารถของโปรแกรมคือ เมื่อห้องพักพร้อมสำหรับการเข้าพัก ระบบจะส่งข้อความไปยังสมาร์ทโฟนของแขกผู้เข้าพักเพื่อแจ้งให้ทราบ จากนั้นทางส่วนต้อนรับของโรงแรมจะจัดเตรียมกุญแจห้องเอาไว้ให้ รวมถึงมีทางด่วนพิเศษแยกออกมาจากการเช็กอินปกติด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น โรงแรมหลายแห่งกำลังหันมาจับตลาดอุปกรณ์ Gadget ในการให้บริการลูกค้าได้ตรงต่อความต้องการมากยิ่งขึ้น เช่น การขอบริการ Wakeup Call ผ่าน iPad รวมถึงการขายแพกเกจต่างๆ เช่น สปา อาหารค่ำผ่านแท็บเล็ต และมีความเป็นไปได้ด้วยว่า “นาฬิกาอัจฉริยะ” ที่กำลังเปิดตลาดอยู่ในขณะนี้อาจเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของบรรดาโรงแรมในอนาคตด้วยก็เป็นได้
อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนระบบจากการใช้กุญแจเปิดห้องมาเป็นสมาร์ทโฟนไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งแต่ละโรงแรมต่างต้องการเทคโนโลยีที่ปลอดภัย และเสถียรมากพอเข้ามาช่วยในการติดต่อสื่อสารกับสมาร์ทโฟนกันทั้งสิ้น และค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนระบบในครั้งนี้ก็คงไม่ใช่น้อยๆ เลยทีเดียว
______________________________
เทรนด์ใหม่โรงแรม เช็กอินด้วยสมาร์ทโฟน
หมดยุคเข้าคิวรอรับกุญแจห้องพักโรงแรมกันแล้ว เมื่อเทรนด์ใหม่ของธุรกิจโรงแรมกำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการใช้สมาร์ทโฟน และ Wearable Tech ในการเช็กอินเข้าพัก รวมถึงใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ของโรงแรม
เรียกได้ว่าประหยัดเวลาไปได้อีกมากโข กับโปรแกรมใหม่สำหรับผู้เข้าพักในโรงแรม ด้วยการอนุญาตให้แขกผู้พักสามารถใช้สมาร์ทโฟนของตัวเองเปิดห้องพักแทนการใช้กุญแจ ซึ่งลักษณะการทำงานใกล้เคียงกับการใช้สมาร์ทโฟนเช็กอินการเดินทางโดยเครื่องบินโดยสารที่นำร่องไปก่อนแล้ว โดยการเช็กอินห้องพักโรงแรมในรูปแบบดังกล่าว ลูกค้ายังสามารถเลือกแบบห้องที่ต้องการพักได้อีกด้วย
สำหรับโรงแรมที่มีแผนดังกล่าวมีตั้งแต่ สตาร์วูดโฮเทลแอนด์รีสอร์ท ซึ่งคาดว่าจะขยายแผนการเช็กอินด้วยสมาร์ทโฟนไปยังโรงแรมสาขาที่มีมากกว่า 140 แห่งให้ได้ภายในกลางปีหน้า
“เราพบว่าแขกที่มาพักต้องการสิ่งนี้ เพราะมันช่วยให้การเข้าพักของพวกเขาง่ายขึ้น แขกสามารถตรงไปยังห้องพักได้เลย และนั่นช่วยประหยัดเวลาให้พวกเขาได้มาก” Mark Vondrasek ผู้บริหารของสตาร์วูดในฐานะผู้ดูแลด้านแนวคิดดิจิตอล และด้าน loyalty program กล่าว
ด้านฮิลตัน เวิลด์ไวด์ (Hilton Worldwide) เองก็มีแผนจะให้บริการดังกล่าวด้วยเช่นกัน โดยคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในช่วงสิ้นปีหน้า แต่ไม่ได้ระบุว่าจะมีโรงแรมของบริษัทกี่แห่งที่สามารถใช้บริการดังกล่าวได้
ส่วนเครือโรงแรมยักษ์ใหญ่ เช่น แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล (Marriott International) เองก็มีรูปแบบการให้บริการดังกล่าวเช่นกัน โดยโปรแกรมของโรงแรมนั้นคาดว่าจะใช้ได้กับ 4,000 โรงแรมทั่วโลกภายในสิ้นปีนี้ ความสามารถของโปรแกรมคือ เมื่อห้องพักพร้อมสำหรับการเข้าพัก ระบบจะส่งข้อความไปยังสมาร์ทโฟนของแขกผู้เข้าพักเพื่อแจ้งให้ทราบ จากนั้นทางส่วนต้อนรับของโรงแรมจะจัดเตรียมกุญแจห้องเอาไว้ให้ รวมถึงมีทางด่วนพิเศษแยกออกมาจากการเช็กอินปกติด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น โรงแรมหลายแห่งกำลังหันมาจับตลาดอุปกรณ์ Gadget ในการให้บริการลูกค้าได้ตรงต่อความต้องการมากยิ่งขึ้น เช่น การขอบริการ Wakeup Call ผ่าน iPad รวมถึงการขายแพกเกจต่างๆ เช่น สปา อาหารค่ำผ่านแท็บเล็ต และมีความเป็นไปได้ด้วยว่า “นาฬิกาอัจฉริยะ” ที่กำลังเปิดตลาดอยู่ในขณะนี้อาจเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของบรรดาโรงแรมในอนาคตด้วยก็เป็นได้
อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนระบบจากการใช้กุญแจเปิดห้องมาเป็นสมาร์ทโฟนไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งแต่ละโรงแรมต่างต้องการเทคโนโลยีที่ปลอดภัย และเสถียรมากพอเข้ามาช่วยในการติดต่อสื่อสารกับสมาร์ทโฟนกันทั้งสิ้น และค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนระบบในครั้งนี้ก็คงไม่ใช่น้อยๆ เลยทีเดียว
http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9570000126811
ไม่มีความคิดเห็น: