Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

10 พฤศจิกายน 2557 Huawei ในปี 2557-2558 มีแผนลงทุนกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับการวิจัยพัฒนา และกิจกรรมการตลาดเพื่อกระตุ้นตลาดและโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้า ซึ่งในปีนี้มียอดขายสมาร์ทโฟนแล้วกว่า 3 ล้านเครื่อง เติบโตขึ้น 3 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ประเด็นหลัก


"หยาง ฉู่" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวเว่ย ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ภูมิภาคอาเซียนมีการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟนอย่างมาก และถือเป็นตลาดหลักที่ทำให้เกิดรายได้ของหัวเว่ย และในปี 2557-2558 มีแผนลงทุนกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับการวิจัยพัฒนา และกิจกรรมการตลาดเพื่อกระตุ้นตลาดและโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้า ซึ่งในปีนี้มียอดขายสมาร์ทโฟนแล้วกว่า 3 ล้านเครื่อง เติบโตขึ้น 3 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และคาดว่าปีหน้าจะโตขึ้นอีก 2 เท่า โดยปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ที่ 60% ในประเทศพม่า และเกือบ 20% ในกัมพูชา เตรียมขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในปีหน้า

สำหรับในประเทศไทยตลาดสมาร์ทโฟนเติบโตสูงหลัก 10 ล้านเครื่องต่อปี และหัวเว่ยใช้เงินลงทุนไปแล้ว 9 ล้านเหรียญสหรัฐ ในการทำประชาสัมพันธ์เพื่อสื่อสารให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค รวมถึงขยายช่องทางการตลาดจากเดิมที่เน้น B2B มายัง B2C โดยตรงได้ไม่นานนัก แต่ได้รับการตอบรับที่ดีโดยมุ่งไปยังการทำตลาดในกลุ่มพรีเมี่ยมมากขึ้น ล่าสุดเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ "แอสเซนด์ เมท เซเว่น" ถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธง ที่ราคา 16,900 บาท



______________________________



เร่งเก็บแชร์สมาร์ทโฟน "หัวเว่ย" ส่ง Ascend Mate 7 บุก



เป็นอีกแบรนด์ที่เปิดเกมรุกไม่หยุดในตลาดสมาร์ทโฟน ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะในตลาดประเทศไทยอย่างแน่นอน แต่รวมทั้งอาเซียนสำหรับมังกรจีน "หัวเว่ย" ที่นับวันจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ในสมรภูมิเครื่องลูกข่ายโทรศัพท์มือถือ

"หยาง ฉู่" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวเว่ย ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ภูมิภาคอาเซียนมีการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟนอย่างมาก และถือเป็นตลาดหลักที่ทำให้เกิดรายได้ของหัวเว่ย และในปี 2557-2558 มีแผนลงทุนกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับการวิจัยพัฒนา และกิจกรรมการตลาดเพื่อกระตุ้นตลาดและโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้า ซึ่งในปีนี้มียอดขายสมาร์ทโฟนแล้วกว่า 3 ล้านเครื่อง เติบโตขึ้น 3 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และคาดว่าปีหน้าจะโตขึ้นอีก 2 เท่า โดยปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ที่ 60% ในประเทศพม่า และเกือบ 20% ในกัมพูชา เตรียมขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในปีหน้า

สำหรับในประเทศไทยตลาดสมาร์ทโฟนเติบโตสูงหลัก 10 ล้านเครื่องต่อปี และหัวเว่ยใช้เงินลงทุนไปแล้ว 9 ล้านเหรียญสหรัฐ ในการทำประชาสัมพันธ์เพื่อสื่อสารให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค รวมถึงขยายช่องทางการตลาดจากเดิมที่เน้น B2B มายัง B2C โดยตรงได้ไม่นานนัก แต่ได้รับการตอบรับที่ดีโดยมุ่งไปยังการทำตลาดในกลุ่มพรีเมี่ยมมากขึ้น ล่าสุดเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ "แอสเซนด์ เมท เซเว่น" ถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธง ที่ราคา 16,900 บาท

จุดเด่นของเครื่องรุ่นนี้ ประกอบด้วยหน้าจอ Full HD IPS LCD ขนาด 6 นิ้ว ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล รองรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.4 kitkat ซีพียู huawei kirin 925 Quad-core 1.8 GHz แบตเตอรี่ 4100 mAh กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล รองรับระบบตรวจจับลายนิ้วมือ มีให้เลือก 2 สี คือ สีดำ และสีเงิน ราคา 16,900 บาท โดยจะมีทั้งในแบบ 1 และ 2 ซิม

"เราเริ่มทำตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกมาได้เพียง 4 ปี ปัจจุบันเติบโตเป็นอันดับ 3 ของโลก ทั้งในกลุ่มสมาร์ทโฟนทั่วไป, ระดับกลาง และพรีเมี่ยม ซึ่งเราหันมาเน้นระดับพรีเมี่ยมมากขึ้น และเราคาดหวัง ที่จะรักษาส่วนแบ่งตลาดที่ 3% ด้วยการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงให้ความสำคัญกับบริการหลังการขาย"

แม้ตลาดสมาร์ทโฟนในไทยจะแข่งขันสูงมากทั้งกับบิ๊กแบรนด์อื่น และแบรนด์จีนด้วยกัน แต่หัวเว่ยเตรียมพร้อมมาอย่างดี ทั้งศึกษาวิจัยและพัฒนาสินค้าและการตลาด เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้า เช่น พัฒนาสินค้าพรีเมี่ยมออกสู่ตลาดในราคาที่ไม่สูงนักและบริการหลังการขายครบถ้วน เป็นต้น

"ในไทยแม้ตลาดสมาร์ทโฟนจะโตอย่างรวดเร็ว มีแบรนด์ใหม่เข้ามาต่อเนื่อง แต่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการแข่งขันคือความพร้อมในการพัฒนาสินค้าและบริการ ประกอบกันทั้งด้านราคาและคุณภาพ ถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้บริโภค หากแต่ละเจ้าแข่งกันที่คุณภาพและราคา"

ปัจจุบัน สำนักงานประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ "หัวเว่ย" อยู่ในประเทศไทย และมีสำนักงานเครือข่ายทั่วทั้งภูมิภาค ได้แก่ บังกลาเทศ, กัมพูชา, ฮ่องกง, อินเดีย, พม่า, เนปาล เป็นต้น มีพนักงานรวมกันกว่า 7,000 คน


http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1415530048

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.